Episode 01: Mori Seiji【1】
ใครว่าไม่เป็นไร นี่มันเรื่องใหญ่ชัดๆ!
เจ้าของใบหน้าหวานแสดงสีหน้าหงุดหงิดเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่อาจนับได้ตั้งแต่เดินออกจากอาคารสำนักพิมพ์ หลังจากเขาคุยกับ บ.ก.คุรุกุ ไค ผู้ดูแลต้นฉบับคนใหม่สำหรับเรื่องของการเขียนนิยายบอยเลิฟ ในเรื่องการเป็นไอดอลนี่ เขาไม่มีปัญหาเท่าไหร่นักเพราะมันก็แค่ไปถ่ายแบบ โชว์ตัวตามงานอีเว้นท์หลังมีงานวางแผงแล้วเท่านั้น อาจมีการประชาสัมพันธ์เพื่อโปรโมตก่อนงานวางแผงด้วย แต่ที่เป็นปัญหาใหญ่หลวงเลยก็คือ การได้เดดไลน์ต้นฉบับมาแบบกะทันหัน
ถึงจะไม่ได้เป็นเดดไลน์ต้นฉบับทั้งเรื่อง เป็นเพียงเดดไลน์ต้นฉบับตอนเดียวสำหรับลงนิตยสาร BL รายสัปดาห์เพื่อทดลองตลาดและมีกำหนดส่ง 2 อาทิตย์ก็เถอะ แต่เวลา 2 อาทิตย์ในการเขียนต้นฉบับที่ไม่คุ้นเคยนี่นับว่าน้อยมากสำหรับเขาทีเดียว
สุดท้ายแล้ว กัลป์ก็ตัดสินใจไปที่ย่านอากิฮาบาระ หาซื้อหนังสือนิยายของนักเขียนดังๆ มาอ่านเพื่อทำการศึกษา บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าช่างรู้สึกประดักประเดิดเหลือเกินตอนที่หอบหนังสือนิยายบอยเลิฟตั้งใหญ่ไปจ่ายเงินท่ามกลางสายตาสาวๆ ฟุโจชิแบบนั้น ไม่รู้ทำไมปกนิยายแนวนี้จะต้องวาดให้มันดูอีโรติกด้วย ผู้ชายอย่างเขาถือหนังสือแบบนี้ออกจากร้าน มันน่าอายจะตาย แต่เพื่องาน เขาก็เลยแสร้งไม่รู้ไม่เห็น ทำเป็นไม่คิดอะไรมาก ทั้งที่ใจอยากจะพุ่งพรวดออกจากร้านตั้งแต่ได้ยินสาวๆ หัวเราะกันคิกแล้ว
และทันทีที่กลับมา กัลป์ก็ไม่ทำอะไรเลยนอกจากนั่งๆ นอนๆ อ่านหนังสือพวกนั้นไม่หยุด อ่านแล้วก็ต้องเบ้หน้าไป ยิ่งถึงฉากเลิฟซีนนี่ยิ่งต้องเบ้หน้าหนักอย่างเสียวไส้
ใส่เข้าไปได้ยังไงวะ มันไม่ใช่ช่องทางสำหรับทำเรื่องอย่างนั้นสักหน่อย ดันทุรังอย่างนั้น มีหวังกินเผ็ดไม่ได้หลายวันกันพอดี
เขาพึมพำในใจก่อนจะวางหนังสือในมือลงทันทีที่อ่านฉากตัวละครในเรื่องมีเซ็กส์กันอย่างถึงพริกถึงขิง ยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตา คิดไม่ออกเลยว่ามันจะรู้สึกอย่างไร แต่ก็เอาเถอะ เขาเองก็ไม่ได้อยากจะคิดมากนักหรอก สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือการลงมือเขียนโครงเรื่องและลงมือเขียนต้นฉบับมากกว่า ตอนนี้เขาพอจะจับทางได้แล้วว่านิยายบอยเลิฟมีสูตรสำเร็จอย่างไร
ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงไปนั่งประจำที่ที่โต๊ะทำงาน คว้าปากกามาจรดเขียนข้อสรุปลงไปเป็นข้อๆ อย่างเคยชิน เขามักทำอย่างนี้เพื่อประมวลความคิดตัวเองก่อนเขียนนิยายเสมอ
