บทที่ 5 พรหมลิขิต
บทที่ 3
พรหมลิขิต
ลานเกียร์
"ดีน่ะไอ้สัส ที่มีวิชาเรียนรวมมีแค่อาทิตย์ล่ะครั้ง" อาร์เธอร์พูดขึ้นมาหลังจากเห็นหน้าไอ้พีที่ยังเซ็งจากเหตุการณ์เมื่อวานไม่หาย
"เลิกบ่นสักที่เถอะน่า กูสำนึกผิดไม่ทันแล้วไอ้สัส" พอเพื่อนๆ เริ่มประเด็นเรื่องเมื่อวานไอ้ฉันท์ ที่ยังรู้สึกผิดกับเรื่องเมื่อวานไม่หาย ทำได้แค่ยกมือขึ้นไหว้พวกผม
"แล้วมึงนึกยังไง ไปลงเรียนรวมกับพวกเกษตรวะ" ผมสงสัยมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่า คนอย่างไอ้ฉันท์ไม่น่าพลาดเรื่องนี้ได้
"มือกูลั่นอะ จริงๆ กูลงเรียนก่อนพวกมึงไปแล้ว ไอ้อเล็ซ์มันลงให้กูไปเรียนกับเกษตร พอพวกมึงโทรมากูมือลั่นลงเพิ่มไปเลยอ่าสัส" ไอ้ฉันท์สารภาพบาปออกมาพร้อมกับหน้าสำนึกผิดของมัน
"แล้วมึงสนิทกับคนที่ชื่ออเล็กซ์หรือวะ" คณิตมันถามขึ้นมา หลังจากที่มันเล่นเกมเสร็จ
"สนิทมั้ง กูกับเอล็กซ์เป็นเพื่อนบ้านกันอ่า แล้วแม่เราสองคนก็เป็นเพื่อนกันด้วยอ่ะ"
"สัสแบบนี้เขาเรียกว่าสนิทกันมากแล้วไอ้สัส" ไอ้พีพูดขึ้นมาอย่างเซ็งๆๆ
"สัส พรหมลิขิตชัดๆๆ" อาร์เธอร์ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง
"พรหมลิขิต บ้านมึงดิไอ้เธอร์ กรรมลิขิตนะสิไม่ว่า" ไอ้พีพูดขัดขึ้นทันที ที่ไอ้อาร์เธอร์พูดจบ
"เลิกเถียงกันได้แหละนะ" ผมขัดเพื่อนที่ยังคุยกันเรื่องเด็กเกษตร ไม่หยุดสักที
"แต่เดี๋ยวน่ะ ไอ้ฉันท์มันมีเพื่อนเรียนเกษตร ก็ไม่แปลกที่มันจะมองไปทางนั้น แต่ว่ามันจะมีคนหนึ่งเว้ยพวกมึง!!! ที่ชอบมองไปทางนั้นเหมือนกัน ยังไงคร้าบ คุณไม้โท" คณิตกำมือแล้วยื่นมาตรงหน้าผม เหมือนมันกำลังสัมภาษณ์ดาราท่านหนึ่ง
"อะไรใครมอง" ใครจะยอมรับกันครับ คืนยอมรับไปผมก็ไม่มีเหตุผลให้พวกมันอยู่ดีว่าทำไมมองที่เด็กเกษตรพวกนั้น
"กูมั้งที่สบตากับไอ้หล่อนั้นน่ะ ปีที่แล้วมึงก็ยืนมองเขาจนลับสายตา" ผมหันไปมองผู้สังเกตการณ์อย่างคณิต แสนรู้จริงนะมึง!!!
"กูก็มองไปทั่วนั่นแหละ ลุกไปเรียนได้แล้วไอ้สัส" ผมเปลี่ยนเรื่องด้วยการชวนพวกแมร่งไปเรียนแทน
"เปลี่ยนเรื่องเก่ง" อาร์เธอร์มันพูดขึ้นมาลอยๆๆ ผมเองก็ทำเป็นไม่ได้ยินว่า มันด่าผม
"กูขอแหละ เป็นไปได้อย่าคบกับพวกแมร่งนะ" พีที่สีหน้าไม่ดีพูดขึ้นกับพวกผม
"มึง !!! แต่กูเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเลยน่ะ" ไอ้ฉันท์ที่ลำบากใจอยู่แล้ว ยิ่งมาได้ยินที่ไอ้พี ขอมันิ่งลำบากหนักเข้าไปอีก สีหน้ากังวลของมันมองออกได้ชัดเลยครับ เพราะมันคงไม่คิดว่าไอ้สองคนนี้จะเกลียดกันขนาดนี้
"เฮ้อออ กูรู้ แต่กูหมั่นไส้พวกแมร่งนิหว่า" พีหันมาทำหน้ายู่ใส่เพื่อนๆ ก่อนจะเอาแขนทั้งสองข้างวางประสานกันบนโต๊ะหินอ่อน แล้วค่อยๆ หย่อนหัวตัวเองไปวาง อย่างคนหมดอะไรตายยาก
"มึงคิดดูน่ะ กูรักเขาด้วยใจจริง แล้วมึงดูเขาทำกับกูดิ" ไอ้พีที่กำลังเพ้อถึงมุก เห็นแล้วผมก็อยากสมน้ำหน้ามัน เหมือนกันนะครับ
"สม เพื่อนเตือนไม่ฟัง ฉันท์ไปหาไรแดก ก่อนไปเรียนกัน" ผมชวนเพื่อนไปหาอะไรกินก่อนขึ้นเรียน เพราะถัดจากอาคารเรียนของผม มีร้านสะดวกซื้ออยู่
ตึ้งต๊อง ตึ้งต๊อง
เสียงเปิดประตูร้านสะดวกซื้อ ที่เปิดออกเพราะมีกลุ่มคนกำลังจะเดินออกมา ทำให้ผมต้องละสายตาจากโทรศัพท์เพื่อเงยหน้า มองคนที่กำลังจะเดินสวนทางออกมา
"ห่วงแต่เล่นโทรศัพท์แบบนี้ไม่น่ารักเลยน่ะ" เสียงทุ้มหล่อที่พูดกับผม ทำให้ผมต้องเงยหน้ามอง
"หึ" ฉันท์มันส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ผมหันไปมองหน้าเพื่อนตัวเอง อย่างคาดโทษ ใครเขาชมผู้ชายน่ารักกัน !!! ไอ้หล่อนนี่ถ้าจะประสาท
"น่ารักไรของมึง" ห่าไรกันเนี่ย อุตส่าห์ลุกออกจากวงสนทนาเรื่องของพวกมันมาหาชาเขียวกินให้สบายใจแล้วแท้ๆ ยังจะเดินมาเจอกันอีก หมดอารมณ์จริงๆ
"พูดเพราะๆ สิครับพูดแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ" ไอ้คนตัวสูงตรงหน้ายืนหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะพูดกับผม จะมาเล่นจ้องตาอะไรกัน หน้าร้านเนี่ย
