บท
ตั้งค่า

Episode 01: Mori Seiji【3】

ลิ้นถูกสอดเข้ามาในปาก เสื้อยืดที่ถูกสวมอยู่ถูกถลกออกจากตัว ยอดอกของเซย์จิถูกอีกฝ่ายรุกรานด้วยปลายลิ้นอย่างกระหาย ทั้งเลียไล้และกัดหยอก ส่วนร่างกายช่วงล่างก็ถูกมือใหญ่รุกรานด้วยการสัมผัสแผ่วเบา ก่อนจะกลายเป็นการรูดรั้งขึ้นลง เซย์จิแอ่นสะโพกขึ้นสูงราวกับตอบรับ อึดใจเดียว ช่องทางด้านหลังก็ถูกรังแกด้วยปลายนิ้วเรียว เสียงครวญครางดังออกจากริมฝีปากบางเฉียบ

“จะเข้าไปละนะ...เซย์จิ”

“อะ...อืม”

สิ้นเสียงทุ้มของชายหนุ่มทั้งคู่ วัตถุบางอย่างก็ถูกส่งเข้ามาแทนปลายนิ้วนั้น เซย์จิสะดุ้งเฮือก หายใจหอบหนักด้วยความเสียวซ่านเมื่อร่างใหญ่บนตัวเคลื่อนไหว

“อะ...อา...”

อ่านต้นฉบับที่ตัวเองเขียนไปเมื่อครู่ กัลป์ก็รีบกดปุ่ม Delete มือทั้งสองขยุ้มผมตัวเองไปมา

ไม่ไหวจริงๆ แฮะ ขนลุกฉิบหาย ใส่ไปตรงนั้น มันจะไปเสียวได้ยังไงวะ

คิดแล้วก็พาลคิดไปยังนิยายเรื่องอื่นๆ ที่เขาอ่านผ่านเพื่อศึกษามาก่อนหน้า เห็นตัวเอกฝ่ายรับทุกเรื่องมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างเสียวซ่านเมื่อถูกรุกเร้าจากช่องทางที่ไม่ใช่ช่องทางสำหรับการมีเพศสัมพันธ์แล้ว เขาก็ยิ่งจินตนาการไม่ออกว่ามันจะไปรู้สึกได้ยังไง แถมบางเรื่องก็ไม่มีตัวช่วยอย่างพวกเจลหล่อลื่นอะไรแบบนี้อีก ใส่พรวดๆ เข้าไปเลยแบบไม่มีการเตรียมตัวใดๆ ดูท่าจะเจ็บมากกว่าสุขสมด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นมันทำให้กัลป์สงสัยหนักมาก สงสัยถึงขั้นไปเสิร์ชหาข้อมูลวิชาการอ่านเป็นบ้าเป็นหลังก็แล้ว ก็ได้คำตอบมาว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะทำให้เกิดความรู้สึกอย่างนั้น เพราะปลายประสาทที่อยู่ในส่วนช่องทางด้านหลังของผู้ชายเป็นกลุ่มร่างแหของปลายประสาทที่อยู่ในอุ้งเชิงกราน ในบางคนมีมากที่บริเวณผนังของทหารหนักก็สามารถถึงจุดสุดยอดได้ด้วยการถูกกระตุ้นผนังภายในช่องนั้น บางคนมีน้อยจึงอาจจะต้องช่วยจากการสัมผัสภายนอกด้วย

แต่ถึงคำตอบจะชัดเจนแจ่มแจ้ง แต่กัลป์ก็ไม่อาจทำใจเชื่อได้นี่นา ที่สำคัญคือเขาไม่สามารถเขียนบรรยายอย่างชัดเจนได้ด้วยว่ามันรู้สึกอย่างไรกันแน่

เจ็บ? จุก? รู้สึกดี? ...คนมันไม่เคย มันจะไปรู้ได้ยังไง!

