บท
ตั้งค่า

Episode 04: First experience with an ‘uke’ from novel【3】

ไม่รู้ทำไมกัลป์ถึงได้ไม่อยากต่อยเซย์จิเอาดื้อๆ อาจเป็นเพราะเขาเหนื่อยกับสิ่งที่เจอมาทั้งวันแล้วก็ได้ ถึงได้ยอมโดยง่ายอย่างนี้

ส่วนเซย์จิ พอว่าจบก็ปลดเนคไทที่รัดข้อมือกับข้อเท้าของนักเขียนหนุ่มออก รอยรัดแดงเถือกปรากฏให้เห็นบนผิวเนื้อ แต่กัลป์ไม่มีเวลาจะสนใจแล้ว รีบคว้ากางเกงที่ยังคาอยู่ช่วงหน้าขาขึ้นมาสวมดังเดิม หน้าก็ร้อนวูบไปด้วยเมื่อถูกเซย์จิมองแล้วหัวเราะใส่ขำๆ

“ไม่ต้องอายหรอกน่า ฉันเห็นของนายหมดแล้ว ยังจะอายอะไรอีก เหลือแต่ข้างหลังนั่นแหละที่ยังไม่ได้สำรวจ แต่เดี๋ยวจะสำรวจแน่”

“หยุดพูดซะที!” กัลป์ขึ้นเสียง จากที่ไม่อยากต่อยเมื่อครู่ ตอนนี้อยากจะต่อยขึ้นมาอีกแล้ว

ทว่าเซย์จิไม่ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ แค่เห็นกัลป์ทำท่าเหมือนแมวจรจัดพร้อมสู้ เขาก็ตรงเข้ามาดันอกกัลป์ให้ลงนอน พลันจัดการบีบนวดแขนขาให้ทันที

“นอนไปเลย วันนี้นายใช้ร่างกายหนักแล้ว ฉันจะนวดให้จนกว่านายจะหลับ โอเคมั้ย”

กัลป์ไม่ตอบ ยอมนอนให้เซย์จิที่ยังเปลือยอยู่เหมือนเดิมนวดแต่โดยดี

เอาเถอะ อย่างน้อยๆ หมอนี่ก็ไม่ได้นวดแย่นัก ส่วนเรื่องเมื่อกี้... ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่เหมือนกัน ใช้เป็นข้อมูลเขียนนิยายได้อยู่ พักก่อนแล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลังแล้วกัน

ทั้งที่คิดว่าจะจัดการเซย์จิให้สาสมกับสิ่งที่กระทำกับเขา สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไรสักทีจนเวลาล่วงเลยมาเกือบอาทิตย์ เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ยอมทำอะไรทั้งที่มีโอกาสและมีอำนาจเหนือกว่าเซย์จิในฐานะเจ้าบ้าน และเป็นผู้สร้าง ยอมปล่อยให้เซย์จิได้ใจ ทำอะไรตามใจตัวเองไปเรื่อย ไม่เว้นแม้แต่การแตะเนื้อต้องตัวเขาทุกครั้งที่เผลอ

อันที่จริงจะบอกว่ายอมปล่อยให้แตะเนื้อต้องตัวก็ไม่ถูก ต้องบอกว่าปัดป้องไม่ได้ต่างหาก ก็เซย์จิน่ะตัวใหญ่กว่า ซ้ำยังแรงเยอะกว่า ปัดป้องไปก็สู้ไม่ได้ สุดท้ายก็โดนจับอยู่ดี

ถึงจะไม่ได้เป็นการแตะเนื้อต้องตัวเหมือนกับคืนนั้น แต่การถูกจับก้นบ้าง จับเป้ากางเกงบ้าง มันก็ชวนให้น่าโมโหเหมือนกันแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ถือตัวเรื่องการโดนจับร่างกายสักเท่าไหร่แล้วเพราะเห็นแก่ประโยชน์ในการเรียนรู้ร่างกายตัวเองเพื่อเอาไปเขียนนิยาย แต่ที่ทำให้เขาหงุดหงิดมากเป็นพิเศษก็คือ การมาถูกลูบๆ คลำๆ ตอนที่เขาทำงานอยู่นี่แหละ นี่ก็เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน กัลป์ก็ต้องปิดต้นฉบับตอนแรกของนิยายส่งให้ไค แต่งานเขากลับไม่คืบหน้าไปไหนเลยเพราะมีเซย์จิมาเกาะแกะไม่ห่าง ตอนนี้ก็เช่นกันที่ถูกเซย์จิกวนด้วยการขึ้นไปนั่งบนโต๊ะข้างโน้ตบุ๊ก ยื่นมือมาลูบข้างแก้มไปมาจนนักเขียนหนุ่มชักสีหน้า

