บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 เจอแล้วสามีทิพย์ของฉัน!

ตอนที่ 6

เจอแล้วสามีทิพย์ของฉัน!

ฉันได้แต่อ้าปากค้างเพราะคำพูดคำพูดของผู้ชายสองคนตรงหน้า อะไรที่หมายถึงลูกแมวข้างทาง ฉันก้มลงมองสำรวจตัวเองรู้สึกว่าก็สวยดีถึงแม้ว่าชุดนี้มันจะสั้นไปสักนิด คอเสื้อปิดด้านหน้าจนแทบไม่เห็นเนื้อหนัง แต่ด้านหลังแหวกแทบถึงก้น ฉันไม่เคยสวมชุดที่โป๊ขนาดนี้มาก่อนเลยนะ ทำไมเขาถึงพูดแบบนี้กัน

“นอกจากจะหน้าตาไม่ดีแล้ว.. พวกพี่ยังตาไม่ถึงอีกต่างหากแบบฉันเนี่ยเรียกว่าสวยค่ะ” เมื่อเห็นว่าไม่มีทางขึ้นไปด้านบนได้ในเวลานี้ จึงได้หันหลังแล้วสะบัดออกมาก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์

ด้วยความหงุดหงิดมือข้างหนึ่งคว้าแก้วน้ำส้มมากระดกกรอกปากจนหมด ก่อนจะหันไปมองเพื่อนที่หันมามองหน้าฉันราวกับมีคำถาม

“ไม่ต้องถามเลย.. ฉันกำลังหงุดหงิด” ฉันเห็นว่าปั้นแป้งนั้นหัวเราะออกมาก่อนจะยื่นแก้วน้ำส้มของตัวเองมาให้ ความหมายของเธอก็คือดื่มน้ำเยอะ ๆ จะได้ใจเย็น ๆ นั่นแหละนะ

“ใจเย็น ๆ แม่สาวสวยกินน้ำส้มก่อนจะได้ชื่นใจ” ฉันหันกลับไปมองเธอแวบหนึ่งก่อนจะส่ายหน้า แต่สายตาเจ้ากรรมก็ดันไปเห็นขวดแอลกอฮอล์ทรงสวยของผู้ชายที่ชื่อว่าคูเปอร์ ฉันไม่พูดพร่ำทำเพลงและยอมเสียมารยาทด้วยการไปหยิบมันมาเทใส่แก้วตัวเอง ก่อนจะกระดกดื่มรวดเดียวหมด

“เฮ้ย!”

มือของผู้ชายคนนี้คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของฉันด้วยความรวดเร็วแต่มันก็ยังช้ากว่าฉันอยู่ดี เพราะทันทีที่ฉันกระดกของเหลวในแก้วนั้นน้ำสีอำพันแม้แต่หยดเดียวก็ไม่เหลือ ความร้อนของเครื่องดื่มที่ไม่คุ้นเคยบาดคอทำให้ฉันรู้สึกขนลุกซู่ ความแสบร้อนที่ใบหน้าราวกับว่ากำลังเอาหน้าไปอังไฟมันทำให้ฉันรู้สึกขนลุก

“กระดกแบบนี้เดี๋ยวก็ได้เมาตายพอดี” เขาปล่อยมือออกจากข้อมือของฉันก่อนจะลงไปนั่งที่เดิม ความร้อนของร่างกายในตอนนี้ทำให้ฉันรู้สึกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก

“ฉันจะขึ้นไปข้างบนได้ยังไงวะ” ฉันหันไปคุยกับปั้นแป้งก็เห็นว่าเธอนั้นส่ายหัวส่งให้ เมื่อไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงฉันจึงหันไปจ้องแก้วเหล้าด้านหน้าอีกครั้งก่อนจะหยิบมันกรอกใส่ปาก