-เป็นเรื่องความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย
-มีเรื่องเพศสัมพันธ์เข้ามาเกี่ยวด้วย
-เสะเมะ (ฝ่ายรุก) มักจะตัวใหญ่และโหดเถื่อน (หื่นด้วยนะ)
-อุเคะ (ฝ่ายรับ) มักจะร่างเล็ก หน้าสวยและอ่อนแอ ต้องให้อีกฝ่ายปกป้อง
Ps. ถ้าเขียนแนวอีโรติก มีฉากเลิฟซีนเยอะๆ จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่ติดเบสท์เซลเลอร์ด้วย
ดวงตากลมอ่านสิ่งที่เขียนไปเมื่อครู่พลางยกแก้วกาแฟเย็นชืดขึ้นจิบไปด้วย
ไร้สาระฉิบเป๋ง ผู้ชายบ้าอะไรจะตัวเล็กขนาดนั้น หน้าสวยนี่ยังพอเข้าใจได้ แต่อ่อนแอจนต้องให้คนอื่นปกป้องนี่ไม่ใช่มั้ง นั่นมันผู้หญิงชัดๆ
ที่เข้าใจเรื่องผู้ชายหน้าสวยได้ก็เพราะเขาก็เป็นผู้ชายหน้าสวยเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้ตัวเล็กกระจิ๋วหลิวเหมือนพวกนายเอกในนิยายพวกนั้นนี่ ออกจะสูง แถมยังมีกล้ามเนื้อเหมือนผู้ชายคนอื่นทุกประการ ถึงจะมีคนเข้าใจผิดบ้างว่าเป็นผู้หญิงเพราะเขาไว้ผมยาวประบ่าบ้างก็เถอะ แต่มองดีๆ ยังไงก็เป็นผู้ชาย ลูกกระเดือกก็มี เห็นก็รู้แล้ว
ไม่อยากเขียนให้นายเอกเป็นพวกปัญญาอ่อนอย่างนั้นเลยแฮะ ถึงจะเป็นฝ่ายรับ ยังไงก็คือผู้ชายอยู่วันยังค่ำ เขียนให้แมนไปเลยดีกว่า ทำให้แตกต่างออกไปบ้าง น่าจะเวิร์ค
จู่ๆ ก็ได้ไอเดียขึ้นมา กัลป์วางแก้วกาแฟลง คว้าปากกามาเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับรายละเอียดนายเอกในนิยายตัวเองที่อยากให้เป็นลงไป แต่ก็ยังคงคอนเซ็ปต์หน้าหวาน ทว่าพอมาอ่านแล้วก็เหมือนเอาตัวเองไปเป็นนายเอกยังไงไม่รู้ แค่เห็นคำว่า ‘หน้าหวาน’ แล้ว เขาก็ต้องฉีกกระดาษแผ่นนั้นทิ้ง ขยำและโยนใส่ลังกระดาษใต้โต๊ะไปทุกครั้ง
สร้างนายเอกให้หน้าหวาน ตอนไปออกงานอีเว้นท์ เดี๋ยวได้มีคนเข้าใจผิดตายเลยว่าเป็นเกย์ฝ่ายรับ
นั่นแหละ เพราะคิดแบบนั้น งานก็เลยไม่เสร็จสักที รู้ตัวอีกทีก็หลังจากผล็อยหลับและตื่นขึ้นมาอีกวันเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์เรียกเข้าดังขึ้น
กัลป์ผงกศีรษะขึ้นจากโต๊ะ ปาดคราบน้ำลายที่มุมปากก่อนคว้าโทรศัพท์มาดูหน้าจอ พอเห็นว่าเป็นชื่อของคุรุกิก็กดรับ กรอกเสียงที่ฟังดูงัวเงียน้อยที่สุดลงไป
“ครับ?”
[วันนี้เรามีนัดกันนะครับอาจารย์กัลป์ จำได้หรือเปล่าครับ]
อีกฝ่ายทวงถามทันที กัลป์ขยี้ตาไปมา สมองประมวลผลก่อนจะจำได้ว่าเมื่อวานเขานัดเข้าไปคุยกับคุรุกิเรื่องแผนการโปรโมทในฐานะไอดอลในตอนบ่าย ก่อนจะกรอกเสียงกลับคืนไป
“จำได้สิครับ ตอนบ่ายใช่มั้ย”
[ใช่ครับ นี่เที่ยงครึ่งแล้ว เห็นอาจารย์ยังไม่มาสักที ผมก็เลยโทรหาน่ะ รบกวนเวลานอนของอาจารย์หรือเปล่า?]