พอคำว่า ‘ไม่เคย’ ผุดขึ้นมาในหัว กัลป์ก็รั้งมือที่ขยุ้มผมอยู่มาวางบนแป้นพิมพ์ กัดริมฝีปากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพิมพ์คีย์เวิร์ดลงบนเว็บเสิร์ชเอนจิน

‘บาร์เกย์ one night stand’

พอกดค้นหา รายชื่อบาร์ที่ชาวเกย์ชอบไปกันก็ขึ้นยาวเป็นหางว่าวทันที กัลป์กดไล่อ่านไปเรื่อยๆ เลือกบาร์ที่น่าสนใจและใกล้ที่พัก ขณะหัวก็คิดไปว่าน่าจะออกไปลองมี one night stand สักครั้งเพื่อจะเอาประสบการณ์มาเขียนนิยายฉากอย่างว่า

เขาอ่านรายละเอียดของบาร์แห่งหนึ่งที่ได้รับการพูดถึงมากจนกลายเป็นอันดับค้นหาต้นๆ ไปเรื่อยๆ ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่ต้องการซึมซับความรู้สึกเพื่อเอามาเขียนนิยายอย่างเดียวละ แต่เขาเองก็อยากลอง ถึงแม้ว่าเขาจะมั่นใจในตัวเองว่าชอบผู้หญิงและก็เคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมาหลายครั้งก็ตาม หากแต่ความอยากรู้อยากเห็นมันทำให้เขาเริ่มคิดไปเรื่อยเปื่อย

เป็นผู้ชายเหมือนกัน คงไม่เสียหายอะไรหรอกมั้ง

แล้วก็เผลอคิดเข้าข้างตัวเองเสียด้วย พอได้สติก็ตบหน้าตัวเองทันใด ก่อนจะรีบปิดเว็บไซต์พวกนั้นลงอย่างรวดเร็วด้วยตกใจที่จู่ๆ ก็คิดจะเอาตัวเองไปถวายให้ผู้ชายด้วยกันเพียงเพื่อฉากในนิยายเท่านั้น ก่อนจะพึมพำออกมาอย่างหัวเสีย

“คิดบ้าอะไรของนายอยู่วะไอ้กัลป์ ไม่ต้องลงทุนขนาดนั้นก็ได้เว้ย”

เขาคงจะบ้าจริงๆ นั่นแหละ อุตส่าห์คิดแล้วว่าไม่ต้องลงทุนขนาดนี้ แต่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง เขาก็พาตัวเองมายืนอยู่ในบาร์เกย์ย่านคาบูกิโจ แหล่งโลกีย์ขึ้นชื่อของโตเกียวจนได้ หนำซ้ำ บาร์แห่งนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งหากินที่เหล่าชายญี่ปุ่นที่ชื่นชอบผู้ชายด้วยกันมักมาหาคู่นอนชั่วคราวกันอีกต่างหาก

บ้าไปแล้ว... ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

กัลป์พร่ำด่าตัวเอง มือก็กระดกเบียร์ที่สั่งมาจากเคาน์เตอร์ไป สายตาก็มองไปรอบตัวอย่างหวาดๆ เมื่อเห็นว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของชายหนุ่มคนอื่นๆ

ก็แน่ล่ะ เขาหน้าตาดีนี่ จะได้รับความสนใจก็ไม่แปลก และแน่นอนว่ามีผู้ชายหลายคนเดินเข้ามาเกี้ยวเขาตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามา การเกี้ยวก็คือการชวนไปโมเทล การเอ่ยปากชวนของผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันไม่ยุ่งยากเท่ากับการเอ่ยปากชวนผู้หญิงเพราะนิยมชวนกันไปเลยตรงๆ ทว่ากัลป์ไม่กล้าตัดสินใจจะไปกับใครสักคนด้วยเห็นหน้าแล้วก็ทำใจไปด้วยไม่ลง

นี่จะเป็นครั้งแรกของเขากับผู้ชายเลยนะ แถมเขาดันตัดสินใจว่าจะลองเป็นฝ่ายรับอีกต่างหาก มันก็ต้องเลือกกันหน่อย