“ขนมผิงแกก็ใจเย็นก่อน.. มาถึงขนาดนี้แล้วมันต้องมีวิธีขึ้นไป” เธอตบไหล่ฉัน มือข้างหนึ่งเอื้อมมาหวังจะดึงแก้วนั้นออก แต่เมื่อฉันไม่ให้ เธอจึงเปลี่ยนมายกมือมาลูบเส้นผมของฉันราวกับว่ากำลังปลอบใจแทน

“เธอจะขึ้นไปไหน” คูเปอร์เอ่ยถามด้วยท่าทางสบาย ๆ ก่อนที่เขาจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม

“ชั้นสอง” ถึงแม้ว่าจะไม่อยากคุยกับเขาแต่ในเวลานี้ฉันสนใจการที่จะขึ้นไปบนนั้นมากกว่า

“ชั้นสองเนี่ยนะ รู้หรือเปล่าว่าข้างบนมันเป็นยังไง”

“รู้ดิ ก็สามีของฉันอยู่บนนั้น”

“สามี?”

“ใช่! สามีของฉันหล่อมากหล่อกว่านายร้อยเท่า พันเท่า เขายังอยู่ข้างบนแต่ฉันไม่รู้จะขึ้นไปยังไง”

“ก็ถ้าเธอเป็นเมียเขา แค่ขึ้นไปทำไมจะทำไม่ได้ก็เดินขึ้นไปดิ”

“ไม่ได้! เข้าใจไหมว่าฉันขึ้นไปไม่ได้ เหอะ! ไม่ช่วยอะไรยังพูดมากอีกหงุดหงิดที่สุดเลย” เมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ฉันหยิบน้ำเมาเทใส่แก้วก่อนจะกระดกมันเข้าปากราวกับว่ามันเป็นน้ำเปล่า แต่สิ่งที่ฉันแปลกใจคือตอนนี้ฉันกลับรู้สึกว่าเลือดลมในกายกำลังสูบฉีดได้ที่

ปึก! ฉันวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะกระจกอย่างแรงก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เมื่อน้ำเมาเข้าปากความหายนะก็กำลังจะมาเยือน

“เดี๋ยวมา” ฉันบอกเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินพรวดพราดออกจากโต๊ะ ได้ยินเสียงของปั้นแป้งเอ่ยเรียกหลายครั้งแต่ความรู้สึกของฉันตอนนี้มันกลับบอกว่าให้ฉันเดินขึ้นไปชั้นบน

“จะไปไหน” ฉันมองหน้าชายฉกรรจ์สองคนซึ่งไม่รู้ว่าเป็นคนเดิมหรือเปล่า แต่ที่รู้แน่ชัดเลยคือสองคนนี้เองก็ห้ามฉัน สองมือเล็กยกขึ้นมาเท้าสะเอวก่อนจะจ้องหน้าพวกเขานิ่ง

“ฉันจะขึ้นไปชั้นบน” ไม่รู้เลยว่าตอนนี้น้ำเสียงของฉันเป็นยังไงแต่ที่รู้คือถ้าเขาไม่ให้ฉันขึ้นไป วันนี้ได้มีวางมวยแน่

“ขึ้นไปไม่ได้”

“เหอะ! ทำไมฉันจะขึ้นไปไม่ได้! ทำไมต้องมีสองมาตรฐาน! คนอย่างขนมผิงถ้าอยากจะขึ้นไปก็ต้องได้ขึ้น! สามีของฉันอยู่บนนั้นพวกนายสองคนจะมาขัดขวางไม่ได้!” และก็ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ขนเอาความกล้าและบ้าบิ่นจากที่ไหนมา ฉันเห็นชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่ยืนทำหน้าที่อย่างขะมักเขม้นหันมองไปทางชั้นสอง ก่อนที่เขานั้นจะตะแคงคอไปกระซิบกระซาบกับผู้ชายอีกคน

และทันทีที่ฉันหันขึ้นไปด้านบนตามพวกเขา ก็เห็นแผ่นหลังของผู้ชายคนหนึ่งเดินกลับเข้าไปในห้องซึ่งไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเป็นใคร

“เชิญ” พวกเขาบอกแบบนั้นก่อนจะหลบทางให้สามารถขึ้นไปด้านบนได้ ฉันยืนนิ่งกับคำพูดของเขาพร้อมกับหันหน้าหันหลังไปมองรอบตัว

“เชิญฉันหรอ” ก่อนจะหันมามองผู้ชายสองคนนั้นพร้อมกับใช้นิ้วชี้มาที่ใบหน้าตัวเอง

“ก็มีเธออยู่คนเดียว” ใดวงตาที่พร่าเบลอมองไม่ชัด แต่มั่นใจว่าใครสักคนในสองคนนี้เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับหลบทางให้ฉันกว้างกว่าเดิม ไม่รู้หรอกว่าทำไมบทจะง่ายก็ง่ายขนาดนี้ แต่โอกาสมาทั้งทีขนมผิงจะไม่พลาด! สองเท้าก้าวเดินขึ้นไปชั้นบนแต่ก็ยังไม่วายหันมามองผู้ชายสองคน ซึ่งพวกเขาเองกลับมายืนขวางบันไดไว้ดังเดิม

“ทำไมทีนี้ขึ้นง่ายจังวะ” ถึงแม้ว่าริมฝีปากจะบ่นไปแบบนั้นแต่สองเท้าก็ก้าวเดินขึ้นไปไม่หยุด

บอกเลยว่าชั้นหนึ่งและชั้นสองช่างเป็นบรรยากาศที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งที่นี่คือผับเดียวกัน ชั้นล่างมากมายไปด้วยเหล่าผีเสื้อราตรีพร้อมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้งปะปนกับกลิ่นน้ำหอมราคาแพงผสมกลิ่นเหงื่อ เสียงเอะอะโวยวายที่ดังตลอดเวลาที่ชวนเวียนหัว แต่ชั้นบนกลับเงียบสนิทมีเพียงเสียงดนตรีจากชั้นล่างที่ดังขึ้นมาแต่ไม่แสบแก้วหูเท่า

เมื่อขึ้นมาถึงชั้นสองฉันหันซ้ายหันขวาดูห้องที่น่าจะเป็น ซึ่งด้านบนนี้เป็นห้องกระจกมืดที่มองแทบไม่เห็นอะไร ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่ชั้นบนนี้มันน่ากลัวแปลก ๆ แต่การจะขึ้นมาบนนี้ได้ไม่ใช่จะเป็นเรื่องง่ายโอกาสเพียงครั้งเดียวของขนมผิงจะไม่มีทางปล่อยให้มันหลุดมือไปเด็ดขาด เมื่อคิดได้ดังนั้นสองขาของฉันจึงเดินตรงไปยังห้องที่เคยเห็นผู้ชายคนนั้นเดินออกมา

“ชื่ออะไรนะอะไร.. ลา.. ลา” และด้วยความอยากรู้อยากเห็นฉันค่อย ๆ ใช้มือดันประตูสองสามห้องที่ผ่าน ซึ่งบอกเลยว่าปิดล็อกจากด้านในเกือบทุกห้องแสดงว่ามีคนอยู่ด้านใน ไม่เพียงเท่านั้นยังได้ยินเสียงประหลาดของผู้หญิงสักคนดังออกมาจากห้องไหนสักห้องราวกับกำลังจะขาดใจตายจนทำให้ขนลุกซู่

แอ๊ด~

ไม่รู้ว่าเพราะความงงหรืออะไร สองเท้าของฉันเดินมาหยุดอยู่ที่ประตูห้องท้ายสุดก่อนจะใช้มือลองดันประตูบานเข้าไป และทันทีที่มันเปิดออกดวงตาของฉันก็เบิกกว้าง

“อี้เฉินขา~ เรามาสนุกกันดีกว่า ทำไมมองหน้าแองจี้อย่างนั้นละคะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel