Episode 04: First experience with an ‘uke’ from novel【2】
กัลป์กลืนน้ำลายเอื้อก นึกถึงฉากเลิฟซีนที่เขียนให้เซย์จิถูกพระเอกซึ่งเพิ่งเจอกันครั้งแรกถูกจับมัดขึงพืดแบบนี้ก่อนมีอะไรกันทันใด
นี่ฉันกำลังจะโดนเอาคืนสินะเลี้ยงเสียข้าวสุกชัดๆ เลยนี่หว่า! รู้งี้ปล่อยให้หิวตายไปเลยก็ดี ไม่เลี้ยงราเมงจนกระเป๋าฟีบอย่างนี้หรอก!
“ปล่อย-เดี๋ยว-นี้” กัลป์เริ่มหมดความอดทน กดเสียงต่ำสั่งอีกครั้ง
เซย์จิก็ยังไม่ฟัง หนำซ้ำยังปลดปมผ้าเช็ดตัวที่ผูกเอวอยู่ออก เผยให้เห็นสิ่งไม่ควรโชว์เต็มสองตา กัลป์เบือนหน้าหนีทันใด ขณะที่เซย์จิกลั้วหัวเราะในลำคอ คลานขึ้นเตียงมาคร่อมร่างอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะใช้มือจับปลายคางมนให้หันมาสบตา
“อะไรกันอาจารย์กัน แค่นี้ถึงกับต้องหันหน้าหนีเลยหรือไง กลัวความอลังการของมันล่ะสินะ”
“อลังการบ้าบออะไร อันเท่าหนอน!” กัลป์สวนกลับแทบจะในทันใด
“หนอนหรือมังกร เดี๋ยวจะได้รู้กัน” เซย์จิหัวเราะอีกครั้ง ทิ้งตัวลงมาดึงขอบกางเกงขาสั้นของกัลป์ลงต่ำ
กัลป์ดิ้นหนีเต็มแรง แต่ข้อมือกับข้อเท้าที่ถูกมัดอยู่ก็ทำให้เคลื่อนไหวได้ไม่ดีนัก ทำได้ก็แค่แหกปากเสียงดังเท่านั้นแหละ
“บอกว่าอย่ายังไงล่ะเว้ย! อยากตายหรือไงวะ!”
เซย์จิหยุดมือที่ดึงกางเกงลงไปครึ่งก้น ทำหน้ารำคาญใจเล็กน้อย ก่อนจะทิ้งตัวลงจากเตียง ไปคุ้ยตู้เสื้อผ้า เอาเนคไทออกมาอีกเส้น
“เสียงดังน่ารำคาญ รู้มั้ยว่านี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว เดี๋ยวห้องข้างๆ ก็ตื่นขึ้นมาด่าหรอก”
ตื่นมาด่าก็ดี กัลป์ก็ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ยังไงมันก็ดีกว่าถูกไอ้นายเอกนิยายหื่นกามนี้ปล่ำล่ะวะ!
ทว่าเซย์จิไม่ยอมให้กัลป์ได้ส่งเสียงอีกต่อไป ตรงขึ้นมาคร่อมไว้อีกครั้ง ซ้ำคราวนี้ยังเอาเนคไทที่หยิบติดมือมาผูกปิดปากนักเขียนหนุ่มอีกต่างหาก
กัลป์สะบัดหน้าหนีเต็มที่ แต่ก็หนีไม่พ้น สุดท้ายก็โดนมัดแน่นจนส่งเสียงไม่ได้
“อื้อ! อื้อ!” มีแค่นี้แหละที่เล็ดลอดออกมาจากโพรงปาก
เซย์จิถอยออกมาดูผลงานด้วยสีหน้าพอใจ
“ส่งเสียงได้แค่นี้ก็พอแล้ว อย่าส่งเสียงเยอะ ฉันไม่ชอบคนโวยวาย มันทำให้หมดอารมณ์”
ไอ้โรคจิต! ทำไมโรคจิตอย่างนี้วะ ฉันไม่ได้ออกแบบบุคลิกนายให้เป็นคนแบบนี้นะเว้ย!