เอาเข้าจริงก็ไม่กล้าเลือกอยู่ดีนั่นแหละแม้ว่าจะมีชายหนุ่มหน้าตาดีโผล่เข้ามาทักเขาหลายรายแล้วก็ตาม แต่ความกักขฬะและสายตาลวนลามอย่างประเจิดประเจ้อก็ทำให้กัลป์รู้สึกว่าเขาโดนเลียไล้ไปทุกสัดส่วนทั้งที่ยังไมได้ถอดเสื้อผ้าสักชิ้นแล้ว เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงที่โดนหลีเลยว่ารู้สึกอย่างไร

ทว่ารายล่าสุดที่เข้ามาทักอย่างสุภาพและชวนพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ทำให้กัลป์ผ่อนคลายความกังวลลงพอสมควร และเพราะการพูดคุยอย่างไม่รีบร้อนและคุยถูกคอนี่แหละที่ทำให้เขาตัดสินใจมาที่โมเทลกับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้

ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ หลังจากที่เขาอาบน้ำและจัดการเตรียมความพร้อมให้ตัวเองเสร็จตามที่อ่านมาในอินเทอร์เน็ต ก่อนจะนุ่งผ้าเช็ดตัวมาหาอีกฝ่ายที่นอนรออยู่บนเตียงด้วยขาอันสั่นเทา

“พะ...พร้อมแล้วครับ” น้ำเสียงทุ้มดังสั่นเล็กน้อย อีกฝ่ายหยักยิ้ม ตบเตียงข้างตัวเป็นสัญญาณให้กัลป์เข้าไปหา

พอเดินตรงไป ก็ถูกชายแปลกหน้าจับเขาพลิกตัวนอนหงาย ก่อนที่จะเข้ามาขึ้นคร่อมโดยที่กัลป์ไม่ทันตั้งตัว ใจที่เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะอยู่แล้ว ตอนนี้เต้นหนักขึ้นไปอีก

“มะ...ไม่จูบนะครับคุณ...” กัลป์รีบร้องห้ามเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายโน้มเข้ามาใกล้

อีกฝ่ายชะงัก พยักหน้าแล้วยอมถอยออกไปแต่โดยดี ส่วนกัลป์ก็ตระหนักได้ในตอนนี้เองว่าเขายังไม่รู้จักชื่อผู้ชายคนนี้ด้วยซ้ำ หากแต่คิดไม่ได้เท่าไหร่ เขาก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อผ้าเช็ดตัวที่ปกปิดส่วนร่างอยู่ถูกกำจัดออกไป ส่วนลำคอก็ถูกริมฝีปากหนาประทับจูบแผ่วเบา

ขะ...ขยะแขยง!

เป็นความคิดเดียวที่โผล่ขึ้นมาในหัวของกัลป์เลย ไม่ใช่ว่าขยะแขยงเพราะคนที่เขามานอนด้วยนั้นไม่หล่อหรอกนะ หล่อถึงขั้นเรียกว่าเป็นดารานายแบบได้เลยล่ะ แต่ขยะแขยงเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ชายต่างหาก

และยิ่งขยะแขยงหนักเมื่ออีกฝ่ายเล่นสนุกกับร่างกายเขาด้วยการลากไล้ฝ่ามือไปยังยอดอก บดเบียดด้วยปลายนิ้วจนลุกชูชันก่อนจะตั้งท่าจรดริมฝีปากลงไป กัลป์เห็นอย่างนั้นก็รีบเอามือไปดันหน้าอีกฝ่ายออกอย่างรวดเร็ว

“มะ...ไม่ใช้ปากนะครับ”

อีกฝ่ายยังยิ้มอยู่ แต่หัวคิ้วเริ่มย่นละ ทว่าก็ไม่ได้ใส่ใจ เลื่อนตัวต่ำลงไปยังส่วนอ่อนไหวกลางลำตัว ปลุกเร้าด้วยฝ่ามือจนตื่นตัวขึ้นมาแทน กัลป์หลับตาปี๋ มือทั้งสองกำแน่น เหงื่อกาฬไหลพลั่กเป็นน้ำตก ไม่ใช่เพราะความเสียวซ่านนะ แต่เป็นเพราะเกร็งตะคริวแทบขึ้นต่างหาก

สุดท้ายก็ต้องร้องห้ามอีกเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะส่งส่วนนั้นเข้าปาก