พอคุรุกิว่าติดตลกตามหลังมาเท่านั้นแหละ ความงัวเงียก็มลายหายไปทันตา สายตารีบปราดไปมองยังนาฬิกาตั้งโต๊ะ พอเห็นเข็มบอกเวลาเหมือนอย่างที่คุรุกิว่า เขาก็กระเด้งตัวขึ้นยืนทันที
“สะ...สายแล้ว ดะ...เดี๋ยวผมรีบเข้าไปนะครับ ช่วยรอก่อน”
คุรุกิหัวเราะกลับมา เขากะอยู่แล้วว่ากัลป์จะต้องยังไม่ตื่นแน่ แต่ก็ไม่ได้ถือสาอะไรถ้าอีกฝ่ายจะมาสายเพราะช่วงบ่ายเขาไม่ได้ติดนัดอะไรนอกจากคุยงานกับกัลป์เท่านั้น
[ไม่ต้องรีบก็ได้ครับ ค่อยๆ มา เดี๋ยวผมรอ]
กัลป์ตอบรับและวางสายไป ก่อนจะรีบจัดการตัวเองด้วยความเร็วแสง พลันมุ่งหน้าไปยังสำนักพิมพ์ทันที
โชคดีที่ไม่สายจนน่าเกลียด แต่สายกว่าเวลานัดครึ่งชั่วโมง สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้วก็ถือว่าเสียมารยาทและเป็นการสายที่น่าเกลียดพอสมควร ดีที่คุรุกิไม่ใช่คนเคร่งครัดอะไร กัลป์เลยพอสบายใจไปได้บ้าง ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่โอเคกับคนที่เพิ่งทำงานร่วมกันเป็นครั้งแรกอยู่ดีนั่นแหละ
“อาจารย์ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ อาจารย์ขอโทษผมตั้งแต่มาถึง ยันตอนคุยกันเสร็จก็ยังขอโทษไม่เลิก ผมชักจะเกรงใจแล้วสิ ให้ผมเดานะ เมื่อคืนอาจารย์คงจะอ่านนิยายทั้งคืนจนไม่ได้หลับได้นอนล่ะสิ” คุรุกิว่าขำๆ เมื่อเห็นว่ากัลป์เอาแต่ก้มหัวข้อโทษไม่หยุด และที่เขารู้ว่ากัลป์อ่านนิยายก็เพราะเป็นคำแนะนำของเขาที่ให้กัลป์ไปศึกษางานจากนักเขียนคนอื่นๆ นั่นเอง
กัลป์ยิ้มแห้ง มองชายหนุ่มหน้าตาใจดีที่ส่งยิ้มให้อยู่อย่างกระอักกระอ่วน แต่ก็ผ่อนคลายขึ้นเมื่อพออีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม
“ไม่ต้องห่วงครับ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่เป็นไรหรอก ทำงานกับผม ขอให้ทำงานแบบสบายใจกันทั้งสองฝ่ายนะ”
กัลป์เลยพอเบาใจไปได้บ้าง ทว่าจะไม่เบาใจตรงที่คุรุกิว่าล้อเล่นตบท้ายนี่แหละ
“แต่ถ้าต้นฉบับเลทกว่ากำหนดล่ะก็ ระวังจะโดนผมไปตามถึงบ้าน”
ตกลงจะช่วยให้เขาสบายใจหรือหนักใจกว่าเดิมกันแน่นะ!