กัลป์ทำได้เพียงคิดในใจเท่านั้น เพราะเพียงสิ้นเสียง เซย์จิก็ขึ้นมาคร่อมเขาไว้อีกครั้ง ซ้ำยังดึงกางเกงเขาที่ถูกถอดไปเกือบครึ่งลงไปยังหน้าขาอีกด้วย ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเขาอยู่ในสภาพเปลือยท่อนล่าง ขณะที่ถูกเซย์จิในสภาพเปลือยทั้งตัวคร่อมไว้อยู่
“อื้อ!” กัลป์ดิ้นพล่านอีกครั้ง สถานการณ์ดูแย่กว่าตอนที่เขาถูกเซย์จิพยายามปล้ำในครั้งแรกที่เจอกันเสียอีก
เห็นนักเขียนหนุ่มยิ่งดิ้น เซย์จิก็ยิ่งได้ใจ ยกยิ้มเผล่ก่อนจะวางมือลงบนท้องน้อย ลูบขึ้นเพื่อถลกชายเสื้อให้ขึ้นไปอยู่เหนืออก
“ผิวเนียนดี ไม่น่าไปสักเลยแฮะ” พอเห็นรอยสักภาษาอังกฤษบนอกข้างซ้ายของอีกฝ่ายก็เผยอปากพูด ก่อนจะก้มลงจูบบนรอยสักเบาๆ “แต่ก็เร้าใจดี”
ไอ้เซย์จิ! ลุกไปเดี๋ยวนี้!
ประโยคนี้ดังก้องอยู่ในหัวกัลป์ครั้งแล้วครั้งเล่า หากแต่ปากมีเพียงเสียงดัง ‘อื้อ!’ หลุดออกมาเท่านั้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็น ‘เฮือก’ เมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนวางนาบลงมายังต้นคอ
เรียวปากหนาพรมจูบไปทั่วลำคอระหง ขบเม้มด้วยฟันและริมฝีปากราวกับจะกลืนกินทีละน้อย ก่อนจะลามไปยังใบหูจนกัลป์ได้ยินเสียงดังจุ๊บจั๊บชัดเจน และนั่นก็ทำให้เขาดิ้นพล่านหนักกว่าเดิม เซย์จิจึงต้องทิ้งน้ำหนักตัวเองลงบนช่วงหน้าท้องเพื่อให้ขยับไม่ได้
ถูกมัดขนาดนี้ ยังจะมีแรงดิ้นได้อีก สงสัยคงต้องทำให้เคลิ้มกว่านี้แล้วมั้ง...
รุกรานร่างกายขาวนวลไปก็คิดไป พลันก็ถอยจากการแจกจุมพิตบนลำคอและใบหูมายังใบหน้า สีหน้าของกัลป์ในขณะนี้ดูก้าวร้าวเป็นอย่างมาก กระนั้นใบหน้าหวานก็ไม่ทำให้เขาดูน่ากลัวนัก ดูน่าแกล้งมากกว่าด้วยซ้ำ
อยากรู้เหลือเกินว่าถ้ากัลป์โกรธจัดขึ้นมา สีหน้าจะเป็นอย่างไร
เซย์จิก็เลยพรมจูบไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงแผ่นอกที่มีรอยสัก พลันประทับจูบลงไปบนตัวอักษรภาษาอังกฤษนั่น กัลป์กระตุกเฮือก สะบัดหน้าหนีเต็มแรง ลำตัวก็กระเด้งหนีการสัมผัสนั้น หากแต่เซย์จิไม่ปล่อยไปง่ายๆ จรดปลายลิ้นลงบนรอยสัก ลากไล้ลงต่ำมาเรื่อยๆ จนถึงจุดนูนสีชมพูอ่อน
เขาใช้ปลายลิ้วแตะเบา บนยอด จากที่ดิ้นๆ อยู่ กัลป์ก็กระตุกเฮือกขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะเอี้ยวตัวหนีเมื่อความเสียวซ่านแล่นพล่านเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ตอบสนองดีนี่” เซย์จิว่าอย่างพอใจ กัลป์ได้สติ ตวัดดวงตาเกรี้ยวกราดมาให้