“เซย์จิ... อย่ากวน”

“นายก็เขียนไปสิ ฉันก็แค่สร้างฟีลลิงให้นายเฉยๆ ว่าตอนไอ้พระเอกโรคจิตนั่นจับหน้านายเอกมันเป็นยังไง”

กัลป์ย่นหน้า... ใช่ ตอนนี้เขากำลังเขียนฉากที่พระเอกกำลังลูบไล้ใบหน้าของนายเอกอย่างเชยชมอยู่ แต่มันก็ไม่จำเป็นจะต้องสาธิตให้ดูทุกระเบียดนิ้วหรือเปล่าวะ ที่สำคัญ การมาแอบอ่านต้นฉบับเขานี่มันเสียมารยาทนะเว้ย!

ก็รู้แหละว่าเซย์จิไม่สนเหตุผลนั้น แค่อยากจะก่อกวนเพื่อเอาคืนเขาเรื่องเขียนให้เป็นฝ่ายรับอย่างเดียวเท่านั้น กัลป์ก็เลยทำได้แค่สะบัดหน้าออก จรดปลายนิ้วแล้วพิมพ์เนื้อเรื่องลงไปโดยไม่สนใจคนตัวใหญ่ที่ทำหน้าเบื่อขึ้นมา

“ไม่เล่นกับฉันเลยแฮะ น่าเบื่อว่ะ”

“เบื่อก็ไสหัวไป ฉันก็เบื่อนายเหมือนกัน” พูดโดยไม่หันไปมองสักนิด

เซย์จิทำปากยื่น ทิ้งตัวลงจากโต๊ะ เดินไปทรุดตัวนั่งบนขอบเตียง มือก็คว้าพนักพิงเก้าอี้ที่กัลป์นั่งอยู่ดึงเข้ามาหา

“งั้นเดี๋ยวฉันจะทำให้ไม่เบื่อแล้วกัน”

“ถ้านายคิดจะทำอะไรฉันโดยที่ฉันไม่อนุญาตอีกล่ะก็ เตรียมตัวไร้ที่ซุกหัวนอนได้เลย” กัลป์ขู่ฟ่อทันใด รู้ทันว่าเซย์จิคิดจะทำอะไร ดีที่คำขู่นั้นทำให้เซย์จิล้มเลิกความคิดได้

ก็แน่ล่ะ เซย์จิจะไปไหนได้ ขืนออกจากห้องของกัลป์ไป นอกจากจะไร้ที่ซุกหัวนอนแล้ว ก็จะไม่มีอะไรกินด้วย เขาหลุดออกมาจากนิยายนี่นา จะให้หางานทำหรือใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปอย่างราบรื่นได้อย่างไร ยังไงตอนนี้ก็ต้องพึ่งพิงกัลป์ไปก่อนแหละนะ

“นายนี่เย็นชากว่าที่ฉันคิดไว้อีกแฮะ” เซย์จิว่าติดตลก

ก็เย็นชาจริงๆ นั่นแหละ รู้ตั้งแต่เห็นแรกๆ ตั้งแต่ยังไม่หลุดออกมาจากนิยายแล้วว่ากัลป์เป็นคนยังไง แต่ยิ่งใกล้ชิดก็ยิ่งรู้ลึกกว่าเดิมว่ากัลป์เป็นพวกรักสันโดษ พูดก็น้อย พูดแต่ละทีก็ตรงเผงแบบขวานผ่าซากด้วย ตรงชนิดแบบว่าในสายตาคนญี่ปุ่นบางคนมองว่าเขาเป็นคนไม่มีมารยาทเลยแหละ ซ้ำยังแสดงออกให้เห็นบ่อยๆ ว่าเป็นพวกคิดถึงแต่ตัวเอง ทำได้ทุกอย่างเพื่อแลกกับสิ่งที่ตัวเองต้องการด้วย

เป็นคนอย่างนั้นแหละ ไม่อย่างนั้นเขาจะไปที่บาร์เพื่อหาคู่ขามาทดลองมีอะไรด้วยเพื่อเขียนฉากอย่างว่าในนิยายทำไม ที่ทำน่ะก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น แต่ก็นับว่าใจเด็ด ใจกล้าไม่เบา

“นายจะทำอะไรก็ทำไป แต่ขอเลยว่าอย่ามากวนฉัน ไม่งั้นฉันจะเปลี่ยนนายเอกให้กลับมาเป็นนายอีกครั้ง จะใช้สมุดสมปรารถนาเขียนด้วย คราวนี้จะเอาให้พิสดารจนนายคิดไม่ถึงเลยคอยดู” กัลป์ตัดบทเอาดื้อๆ

