บท
ตั้งค่า

Episode 02: A writer’s assistant【1】

ในหัวตีกันสับสน ไม่เข้าใจว่าโมริ เซย์จิ นายเอกในนิยายตัวเองจะโผล่ออกมายืนแก้ผ้าตรงหน้าได้อย่างไร อีกฝ่ายเห็นสีหน้างุนงงของกัลป์แล้วก็พอจะเดาได้ ก่อนจะพยักปลายคางไปยังของที่วางอยู่บนโต๊ะ

“ฉันออกมาจาก ‘ไอ้นั่น’ นายเขียนชื่อฉันไว้ในนั้น แล้วนายก็เรียกฉันออกมา”

กัลป์พอจะเข้าใจได้ แต่ก็ยังไม่น่าเชื่ออยู่ดี คนทั้งคนเลยนะ จะโผล่ออกมาจากสมุดเล่มเล็กๆ นี่ได้ไง!?

ทว่าพอคิดดูแล้ว ประตูห้องก็เป็นระบบคีการ์ดที่ล็อคเองโดยอัตโนมัติ จะให้เปิดจากด้านนอกเข้ามาเองก็เป็นไปไม่ได้ จะว่าคนตรงหน้ามีคีย์การ์ดก็ไม่น่าเป็นไปได้ใหญ่ โผล่มาถึงก็แก้ผ้าล่อนจ้อนแล้วนี่นา มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นมีกองเสื้อผ้าอยู่เสียด้วย แบบนี้ไม่น่าจะมีอะไรติดตัวมาแน่ ที่สำคัญ พนักงานโมเทลก็คงจะไม่ยอมให้คีย์การ์ดคนที่ไม่ใช่แขก แถมยังเปลือยเหมือนพวกโรคจิตนี่หรอก

และสิ่งที่ทำให้กัลป์เชื่อคำพูดของชายผมบลอนด์คนนี้มากกว่านั้นก็คือ เขาบอกว่าตัวเองชื่อ ‘โมริ เซย์จิ’ ซึ่งกัลป์มั่นใจว่าไม่มีใครรู้จักชื่อนี้เพราะเขายังไม่เคยบอกใครแม้แต่ตัวผู้ดูแลต้นฉบับอย่างคุรุกิเอง ซ้ำเขายังเพิ่งจะเขียนรายละเอียดตัวละครลงสมุดวันนี้ด้วย ยังไงคนคนนี้ก็คือโมริ เซย์จิ อย่างที่กล่าวอ้างจริงๆ ไม่ผิดแน่!

กระนั้นกัลป์ก็ยังไม่เชื่อใจ ถ้าเป็นโมริ เซย์จิ คนเดียวกับนายเอกนิยายของเขา จะต้องมีสัญลักษณ์พราวเสน่ห์ที่เขาสร้างไว้ให้ ซึ่งนั่นก็คือปานรูปดาวที่โคนขาขวาด้านใน ก่อนที่กัลป์จะโพล่งออกไป

“ขอผมโคนขาขวาของคุณหน่อยสิ”

“จะดูทำไม” คนถูกถามย่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจนัก

“จะพิสูจน์ว่าคุณใช่ตัวจริงหรือเปล่า” ใช่นายเอกในนิยายของเขาหรือเปล่านั่นแหละ

เซย์จิส่งเสียงจึ๊จ๊ะ แต่ก็เดินมาแล้วหันข้างขวาให้ดูทันที

“เอ้า ดูซะ”

“ผมไม่ได้หมายถึงโคนขาขวาด้านนอก” กัลป์ย่นคิ้ว “ด้านในต่างหาก” แล้วก็เบนสายตาไปยังกลางลำตัว ก่อนจะหลุบตาไปที่อื่นเมื่อสายตาปะทะเข้ากับ ‘บางอย่าง’ ที่ไม่น่าดูเข้า

อันที่จริงก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่กัลป์เห็นของผู้ชายด้วยกัน เวลาไปเที่ยวออนเซ็นกับเพื่อนๆ สมัยเรียนมหา’ลัยก็เห็นอยู่บ่อยๆ รวมถึงเห็นของคนแปลกหน้าด้วย แต่ไม่ได้เห็นใกล้ขนาดนี้ไง ยิ่งพอบอกว่าโคนขาที่เขาอยากดูคือด้านใน และเจ้าของโคนขาขยับขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยแล้ว เขาก็ไม่กล้าที่จะเหลือบไปมองยังจุดเดิมอีกเลย

“แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก เอ้า ดูซะ” เซย์จินั่งขัดสมาธิ แยกขาออกเล็กน้อย เผยให้เห็นโคนขาด้านใน กัลป์ชะงักกึกเลยทีเดียว

ขอดูแค่ข้างเดียว ดันโชว์ให้ดูทั้งสองข้าง แถมตรงกลางก็อ้าอล่างฉ่าง อุบาทว์ลูกตาชะมัด

ถึงจะไม่อยากมองแต่ก็จำต้องมอง พอสายตาเหลือบไปเห็นรอยสีดำๆ รูปดาวเหมือนไม่ได้ตั้งใจวาดที่โคนขาข้างขวาด้านในแล้ว เขาก็พ่นลมหายใจเต็มแรง

จะไม่เชื่อว่าไม่ใช่โมริ เซย์จิ ก็ไม่ได้แล้วสินะ คนบ้าอะไรจะบังเอิญเหมือนตัวละครที่สร้างทุกระเบียดนิ้วขนาดนี้ แถมตอนโผล่มาก็มีแสงประหลาดๆ ได้จังหวะกับตอนที่ขอให้เซย์จิออกมาเสียด้วย ไม่เชื่อก็ไม่ได้แล้ว

“พอใจยัง?” พอเห็นว่าถูกมองไม่วางตา คนถูกมองก็ถาม

กัลป์พยักหน้า ยกมือขึ้นยีผมท้ายทอยที่ปรกบริเวณต้นคอไปมา ปากก็พึมพำไม่หยุด

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย อย่าบอกนะว่าสมุดนั่นใช้ได้จริงๆ”

เขาไม่อยากจะเชื่อนักว่าการที่เขาอยากให้นายเอกในนิยายตัวเองออกมาจะเป็นสิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุด แต่ก็อาจจะใช่ ตอนนั้นเขาอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินนี่นา จิตใต้สำนึกที่พยายามหาทางเอาตัวรอดเลยสั่งการให้สมองคิดถึงสิ่งที่ต้องการมากที่สุดออกไปล่ะมั้ง

“นั่นเป็นคำพูดของฉันต่างหาก ฉันควรถามนายว่านี่มันเรื่องบ้าอะไร ทำไมถึงเขียนให้ฉันต้องโดนไอ้บ้าโรคจิตนั่นปู้ยี่ปู้ยำด้วย!” เซย์จิสวนขึ้นมาแทบจะในทันใด

กัลป์ชะงักอีกครั้ง ไม่เข้าใจในตอนแรกว่าคนตรงหน้าหมายถึงอะไร ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า ‘ไอ้บ้าโรคจิต’ ที่ถูกพูดถึงก็คือพระเอกนิยายที่มีคุรุกิเป็นต้นแบบนั่นเอง

“หมอนั่นไม่ใช่ไอ้บ้าโรคจิต แค่ชอบความซาดิสม์เฉยๆ แล้วหมอนั่นก็เป็นพระเอกของเรื่อง นายจะโดนกระทำก็ไม่แปลก” ตอนนี้กัลป์ไม่เรียกแทนเซย์จิว่า ‘คุณ’ อีกแล้ว เพราะถ้าเป็นเซย์จิที่มาจากนิยายเขาจริง อายุของเซย์จิก็แค่ 22 ปี อ่อนกว่าเขาตั้ง 3 ปี จึงไม่จำเป็นต้องใช้คำสุภาพด้วยแต่อย่างใด

ส่วนเซย์จิได้ฟังเหตุผลของกัลป์แล้วก็ชักสีหน้าไม่พอใจ กัดฟันกรอดจนเห็นกรามเป็นสันนูน

“ใครว่าฉันชอบถูกกระทำวะ!” แล้วก็ตามมาด้วยแผดเสียงใส่กัลป์เสียงดัง

กัลป์ผงะไปเล็กน้อย เอียงคอมองอีกฝ่ายที่ดูเดือดดาลอย่างหวาดๆ

“ก็นายเป็นนายเอก...”