ทว่าเซย์จิก็ไม่ได้แยแส วาดปลายลิ้นลงมาอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่แตะ แต่เป็นการหยอกเย้าอย่างเต็มที่จนเม็ดเล็กๆ นั่นตื่นตัวขึ้นมา ซ้ำการที่เขากระทำอย่างคล่องแคล่วก็ทำให้คนที่ดิ้นพล่านอยู่ ดิ้นหนักเข้าไปใหญ่
ยิ่งเห็นว่าดิ้นรนหนี เซย์จิก็ยิ่งอยากแกล้ง เลยไม่รุกรานแค่เพียงฝั่งเดียวเท่านั้น ลูบฝ่ามือขึ้นมาวางทาบยอดอกอีกฝั่งและรุกรานด้วยปลายนิ้วชี้และนิ้วโป้ง
กัลป์ดิ้นหนักกว่าเดิม หากแต่ดิ้นไปได้ชั่วครู่ก็มีเสียงประหลาดตามออกมา
“อึก... อือ... อือ...”
ไม่ใช่เสียงของการขัดขืน แต่เป็นเสียงของความสุขสมที่พร่างพรายขึ้นมากะทันหัน
รอยยิ้มประดับพรายบนใบหน้าเจ้าเล่ห์อย่างพึงใจ ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงล้อเลียน
“รู้สึกดีล่ะสิ”
กัลป์ได้สติ รั้งเสียงไว้ในลำคอทันใด
“เฮ้ย รู้สึกดีก็ส่งเสียงออกมา ไม่เป็นไรหรอกน่า”
ใครมันจะไปรู้สึกดีวะ ไอ้ที่นายทำอยู่นี่มันล่วงละเมิดทางเพศชัดๆ!
“อื้อ! อื้อ!”
จากเสียงครางเมื่อครู่ก็กลายเป็นเสียงของการดิ้นรนขัดขืน หัวคิ้วของเซย์จิขมวดมุ่นทันใด
เมื่อกี้ยังทำเสียงน่าฟังอยู่เลยแท้ๆ ตอนนี้เป็นหมาบ้าอีกละ เห็นทีคงต้องบุกหนัก
บุกหนักที่ว่าหมายถึงการทำให้กัลป์คลั่งกว่าเดิมนั่นเอง เซย์จิวุ่นวายกับการลิ้มรสยอดอกสีสวยอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงมือจากหน้าอกลงต่ำไปยังหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม และลากยาวลงไปยังบริเวณส่วนอ่อนไหวกลางตัว
กัลป์ร้องสุดเสียง ถึงจะเป็นเสียงอู้อี้แต่ก็ไม่ต่างอะไรจากเสียงตะโกนนัก ก็แน่ล่ะ ไม่ตะโกนก็แปลกแล้ว จู่ๆ ก็ถูกรุกล้ำบริเวณที่ไม่ควรให้คนอื่นแตะต้องอย่างนั้นนี่นา
ทว่าเซย์จิไม่ยี่หระใดๆ เลื่อนมือไปกอบกุมส่วนนั้น ลูบไล้ไปมาเบาๆ จนแก่นกายที่ตื่นตัวน้อยๆ ขยายตัวเต็มที่
“ฉันจะทำให้นายรู้ว่าไอ้ที่นายเขียนน่ะ มันเด็กน้อย”
น้ำเสียงที่ฟังอย่างไรก็เหมือนเสียงของมัจจุราชทำเอากัลป์กลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ
นะ...หนีไม่รอดแล้ว
หนีไม่รอดจริงๆ เพราะเพียงสิ้นเสียง เขาก็ต้องกระตุกสุดตัวเมื่อฝ่ามือร้อนผ่าวเคลื่อนไหว เขาพยายามเอาตัวรอดด้วยการดิ้นหนีอีกครั้ง แต่คราวนี้เหมือนร่างกายจะไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาอย่างประหลาด ไม่สามารถขยับหนีได้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งเซย์จิเคลื่อนไหวฝ่ามือมากขึ้น แทนที่เขาจะหนีได้ดังใจ ดันไปขยับร่างกายตามการนำทางของเซย์จิอีก
เสียงหายใจหอบหนักดังลอดออกจากปากคนถูกกระทำมาให้ได้ยิน ใบหน้าขาวนวลแดงเรื่อยิ่งกว่าสีของมะเขือเทศสุก กัลป์ไม่อยากยอมรับเลยว่าการถูกสัมผัสอย่างนี้มันรู้สึกดีมากจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก ที่ไม่อยากยอมรับก็เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย แต่ก็ต้องยอมรับความจริงแหละว่าเซย์จิรู้จังหวะและจุดอ่อนไหวเป็นอย่างดี อาจเป็นเพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน เลยรู้ดีว่าบริเวณไหนควรแตะต้อง บริเวณไหนควรระวัง หรือบริเวณไหนควรได้รับการกระตุ้น
เซย์จิเห็นคนดื้อเมื่อครู่แอ่นกายรับตามการนำทางก็ยกยิ้มมุมปาก ใจอยากจะทำให้มากกว่านี้ แต่ดูท่ากัลป์จะรับไม่ไหวเพราะสีหน้าท่าทางดูอ่อนแรงเหลือเกิน เลยตัดสินใจว่าวันนี้จะสั่งสอนแบบเบาะๆ ไปก่อน ก่อนจะเร่งฝ่ามือขึ้นจนร่างของคนถูกมัดเกร็งสุดตัว
หัวสมองของกัลป์พร่างพรายไปด้วยแสงสีขาว ร่างกายร้อนรุ่มเมื่อครู่ถูกปลดปล่อยกลายเป็นความหนักอึ้งเข้ามาแทนที่ เขาหายใจหอบหนักกว่าเดิม เพลียกว่าเดิมด้วย แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกดีเป็นอย่างมาก
นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้... สี่เดือนที่แล้ว? ไม่สิ ห้าหรือหกเดือนต่างหาก มัวแต่ทุ่มเทเวลาให้นิยายจนลืมไปแล้วว่าร่างกายก็ต้องการการปลดปล่อยเหมือนกัน
ไม่ได้หมายความว่าปลดปล่อยกับคนอื่น ปลดปล่อยด้วยการจัดการตัวเองนี่แหละ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าพอได้ปลดปล่อยอีกที จะมีคนมาช่วย แถมยังเป็นผู้ชายที่หลุดออกมาจากนิยายตัวเองอีก
นี่มันเรื่องบ้าบอคอแตกชัดๆ!
“ทำเป็นไม่ยอม นายน่ะตอบสนองดีจะตาย” เซย์จิทำให้กัลป์ต้องตวัดดวงตาไปมองอย่างเอาเป็นเอาตายอีกครั้ง
หากแต่คนถูกมองไม่สนใจ เช็ดมือกับผ้าเช็ดตัวที่ตกอยู่บนพื้น แล้วจัดการปลดเนคไทที่มัดปากของกัลป์อยู่ออก
“ไว้วันหลังฉันจะทำให้มากกว่านี้ วันนี้พอแค่นี้ก่อน ดูท่าทางนายจะไม่ไหว”
คิดว่าจะมีวันหลังอีกหรือไงวะ!
กัลป์กัดฟันกรอดจนเป็นสันนูน อยากจะต่อยคนตรงหน้าที่ยิ้มแป้นอย่างพอใจกับผลงานตัวเองให้หายแค้นเหลือเกิน ทว่าพอถูกริมฝีปากนุ่มประทับลงมาบนหน้าผากอย่างแผ่วเบาแล้ว ความคิดนั้นก็มลายหายไปทันที
“พักซะ นายยังนอนไม่เต็มที่เลยนี่ เดี๋ยวฉันจะช่วยนวดให้ ตอบแทนที่นายเลี้ยงราเมง”