ตอนแรกเซย์จิก็จะไม่ปล่อยหรอก แต่พอถูกขู่ว่าจะใช้สมุดสมปรารถนาก็หวั่นใจขึ้นมา เพราะถ้ากัลป์เขียนด้วยความปรารถนาจากก้นบึ้งหัวใจจริงๆ เขาคงได้มีเซ็กส์วิตถารกับพระเอกโรคจิตนั่นแน่

“ตามสบาย” เซย์ยอมปล่อยมือทันที

กัลป์มองอย่างตำหนิ ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้กลับไปเขียนต้นฉบับต่อ เขียนไปได้สักพักก็ถึงฉากอย่างว่าอีกแล้ว เขานิ่ง ประมวลผลอยู่พักใหญ่ว่าจะบรรยายความรู้สึกนายเอกออกมาในลักษณะไหนดี ก่อนความทรงจำในคืนวันที่ถูกเซย์จิล่วงเกินจะแวบเข้ามาในหัว เท่านั้น ปลายนิ้วที่วางอยู่บนแป้นพิมพ์ก็สั่นระริกทันที พร้อมกับก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายที่เต้นรัวขึ้นมาด้วย

บะ...บรรยายตามที่รู้สึกก็แล้วกัน

สุดท้ายก็ตัดสินใจเขียนลงไปตามความรู้สึกเท่าที่จำได้ น่าแปลกที่ครั้งนี้ การเขียนบรรยายฉากนั้นกลับเป็นไปได้อย่างลื่นไหล ไม่ติดขัดเหมือนกับที่เขียนในตอนแรก ใช้เวลาไม่นานก็เขียนเสร็จสิ้นจนเขาอดแปลกใจตัวเองไม่ได้เลยว่าเขียนได้เร็วขนาดนี้ไปได้อย่างไร

คงเป็นเพราะมีประสบการณ์มาก่อนแน่ๆ ...ประสบการณ์กับเซย์จิในครั้งนั้น

หมอนั่นเป็นผู้ช่วยเขียนนิยายได้อย่างที่ปากพูดจริงๆ ด้วยแฮะ

แต่กัลป์ก็ไม่บ้าพอที่จะขอร้องให้เซย์จิช่วยสร้างประสบการณ์เพื่อมาเขียนนิยายไปมากกว่านี้หรอก ขืนทำแบบนั้นก็เสียศักดิ์ศรีตาย แถมจะเข้าทางเซย์จิที่อยากจะเอาคืนเขาจนตัวสั่นด้วย ที่รอดมาได้ทุกวันนี้เป็นเพราะเขาขู่ว่าจะไม่เลี้ยงเซย์จิทั้งนั้นแหละที่ทำให้ชายหนุ่มไม่กล้าทำอะไรนอกจากการแตะนิดๆ หน่อยๆ

กัลป์กดบันทึกไฟล์งาน เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน ฉากต่อไปก็เป็นฉากอย่างว่าอีก แต่จะดุเดือดกว่าที่เขียนไปเมื่อกี้

ให้ตาย... เขียนฉากอีโรติกนี่มันใช้พลังงานเยอะจริงๆ

เขายกนิ้วขึ้นคลึงขมับ จังหวะเดียวกับที่เซย์จิซึ่งกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงเห็นว่าหยุดพักพอดีเลยเอ่ยทัก

“เขียนเสร็จแล้วเหรอ เสร็จแล้วก็มานอนข้างฉันสิ จะได้ทำกัน”

“นายเลิกกวนประสาทฉันสักชั่วโมงนึงได้มั้ย ฉันปวดหัวกับความดื้อด้านและหน้าด้านของนายจะตายอยู่แล้ว” กัลป์หันไปแหว

เซย์จิยักไหล่ทันใด “ช่วยไม่ได้ ก็นายอยากสร้างฉันให้เป็นคนอย่างนี้เองนี่”

เถียงไม่ออกเลย ความผิดเขาเองแหละที่ไปสร้างบุคลิกตัวละครให้เซย์จิอย่างนั้น ดื้อด้านน่ะใช่ แต่หน้าด้านนี่เหมือนเพิ่งจะมาเกิดทีหลัง รู้งี้สร้างบุคลิกให้เป็นอุเคะพิมพ์นิยม ติ๋มๆ หงิมๆ ไม่ค่อยมีปากมีเสียงดีกว่า

เซย์จิยังคงชวนกัลป์ให้ไปนอนด้วยอีกไม่เลิก กัลป์ก็ทำเป็นหูทวนลมไปเรื่อย ใจก็คิดว่าอีกสักพักจะออกไปซื้อที่อุดหูมาใช้ จะได้ไม่ต้องคอยรำคาญเสียงรบกวนจากเซย์จิบ่อยๆ