พอเห็นรอยยิ้มแหยๆ บนใบหน้าของกัลป์ คุรุกิก็หัวเราะเสียงดัง แล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน
“ว่าแต่โครงเรื่องกับพล็อตที่อาจารย์เล่าให้ผมฟังคร่าวๆ เมื่อครู่ ผมว่าน่าสนใจดีนะ ถึงจะเป็นพล็อตตลาดก็เถอะ แต่ถ้าเปิดตัวว่าเป็นผลงานของนักเขียนชายหน้าตาดี รับรองว่าได้รับความสนใจแน่”
พล็อตตลาดที่ว่าก็คือพล็อตแนวอีโรติกทั้งเรื่องนั่นแหละ กัลป์เพิ่งจะคิดขึ้นได้ระหว่างทางที่ขึ้นรถไฟมาที่นี่ เนื้อเรื่องคร่าวๆ เป็นเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่ออกตามหารักแท้ด้วยการมีสัมพันธ์กับชายอื่น และการมีความสัมพันธ์กับชายแปลกหน้าพวกนั้นก็เป็นเหตุทำให้ได้เจอกับชายคนหนึ่งที่เข้ามาพัวพันกับชีวิตพร้อมกับปริศนาบางอย่าง อารมณ์เหมือนเป็นคนที่มีบุคลิกสองด้าน ที่สำคัญ พระเอกคนนั้นเป็นคนที่สั่งสอนนายเอกเรื่องบนเตียงแบบถึงพริกถึงขิงด้วย แนว SM ดีๆ นี่เองแหละ
“ผมก็ไม่มั่นใจว่าจะเขียนได้หรอกนะครับ” กัลป์ว่า ทำเอาคุรุกิหัวเราะขึ้นมาอีก
“อย่าถ่อมตัวไปเลยครับอาจารย์ ชนะการประกวดจนได้เดบิวท์เป็นนักเขียนแบบนี้ต้องมั่นใจแล้วล่ะ”
ก็อยากจะมั่นใจอยู่หรอกถ้าก่อนหน้าไม่ถูกตัดต้นฉบับให้จบน่ะ แล้วนี่ก็เป็นนิยายบอยเลิฟที่เขาไม่เคยเขียน คนไร้ประสบการณ์เรื่องอย่างว่ากับผู้ชายด้วยกันอย่างเขาจะเขียนได้ยังไง ยังนึกไม่ออกเลย
ทว่าคุรุกิก็ไม่ปล่อยให้กัลป์ได้คิดเรื่อยเปื่อย ออกปากชวนกลับเมื่อเห็นว่าได้เวลาเลิกงานแล้ว
“นี่ผมชวนอาจารย์คุยจนเย็นขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย จะกลับเลยมั้ยครับ”
กัลป์พยักหน้า ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินตามหลังคุรุกิไป ตลอดทางที่เดินออกจากสำนักพิมพ์ พนักงานน้อยใหญ่ในแผนกนิยายบอยเลิฟต่างบอกลาคุรุกิเป็นทิวแถว คุรุกิเองก็ตอบรับด้วยสีหน้าเป็นมิตร กัลป์เลยพอจะเดาได้ว่าผู้ชายคนนี้คงจะเป็นที่รักของทุกคนในที่ทำงานพอดู
ก็แน่ล่ะ ต้องเป็นที่รักอยู่แล้ว เขาเป็นถึงหัวหน้ากองบรรณาธิการ ซ้ำยังรูปหล่อ เรียกได้ว่าเป็นดาราได้เลย แถมยังสุภาพ ใจดี มนุษยสัมพันธ์ก็ดี จนได้ชื่อว่าเป็นขวัญใจของสาวๆ แผนกนิยาย BL
ไม่ใช่แค่แผนกนิยาย BL เท่านั้น ยังเป็นขวัญใจของสาวๆ แผนกอื่นอีกด้วย สาวๆ พวกนั้นถึงกับขนานนามให้คุรุกิว่าเทพบุตรด้วยซ้ำ กัลป์ก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน
คุรุกินับว่าเป็นชายหนุ่มอายุ 30 ที่มีเสน่ห์ไม่น้อยเลยหากเทียบกับ บ.ก.ฟุรุคาวะแล้ว
เอ... หรือว่าจะเอาคุณคุรุกิมาเป็นด้านดีของพระเอกในเรื่องดีนะ บุคลิกเหมาะชะมัด
ไม่ต้องรอคำตอบจากใคร กัลป์ก็ตัดสินใจเอาเองแล้วว่าจะเอาคุรุกิมาเป็นหนึ่งในพระเอก ส่วนนายเอก... อืม คนที่จะไปมีความสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าได้อย่างนั้น ต้องเป็นพวกไม่แคร์ใคร ไม่สนโลก และที่สำคัญ... ต้องแรด
