ตอนที่ 1 ฉินหวังเฟย พระชายาสกุลเซี่ย
ตอนที่ 1
ฉินหวังเฟย พระชายาสกุลเซี่ย
นางแต่งเข้าจวนอ๋องมาเป็นเวลาครึ่งปีแล้ว ได้พบท่านอ๋องผู้เป็นสวามีนับครั้งได้ ฉินอ๋องผู้นี้ครั้งแรกที่นางได้พบเขาก็คือในคืนสมรส นางยังจำได้ดีว่าในคืนนั้นฉินอ๋องตรัสอะไรกับนางบ้าง
ย้อนกลับไปในคืนสมรส นางจำได้ดีว่าในคืนนั้นไม่มีแม้แต่คำแนะนำตัว ทันทีที่ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวของนางถูกท่านอ๋องเปิดออก นางจึงได้เห็นบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสวามีของนางอย่างชัดเจน
สมกับคำเล่าลือที่นางเคยได้ยินผ่านหูมาเป็นอย่างยิ่ง ฉินอ๋องผู้นี้ช่างมีท่าทางไม่เป็นมิตรอย่างที่สุด แม้จะนับได้ว่าพระองค์นั้นช่างมีพระพักตร์หล่อเหลาคมเข้มสมกับเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ อีกทั้งทั่วพระวรกายต่างก็แฝงไปด้วยรัศมีความสูงส่งที่แพร่ออกมารอบๆตัว จนนางอดไม่ได้ที่จะทั้งชื่นชมและเกรงกลัวต่อความสูงส่งนี้ไม่ได้
“อยู่ในจวนอ๋องแห่งนี้เจ้าคือฉินหวังเฟย ถือเป็นเจ้าของจวนนี้ครึ่งหนึ่งเช่นเดียวกับข้า หน้าที่ของเจ้าคือดูแลความเรียบร้อยในจวน และใช้ชีวิตในฐานะฉินหวังเฟยให้ดี อยู่ในจวนอ๋องนี้เจ้าจะมีทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเงินทองหรืออิสระ”
ในคืนเข้าหอนั้นฉินอ๋องไม่ได้ร่วมหอกับนางแต่อย่างใด หลังจากพูดคุย หรือจะเรียกว่าสั่งการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ออกจากห้องหอไปในทันที
อีกทั้งก่อนออกจากห้องหอไปยังกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้อีกว่า
“ข้าไม่หมายจะร่วมหอกับเจ้า เจ้าเองก็คงไม่หมายจะร่วมหอกับข้าเช่นเดียวกันกระมัง เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ต้องร่วมหอกัน ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตนเถอะ”
หากเป็นสตรีอื่นที่ได้ฟังท่านอ๋องตรัสออกมาเช่นนี้เห็นทีคงตรอมใจไปในเร็ววัน ต่างกันที่ผู้ที่ได้ฟังนี้คือนางที่ไม่ได้มีความต้องการจะแต่งงานกับพระองค์ตั้งแต่แรก จึงคิดว่าสิ่งที่ฉินอ๋องตรัสมานั้นช่างเป็นสิ่งที่ทำให้นางพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ข่าวทีว่าฉินอ๋องไม่ชอบข้องแวะสตรีคงจะเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นไม่ถือว่านางช่างโชคดีเป็นอย่างยิ่งหรอกหรือ ที่ไม่ต้องฝืนใจร่วมหอกับบุรุษที่เพิ่งเจอหน้าอีกทั้งนางนั้นไม่ได้รู้สึกชอบพอแต่อย่างไร แม้พระองค์จะทรงหล่อเหลามากก็เถอะ
หลังจากคืนเข้าหอ เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ท่านอ๋องและนางเข้าวังไปถวายพระพรฮ่องเต้และไทเฮาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งท่านอ๋องยังรับอาสาไปปราบชนเผ่าทางใต้ที่เริ่มรุกล้ำเขตแดนของแคว้นท่ามกลางการคัดค้านจากไทเฮาซึ่งดูเหมือนจะไม่สามารถห้ามปรามโอรสองค์เล็กของพระองค์เอาไว้ได้เลย
หกเดือนต่อมาหลังจากที่ท่านอ๋องไปปราบชนเผ่าทางใต้ในที่สุดข่าวจากทางใต้ก็ถูกส่งมา การปราบชนเผ่าทางใต้ผ่านไปอย่างเรียบร้อย และอีกไม่นานท่านอ๋องก็จะเสด็จกลับมา
ด้วยเหตุนี้นางจึงรู้สึกว้าวุ่นในใจเล็กๆ ครึ่งปีที่ผ่านมานี้นางใช้ชีวิตอยู่ในจวนอ๋องแห่งนี้จนชินเสียแล้ว เนื่องจากไม่มีท่านอ๋องอยู่ในจวนด้วย จวนทั้งจวนจึงเปรียบเสมือนเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว นางอยากนอนเวลาไหนก็นอน อยากกินเวลาไหนก็กิน ตามสบายไม่ต้องคอยเกรงผู้ใด
เมื่อรู้ข่าวว่าท่านอ๋องกำลังจะกลับมาแล้วจึงกลัวว่าต่อจากนี้ในจวนอ๋องนางจะต้องใช้ชีวิตอย่างอึดอัดแม้ท่านอ๋องจะเคยตรัสแล้วว่าให้ต่างคนต่างใช้ชีวิตไม่ข้องเกี่ยวกัน แต่ก็ใช่ว่านางในฐานะฉินหวังเฟยนี้จะทำได้ง่ายๆเสียเมื่อไหร่กัน
เป็นอันแน่ชัดแล้วว่าอีกสามวันท่านอ๋องก็จะกลับถึงจวนอ๋อง ผู้แจ้งข่าวไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นจางมามา(มามา เป็นคำเรียกนางในอาวุโส) คนสนิทของไทเฮาเป็นผู้ที่มาแจ้งข่าวให้นางทราบถึงจวนอ๋องด้วยตัวเอง ไม่เพียงมาเพื่อแจ้งข่าวเพียงเท่านั้น ไทเฮาผู้เป็นแม่สามีของนางยังมีคำสั่งให้จางมามาผู้นี้อยู่ดูแลนางและท่านอ๋องต่อที่จวนฉินอ๋องแห่งนี้อีกด้วย
แน่นอนว่าในเมื่อเป็นความต้องการของเสด็จแม่ที่ต้องการให้จางมามาอยู่ที่นี่ นางย่อมไม่อาจขัดสิ่งใดได้ สิ่งเดียวที่นางทำได้ก็คือแย้มยิ้มออกไปอย่างยินดี ทั้งที่ในใจนั้นกำลังจะอยากจะร้องไห้เต็มที
นางรู้ว่าเหตุที่จางมามาถูกส่งมาที่นี่ย่อมต้องมีอะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่ ตัวนางนั้นคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการของเสด็จแม่ไปก่อน รอให้ท่านอ๋องกลับมาแล้วค่อยหาลือกับพระองค์อีกคราว่าควรจะจัดการเช่นไรดีกับจางมามาผู้นี้ดี