หากแต่คิดได้ไม่เท่าไหร่ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น กัลป์หันไปมองยังจุดเกิดเสียง ไม่ต่างจากเซย์จิที่มองแล้วก็ถาม

“ใครมาน่ะ”

“ฉันจะไปรู้หรือไง” กัลป์สวน ก่อนลุกจากเก้าอี้เดินไปเปิดประตู พอเห็นหน้าแขกไม่ได้รับเชิญ เขาก็เบิกตาโพลงทันที “คุณไค มาได้ยังไงครับเนี่ย”

“สวัสดีครับกัลป์ ขอโทษที่มาแบบกะทันหันนะครับ พอดีผมเห็นว่าติดต่อกัลป์ไม่ได้หลายวันแล้วก็เลยแวะมาตามที่อยู่ที่คุณเคยให้ฟุรุคาวะไว้น่ะ”

กัลป์พยักหน้า รู้อยู่ว่าตัวเองไม่ได้เช็คโทรศัพท์มาหลายวันแล้ว เรียกว่าไม่ได้ชาร์จ ไม่ได้เปิดเครื่องเลยดีกว่า ไม่ได้สนใจน่ะ แต่ก็เป็นเรื่องปกติของเขาอยู่แล้วที่ปล่อยให้แบตฯ โทรศัพท์หมดยาวๆ อย่างนั้น ตอนนี้ก็หายตกใจแล้วด้วย แต่กังวลขึ้นมามากกว่าว่าที่ไคโผล่มาให้เห็นแบบนี้ ต้องมาทวงต้นฉบับแน่ๆ แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อไคพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ว่าแต่ต้นฉบับเป็นไงบ้างแล้วครับ ใกล้เสร็จแล้วใช่มั้ย”

“ครับ อีกนิดนึง” กัลป์ยิ้มแหยทันใด

“งั้นผมเข้าไปรอได้มั้ย เผื่อกัลป์เขียนเสร็จแล้ว จะได้ช่วยดูงานให้เลย”

เสนอตัวมาอย่างนี้ ถึงจะไม่อยากให้อยู่คอยกดดันก็ปฏิเสธไม่ได้แล้วล่ะ

กัลป์พยักหน้า เปิดประตูให้กว้างขึ้นเป็นการเชิญแขกเข้าไปด้านใน

เสียงพูดคุยไม่เลิกจากบริเวณหน้าห้อง ทำให้เซย์จิที่นอนแผ่อยู่ในห้องนอนร้องถามขึ้นมาอย่างสงสัย

“ใครมาน่ะที่รัก” แกล้งหยอกให้กัลป์เสียหน้าด้วยการเปลี่ยนสรรพนามด้วย

กัลป์โผล่หน้าเข้ามาในห้องนอนพร้อมสีหน้าไม่สบอารมณ์ทันใด ปากก็ขยับไปด้วย ส่งน้ำเสียงออกมาเบาๆ

“อยากตายหรือไง”

เซย์จิหัวเราะ แต่ก็หัวเราะได้แค่ครู่เดียวเท่านั้นเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างใหญ่ของชายในชุดสูทภูมิฐานเดินตามหลังเข้ามา

“เอ้า กัลป์ไม่ได้อยู่คนเดียวเหรอครับ” พอเห็นว่ามีชายหนุ่มไม่คุ้นหน้าอยู่บนเตียงก็ร้องถาม พอกัลป์พยักหน้า ก็โค้งให้เซย์จิเล็กน้อยเป็นการทักทาย

“สวัสดีครับ ผมคุรุกิ ไค เป็นผู้ดูแลต้นฉบับของอาจารย์กันครับ ขอโทษที่มารบกวน”

เซย์จิไม่หือไม่อือ อ้าปากค้างเมื่อเห็นหน้าของคนมาใหม่ชัดเจน

“นะ...นาย...” ยกนิ้วชี้สั่นเทาไปยังไคด้วย ปากก็ขยับเรียกคนตรงหน้าออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา “คะ...คุรุกิ... คุรุกิ ไค”

“ครับ?” ไคขานรับ ตามองท่าทางแปลกๆ ของอีกฝ่ายอย่างงุนงง

กัลป์เองก็งงที่จู่ๆ เซย์จิก็แสดงอาการออกมาชัดเจนว่ากลัวผู้ดูแลต้นฉบับของเขา ก่อนที่เซย์จิจะร้องลั่นสุดเสียง

“นะ...นายมัน...อะ...ไอ้โรคจิตในนิยายนี่หว่า! ไอ้เวรคุรุกิ ไค!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel