บทที่ สาม ปรนนิบัติรับใช้ยามค่ำคืน
ที่แท้เขาก็รู้แจ้งถึงคำขู่ที่นางกลัวยิ่งกว่าคำว่าโดนลงโทษเสียแล้ว
จู่ ๆคำเตือนของโจวเฟิง ผู้ช่วยคนสนิทของเขาก็ผุดขึ้นมาบนหัว
“ยามนี้ฝ่ายนั้นกำลังเคลื่อนไหว มิแน่ว่านางอาจเป็นสายลับที่ถูกส่งเข้ามาแฝงตัวข้างกายพระองค์นะพะย่ะค่ะ”
หากนางเป็นสายลับ เขาอยากรู้ยิ่งนักว่าใบหน้าใสซื่อเช่นนี้จะเล่นงิ้วหลอกลวงเขาได้นานสักแค่ไหน
“หากอยากอยู่ที่นี่นาน ๆ เจ้ามิรู้หรือว่าควรเอาใจข้า อย่าขัดใจข้าเด็ดขาด ข้าบอกให้เจ้าหันหน้าไปทางซ้ายเจ้าก็ควรหันหน้าไปทางซ้าย หากข้าสั่งให้เจ้านั่งบนตักข้านิ่ง ๆเจ้าก็ควรสงบเสงี่ยมนั่งเฉย ๆ เจ้ามิอยากรับใช้ข้างกายข้าหรอกหรือ?”
“...” คนบนตักมองสบตาเขาผ่านกระจกพลางพยักหน้าอย่างเด็กดีที่กำลังตั้งใจฟังอาจารย์สั่งสอน
“หากอยากให้ข้าโปรดปรานมิยาก เพียงแค่อย่าขัดใจข้าเท่านั้น เจ้าทำได้หรือไม่”
“...” เด็กดื้อกลายเป็นเด็กดีอย่างเต็มรูปแบบ หยางซีผิงผงกหน้ารับอย่างถี่รัว
ที่แท้การได้รับความโปรดปรานให้รับใช้ใกล้ชิดก็ง่ายเพียงเท่านี้เอง
หยางซีผิงจิตใจลิงโลดยิ่งนัก ทว่ายังดีใจได้ไม่เท่าไหร่ความเสียววูบบริเวณท้องน้อยราวกับมีผีเสื้อนับล้านตัวมาบินวน ความรู้สึกที่มิเคยสัมผัสมาก่อนพากันวูบไหวจู่โจมเข้ามา
หยางซีผิงก้มหน้ามองฝ่ามือใหญ่ที่กำลังบีบขย้ำหน้าท้องนางเล่นผ่านเนื้อผ้าสามชั้นอย่างมันมือเขม็ง
ธรรมเนียมของคนเมืองไม่มีบัญญัติเรื่องชายหญิงมิควรใกล้กันหากมิได้แต่งงานกัน ที่นี่เขาไม่ยึดถือกันหรือ?
หยางซีผิงมัวแต่ตั้งข้อสงสัยในใจนางจึงปล่อยปละละเลยให้มือหนาสองข้างของคนตัวโตลากวนเวียนขึ้นมายังก้อนเนื้อนุ่มสองก้อนของนาง
เสียววูบยิ่งกว่าเดิม
“อื้ม...ทะ ท่านอ๋อง”
หยางซีผิงไม่รู้เลยว่าตนเองพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่าแค่ไหน ความเสียวซ่านกระแสหนึ่งชัดเจนในใจนาง
ช่างเป็นธรรมเนียมที่แปลกประหลาดคนบ้านป่าเช่นนางตามมิทันเลยสักนิด
“ไยก้อนเนื้อตรงนี้ของเจ้าจึงเด้งสู้มือข้าเช่นนี้”
หยางซีผิงกัดปากอดกั้นมิให้เปร่งเสียงน่าอายออกมาขณะโดนมือหนวดปลาหมึกสองข้างรุกราน ดวงตาหรี่ปรือของหยางซีผิงช้อนมองคนเบื้องหลังนางผ่านประจก
นางเห็นใบหน้าหล่อเหลาของปิศาจราคะที่สามารถล่อลวงสตรีมากหน้าหลายตาให้เข้ามาติดกับกำลังมองนางอยู่
นางมิควรสบตามองดวงตาร้ายกาจคู่นั้นเลย หยางซีผิงอยากย้อนเวลากลับไปตอนที่นางยกมือเสนอตัวเข้ามาปรนนิบัติรับใช้เขายิ่งนัก
แม้ว่านางจะมีความคิดไม่ทันคนเมือง ทว่านางมิใช่คนโง่ที่เรื่องดำเนินมาถึงขนาดนี้แล้วจะไม่รู้ว่าทั้งหมดล้วนเป็นเพราะความโง่ของนาง
นางเดินเข้ามาในหลุมอันตรายด้วยตัวเอง
ตุ่มเล็ก ๆบนยอดอกแข็งตัวสู้มือใหญ่
ยามนิ้วสากขยี้บนตุ่มไตดังกล่าวนางก็ตัวอ่อนยวบ ตัวหยางซีผิงเหลวแนบชิดกับอกแกร่งด้านหลัง ความคิดในหัวเมื่อครู่ปลิวหายไปทันที
มีแต่ความร้อนผ่าวไล่ลามเลียไปทั่วร่างกาย
ร่างกายบอบบางบิดดิ้นหนีความเสียวซ่านเหล่านั้น นางมิรู้ตัวเลยว่าชุดคลุมตัวนอกสุดโดนปลดถอดไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“ชุดนี้มิควรสวมใส่ด้านนอกสุด ต้องถอดออก”
“ข้า ขะ ข้าไม่ทราบ”
“มิเป็นไรเด็กดี อยู่เฉย ๆเดี๋ยวข้าช่วยชี้แจง ช่วยเจ้าสวมชุดให้ถูกต้องเอง”
“มะ...มิเป็นไรเพคะ”
พูดไม่ทันขาดคำชุดชั้นที่สองก็โดนปลดเปลื้องออกอีกตัว ร่างกายขาวกระจ่าง เนื้อนวลเต่งตึงจึงปรากฏแก่สายตาเหลียงซือห้าว
การตอบสนองราวกับสตรีแรกแย้มเช่นนี้ทำเอาหัวใจน้ำแข็งของเขาแทบละลายสิ้น
ร่างกายนุ่มนิ่มเนียนขาวกำลังแดงช้ำเพราะโดนมือเขาบีบขย่ำ ริมฝีปากแดงก่ำเพราะเจ้าตัวเอาแต่กัดเพื่อสะกดกั้นเสียงร้องคราง
ยามเขาสัมผัสนางทีนึงร่างกายเล็กก็กระตุกทีหนึ่ง บางครั้งสู้มือบิดหนี บิดไปบิดมาสุดท้ายกลายเป็นเอาส่วนที่นุ่มเด้งสองลูกมาเบียดร่างกายกำยำของเขา
ทำราวเป็นสตรีไร้ประสบการณ์
สายลับเดี๋ยวนี้สามารถแสดงบทงิ้วเป็นสตรีแรกแย้มได้แนบเนียนขนาดนี้เลยหรือ
สายลับคนใหม่ที่คนผู้นั้นส่งมาช่างเก่งกาจเสียจริง
“นี่เจ้ากำลังยั่วยวนข้าหรือหยางซีผิง”
แพขนตาชุ่มน้ำตาลืมขึ้นมองตาคนถามพลางส่ายศีรษะราวกับคนไร้สติ
“วาจาบอกไม่แล้วมือเจ้ากำลังจับยึดสิ่งใดอยู่รึ”
มือบางกำลังจับลำมังกรของเหลียงซือห้าวอยู่อย่างไรเล่า
ที่แท้นางก็กำลังเล่นละครยั่วยวนเขาจริง ๆ...ช่างไม่ต่างจากสตรีที่ผ่านมา
ความแข็งขึงและการโต้ตอบโดยการกระตุกทักทายมือหยางซีผิงทำให้นางที่กำลังดำดิ่งกับรสชาติราคะได้สติ
บุรุษผู้นี้นางมิควรแตะต้อง เขาเป็นถึงผู้มีพระคุณของท่านพ่อ ไม่สิเขาคือผู้มีพระคุณของนางด้วย
ภายนอกเขาคือปิศาจราคะ ทว่าภายในเขาคือเทพเซียนสำหรับหยางซีผิง
เขาเคยช่วยเหลือนางแม้ว่าเราไม่รู้จักกัน...
นางจำได้ดี