“นั่นมันเป็นแค่ความคิดของนาย! ฉันไม่ได้เป็นฝ่ายรับ แต่เป็นฝ่ายรุก! แล้วนายมาเขียนๆ ลบๆ ให้ฉันโดนมันทำซ้ำๆ ซากๆ นั่นมันไม่สนุกเลยนะเว้ย แถมไม่ใช่ถูกมันทำแค่คนเดียวอีก เป็นสิบ! ให้ตายเถอะ มันขยะแขยงนะโว้ย!”

กัลป์ไม่เถียง จริงอย่างที่เซย์จิพูด เขาเขียนให้เซย์จิถูกกระทำตั้งแต่เข้าบทนำและลากยาวไปหลายตอนเลยนี่นา แค่หนักสุดก็ตอนที่เจอพระเอกเท่านั้น และเขาก็เขียนๆ ลบๆ จริง เพราะอ่านทวนแล้ว บรรยากาศมันไม่ได้

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่ความผิดเขานี่นา ใครจะไปรู้ล่ะว่าตัวละครที่ตัวเองสร้างขึ้นจะโผล่ออกมาในโลกของความจริงอย่างนี้ แถมมาเปลี่ยนบทให้ตัวเองจากฝ่ายรับเป็นฝ่ายรุกหน้าตาเฉยอีก มันไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าได้เลยสักนิด

“ฉันก็แค่เขียนไปตามโครงเรื่องที่วางให้เท่านั้น ก็นายเป็นนายเอก ฉันก็เขียนให้เหมาะกับบทนายเอก”

ยิ่งกัลป์ให้เหตุผล เซย์จิก็หัวเสียมากขึ้น จ้องหน้ากัลป์เขม็งก่อนจะแสยะยิ้มเย็นเยือกออกมา

“งั้นนายมาลองโดนบ้างมั้ยล่ะว่าเวลาถูกกดทั้งๆ ที่ไม่เต็มใจมันเป็นยังไง”

พูดจบก็พุ่งเข้ามาหากัลป์เลย กัลป์ที่ไม่ได้ตั้งตัวถูกผลักลงไปนอนราบบนเตียง กว่าจะรู้ตัวว่ากำลังจะถูกทำอะไร ร่างใหญ่ก็ขึ้นมาคร่อมอยู่บนตัวแล้ว

“เดี๋ยว! นายจะทำอะไร!” กัลป์ถามหน้าตาตื่น ส่วนเซย์จิก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นคนใต้ร่างดิ้นรนขัดขืน

“ทำให้นายรู้ซึ้งไงว่าการถูกกดเป็นยังไง เมื่อกี้ก็บอกอยู่แหม็บๆ”

นะ...นี่มันนอกบทมากเกินไปแล้ว!

“ปล่อยฉันนะเว้ย!”

กัลป์ดิ้นพล่านเป็นปลาขาดน้ำด้วยความตกใจ พยายามผลักร่างคนตรงหน้าออกจากตัว ทว่าเซย์จิก็ไม่ขยับเลยสักนิด หนำซ้ำข้อมือทั้งสองข้างยังถูกตรึงไว้อีก ตรึงจนขยับไม่ได้...

“นายจะได้รู้ซึ้งว่าฉันขมขื่นและขยะแขยงแค่ไหนที่โดนของร้อนๆ ยัดเข้าไปทางข้างหลังน่ะ”

เป็นคำพูดที่สัปดนและหยาบคายที่สุดสำหรับใช้พูดกับคนอายุมากกว่าแบบนี้!

แต่กัลป์ก็ไม่มีเวลามาสนใจแล้ว ดิ้นขลุกขลัก สู้สุดใจอีกครั้ง เซย์จิก็ไม่ขยับเช่นเดิม หยักยิ้มมากขึ้นกว่าเดิมด้วยเมื่อเห็นคนใต้ร่างพยายามเอาตัวรอดจนถึงที่สุด

“ดิ้นไปก็เสียแรงเปล่า ตัวนายเล็กกว่าฉันเยอะ พ่อหนูน้อย”

กัลป์เม้มปากแน่นอย่างขัดใจ

ใครว่าเขาตัวเล็กกว่ากัน! เขาไม่ใช่พ่อหนูน้อยด้วย! ถึงเขาจะตัวเล็กกว่าเซย์จิก็จริง แต่ก็ไม่ได้เล็กถึงขนาดเห็นความแตกต่างชัดเจน ถ้านับระดับความสูงก็น่าจะห่างกันไม่เกินสิบเซนติเมตร แต่ถ้านับเรื่องกล้ามเนื้อบนลำตัวล่ะก็... ใช่ เขาคือพ่อหนูน้อย ก็เซย์จิน่ะมีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เต็มตัวเลยนี่นา แถมมัดใหญ่กว่ากล้ามบนเนื้อตัวเขาเสียด้วย

ถ้ารู้ว่าจะพุ่งทะลุออกมาจากนิยายอย่างนั้น ไม่ออกแบบนายเอกให้แมนๆ แบบนี้หรอก พระเจ้า! อุตส่าห์ทำให้ต่างจากนายเอกยอดนิยมจากนิยายเรื่องอื่นแท้ๆ ดันกลายมาเป็นหอกข้างแคร่ เล่นงานตัวเองเสียได้!

“ปล่อย...”

ในเมื่อสู้ไม่ได้ สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือการออกคำสั่ง ในใจก็หวังว่าเซย์จิจะเชื่อฟังบ้าง อย่างน้อยๆ เขาก็เป็นคนสร้างเซย์จิขึ้นมา

แต่เปล่า เซย์จิไม่ฟังสักนิด ยิ้มเผล่หนักกว่าเดิม ก่อนจะเอียงคอมองสำรวจร่างกายของกัลป์อย่างเจ้าเล่ห์

“เอ... จะเริ่มกินตั้งแต่ตรงไหนก่อนดีน้า”

“กินบ้าอะไร ปล่อยนะเว้ย!” กัลป์ไม่ทนอีกต่อไป เริ่มแผดเสียงดัง ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อเซย์จิโน้มใบหน้าลงมางับใบหู

“อึ้ก...”

“อะไร แค่กัดเบาๆ แค่นี้ทำเป็นตื่นเต้น เมื่อกี้ยังเห็นร้องขอให้ไอ้บ้านั่นรีบๆ ทำอยู่เลยไม่ใช่หรือไง เห็นออกมาลองของ ก็นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็ไก่อ่อน” เซย์จิกระซิบเย้ยอย่างสะใจที่เห็นปฏิกิริยาตอบสนองจากกัลป์

กัลป์กัดฟันแน่นด้วยขุ่นแค้น เขาไม่ได้ไก่อ่อน แค่ไม่ทันได้ตั้งตัวต่างหาก ใช่ว่าเขาไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อนที่ไหน แค่เพียงผู้หญิงที่เขานอนด้วยไม่ค่อยได้สัมผัสเขาสักเท่าไหร่ มีแต่เขาสัมผัส มันก็เลยไม่คุ้นชินเวลาโดนแตะเนื้อต้องตัวก็เท่านั้นเอง

ทว่านั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้าง ในตอนนี้ เขาไม่ได้ต้องการจะพิสูจน์หรือทดลองใดๆ แล้วว่าการมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันมันเป็นอย่างไร สิ่งที่เขาต้องการก็คือ ให้เซย์จิลุกออกไปจากตัวเขาต่างหาก ถ้าเขาเต็มใจก็คงจะปล่อยให้ทำตามใจ แต่นี่ไม่ได้เต็มใจ แถมถูกใช้กำลังบังคับ ใครมันจะไปยอม!

“ลุกออกไปเดี๋ยวนี้!” กัลป์แผดเสียงอีกครั้ง เริ่มดิ้นมากขึ้นกว่าเดิมด้วย

หากแต่ยิ่งดิ้น เซย์จิก็ยิ่งล็อคแน่น หนำซ้ำยังว่ายั่วเย้าอีก

“ยิ่งดิ้น ฉันก็ยิ่งมีอารมณ์นะจะบอกให้”

“มีอารมณ์บ้าอะไรของนาย! ลุกออกไปได้แล้ว!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel