ตอนที่ 5 อยากเจอลูกเสือ ต้องเข้าถ้ำเสือ (2)
ตอนที่ 5
อยากเจอลูกเสือ ต้องเข้าถ้ำเสือ (2)
“คนนี้ชื่อคูเปอร์.. เป็นนักศึกษาแพทย์”
“ปากหมาขนาดนี้อะนะเป็นนักศึกษาแพทย์ ตลกและไอ้แป้ง”
“จริง ๆ”
“เดี๋ยวก่อนนะคูเปอร์หรอ..”
ฉันหันกลับไปมองผู้ชายหัวเทาคนนี้อีกครั้งด้วยสายตายากจะคาดเดาก่อนจะหันมามองเพื่อนที่ยิ้มเจื่อนให้กับฉัน
“คูเปอร์.. ไอ้คนที่หล่อนักหล่อที่กำลังจีบแกหรอ”
“ใช่! แล้วทำไม” และทันทีที่ได้ยินคำถามของฉัน ไอ้คนที่นั่งนิ่งก็หัวมาตอบด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัด
“หุบปากไปเลยไม่ได้คุยกับนายสักหน่อย มารยาทอะรู้จักไหม”
“ปากดีจริง ๆ เลยนะเธอเนี่ย” ถึงแม้ว่าเขาจะพูดออกมาแบบนั้นแต่ยอมเงียบแต่โดยดี ก่อนจะนั่งกระดกเหล้าโดยไม่ได้สนใจอะไรพวกเราอีก
“แกพาเขามาทำไม” เมื่อเห็นว่าเขาเงียบแล้วจึงหันไปกระซิบถามเพื่อนอีกครั้ง แต่สายตายังคงจดจ้องไปที่เขาไม่กะพริบ
“ฉันไม่ได้พาเขามา เขามาเอง”
“พวกเธอกำลังนินทาอะไรฉันอยู่ อยากรู้อะไรก็ถาม” เขานั่งใช้แผ่นหลังพิงไปที่พนักโซฟาก่อนใช้มือขยี้เส้นผมสีเทาควันบุหรี่ของตัวเองอย่างคนไม่สบอารมณ์
“นายมาทำอะไร” ในเมื่อให้ฉันถาม คนอย่างขนมผิงไม่มีอยู่แล้วที่จะเกรงกลัว
“มาตามเมีย มีคนพาเมียฉันมาใจแตก”
“คูเปอร์!” ปั้นแป้งตวาดเสียงแหลมทำให้ฉันหันไปมองเพื่อนด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“ไอ้แป้ง! นี่แกกับไอ้หมอนี่ไปถึงไหนแล้วเนี่ย” ฉันสังเกตได้เลยว่าอาการของเพื่อนค่อนข้างจะกลัวผู้ชายคนนี้อยู่นิดหน่อย และปกติแล้วปั้นแป้งเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะมีปากมีเสียงอะไรสักเท่าไหร่ และไม่มีในหัวสมองเลยว่าเธอจะมารู้จักกับผู้ชายคนนี้ได้ยังไง
“ไว้เรื่องของเธอสองคนฉันจะมาสอบถามทีหลัง แต่ว่าวันนี้ฉันมีภารกิจ ว่าแต่นายมาก็ดีฉันจะได้วางใจฝากนายดูเพื่อนของฉันด้วยนะ”
“จะไปไหนก็ไปเหอะ” ฉันว่าฉันก็คุยกับผู้ชายคนนี้ดีแล้วนะ แต่ไม่รู้ทำไมรู้สึกว่าคำพูดคำจาของเขามันค่อนข้างจะไม่ค่อยเข้าหูเลยสักนิดก็ไม่รู้
“อย่าให้ฉันมีโอกาสนะ ฉันจะยุเพื่อนฉันให้เลิกกับนายซะให้เข็ด คอยดู!”
“เธอกล้าหรอ!” ฉันเห็นใบหน้าของผู้ชายคนนั้นที่ทำหน้าดุใส่ฉันแต่สำหรับคนอย่างขนมผิงแล้วเรื่องแค่นี้ไม่ได้ระคายผิวเลยแม้แต่น้อย บอกไว้เลยขนมผิงหน้าด้านมากพอย่ะ
“ถ้าอย่างนั้นแกอยู่กับหมอนี่ก่อนนะฉันขอแวบไปดูข้างบนก่อน” มือข้างหนึ่งของฉันตบไหล่ของเพื่อน ก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วโบกมือให้เธอก่อนจะหันไปแยกเขี้ยวให้กับผู้ชายตรงข้าม
อาศัยจังหวะที่คนกำลังพลุกพล่านเดินมายังบันไดที่จะขึ้นไปชั้นสอง แต่เหมือนสถานที่แห่งนี้จะเข้มงวดอยู่มากเพราะทันทีที่เดินมาถึง ก็เห็นการ์ดหน้าเข้มสองคนยืนเฝ้าหน้าบันไดเอาไว้
“จะไปไหนครับ” หนุ่มฉกรรจ์คนซ้ายเอ่ยถามพร้อมกับยกมือขึ้นมาขวางเมื่อเห็นฉันนั้นทำท่าจะก้าวขึ้นไปด้านบน
“เอ่อ.. จะขึ้นไปชั้นบนค่ะ” ฉันทำใจสู้เสือบอกเขาออกไปด้วยน้ำน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะเป็นปกติที่สุด
“ไม่ทราบว่าใครเรียกครับถึงจะขึ้นไปด้านบน” คราวนี้เป็นหนุ่มฉกรรจ์คนด้านขวา เขาเองก็เดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับมองหน้าฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ภายใต้แว่นตาสีดำแต่ฉันรู้ได้เลยว่าผู้ชายคนนี้กำลังหรี่ตามองฉันอยู่แน่นอน ขนมผิงรู้ขนมผิงเรียนมา!
“คือ..” ฉันอึกอักเพราะว่าไม่รู้ว่าผับแห่งนี้จะเข้มงวดขนาดนี้ หรือว่าปกติแล้วทุกผับก็จะเข้มงวดแบบนี้กันนะ
“คุณต้วนค่ะ! คุณต้วนเรียกฉันมา” เพราะว่าไม่รู้จะพูดอะไรในเมื่อผับนี้เป็นของผู้ชายที่ชื่อต้วนและก็เป็นคนเดียวที่ฉันจำชื่อได้หากใช้ชื่อเจ้าของผับละก็ ผู้ชายสองคนนี้อาจจะไม่ยุ่ง
“นี่น้องสาว.. จะโกหกก็ให้เนียน ๆ หน่อย โกหกไม่เนียนไปเรียนมาใหม่นะ คุณต้วนไม่มีทางมีสเปคเหมือนลูกแมวข้างทางอย่างนี้แน่นอน กลับไปซะ!”