“ผะ...ผมว่าทำเลยดีกว่า”

“คุณนี่เรื่องมากจังนะ” อีกฝ่ายดูหงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ทำเลยก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่เสียเวลา

เจลหล่อลื่นขวดเล็กของทางโมเทลถูกเปิดออก กัลป์สะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกปลายนิ้วและความเหนียวหนืดของเจลลูบไล้ เขาพยายามจะไม่สนใจ เสมองไปยังโต๊ะข้างเตียงที่มีโทรศัพท์และสมุดสมปรารถนาวางอยู่ เขาหยิบสมุดมาด้วยก็เพราะกะว่าจะบันทึกความรู้สึกหลังการมีเซ็กส์กับผู้ชายด้วยกันครั้งแรกว่ารู้สึกยังไงนั่นแหละ

หากแต่ก็ต้องเบนสายตากลับมามองร่างใหญ่ทางปลายเท้าอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงฉีกซองถุงยางอนามัย เขากลืนน้ำลายลงคอ มองชายแปลกหน้ายิ้มให้เขาอย่างตื่นๆ

กัลป์รู้ตัวในตอนนี้เลยว่าเขาทำไม่ได้ ยังไงก็ทำไม่ได้ กับผู้ชายด้วยกันก็ว่าแย่แล้ว แต่กับผู้ชายแปลกหน้านี่ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ทว่าก็พยายามอดทน ข่มความรู้สึกขยะแขยงปนกระอักกระอ่วนลงไป

สมมติว่าเราคือโมริ เซย์จิ... ฉันคือโมริ เซย์จิ...

สะกดจิตตัวเองเป็นพัลวัน แต่ดูท่าจะสะกดไม่ไหวละเมื่อขาทั้งสองถูกจับแยกออกให้ร่างใหญ่แทรกเข้ามาตั้งท่าจะสอดใส่

หะ...ให้ตายเถอะ ทำไม่ได้แฮะ ถ้าเซย์จิอยู่ตรงนี้ก็ดี จะได้ให้ทำแทน แล้วค่อยไปถามเอาว่ารู้สึกยังไง อยากให้เซย์จิมีตัวตนจริงๆ อยากให้หมอนั่นมาอยู่ตรงนี้ฉิบเป๋ง!

“จะเริ่มแล้วนะ” สิ้นเสียง วัตถุบางอย่างก็แตะลงมาบนบั้นท้าย

“เดี๋ยว!”

กัลป์โพล่งเสียงดัง จังหวะเดียวกับที่ไฟบนเพดานดับลงกะทันหันพอดี

“บ้าอะไรวะ” คนกลางหว่างขาเขาสบถขึ้นมา

กัลป์หายใจโล่งคออย่างประหลาด รีบดึงตัวเองออกมาทันใด ทว่าก็ถูกจับขาเอาไว้ก่อนที่เสียงทุ้มจะลอยตามมา

“ไม่มีไฟก็ไม่เป็นไร ทำมันมืดๆ นี่แหละ”

เซย์จิอ้าปากจะบอกว่าเขาจะไม่ทำแล้ว หากแต่ไม่ทันจะได้ส่งเสียงสักแอะ แสงสีเหลืองก็สว่างวาบขึ้นมาจนแสบตา ชายแปลกหน้าสบถขึ้นมาเสียงดังอีกครั้ง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงดังตุ้บราวกับมีของใหญ่ๆ ตกกระทบพื้น

“โอ๊ย อะไรอีกเนี่ย”

ไฟมาพอดีกับที่แสงสีเหลืองนั่นหายไป พอกัลป์ลืมตาขึ้นก็เห็นว่าชายที่อยู่ตรงหว่างขาตัวเองนั้นลงไปนั่งจุ้มปุ้กกับพื้นแล้ว แต่นั่นก็ไม่น่าตกใจเท่ากับด้านหลังของชายคนนั้นมีชายผมบลอนด์อีกคนยืนเปลือยเท้าสะเอวมองด้วยสายตาไม่พอใจอยู่

มะ...หมอนี่เป็นใคร?!

ใครก็ไม่รู้ ไม่เคยเห็นหน้า และมั่นใจด้วยว่าไม่เคยเจอในบาร์มาก่อน ที่สำคัญ หมอนี่เข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง

แต่ไม่ทันจะได้สงสัยต่อว่าหมอนี่โผล่มาได้ยังไง คนมาใหม่ก็โพล่งขึ้นมาก่อน

“ไสหัวไปจากคนของฉันนะเว้ยไอ้กร๊วก”

“นายเป็นใครวะ!” คนถูกลากตกเตียงโวยวายเสียงดัง ลุกขึ้นมาทำท่าจะต่อย แต่กลับถูกหมัดหลุนๆ สวนใส่หน้าไปก่อนจนกระเด็นไปบนพื้นขณะที่อีกฝ่ายตอบหน้าตาย

“คู่ขาหมอนั่น” แล้วก็ชี้มาทางกัลป์

กัลป์เหวอรับประทาน อ้าปากค้างแล้วชี้นิ้วมาที่ตัวเองราวกับถามว่า ‘ฉันเหรอ?’ ด้วย แต่ไม่ทันจะได้คำตอบ ชายผมบลอนด์ก็แผดเสียงลั่น

“รีบไสหัวออกจากห้องนี้ไปก่อนที่ฉันจะซัดนายให้ร่วงเดี๋ยวนี้!”

คนถูกต่อยคงจะคิดว่าตัวเองสู้ไม่ไหว ดูจากรอยช้ำและเลือดที่ไหลออกจากปากและจมูกแล้วก็พอรู้ ขนาดตัวก็คนละไซส์กันแล้ว ถึงจะตัวไล่ๆ กันแต่อีกฝ่ายมีกล้ามเนื้อเป็นมัดอย่างกับนักกีฬา จึงรีบหอบเสื้อผ้าและข้าวของตัวเองเผ่นหายแน่บออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

พอเสียงประตูปิดลงดังขึ้น ชายผมบลอนด์ก็ตวัดหางตามามองคนบนเตียงอย่างไม่พอใจ กัลป์รีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว มองหาทางหนีทีไล่เพราะดูท่าทางแล้วคงจะไม่ปลอดภัย หากแต่พอได้จังหวะหนีลงจากเตียง เขาก็ถูกชายคนนั้นวิ่งเข้ามากระชากแขนเต็มแรง ก่อนจะถูกผลักไปบนเตียงอีกครั้ง

กัลป์ร้องดังอั้กเมื่อตัวกระแทกบนฟูก ตอนแรกเห็นว่าตัวไล่ๆ กันเลยคิดว่าแรงคงจะไม่หนีกันมาก ที่ไหนได้ อีกฝ่ายตัวใหญ่และมีกำลังมากกว่าเยอะ เขาจึงตั้งท่าแล้วมองคนที่ผลักตัวเองมาอย่างหวาดๆ แทน

“คะ...คุณเป็นใคร”

ชายผมบลอนด์ไม่ตอบ ย่นคิ้วพลางยกมือขึ้นกอดอก ยืนจังก้าโชว์อะไรต่อมิอะไรอย่างไม่อายจนกัลป์ต้องถามซ้ำ

“ผมถามว่าคุณเป็นใคร”

“จำฉันไม่ได้หรือไง นายเป็นคนเรียกฉันออกมาเองนี่”

กัลป์ย่นคิ้วบ้างแล้ว จำไม่ได้ว่าไปเรียกตอนไหน อย่างที่บอกว่าเขามั่นใจว่าตัวเองไม่รู้จักผู้ชายคนนี้

สีหน้าสงสัยสุดกู่ของเขาทำเอาชายผมบลอนด์พ่นลมออกจากปากอย่างหัวเสีย ก่อนจะจ้องหน้ากัลป์อีกครั้งอย่างเอาเรื่อง

“ฉันชื่อโมริ เซย์จิ นายเพิ่งจะเรียกฉันมาเมื่อกี้ จำไม่ได้หรือไงไอ้ทึ่ม!”

คนฟังเบิกตาโพลงอย่างไม่เชื่อหู

เดี๋ยว! โมริ เซย์จิ... นายเอกในนิยายของฉันน่ะนะ!?

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel