สร้างเรื่อง
ปึ่งๆ ปึ่งๆ
“โอ้ย อะไรวะเนี้ย คนจะนอน” อมิตาตะโกนอย่างหงุดหงิด คอนโดที่นี่มันเริ่มจะวุ่นวายเข้าไปทุกที ใครมันมาทุบประตูห้องเธออีกวะ
ปึ่งๆ ปึ่งๆ ปึ่งปึ่งปึ่ง
“สั่งเก็บเลยดีไหม แม่ง!” อมิตาเดินเร็วๆไปเปิดประตู ไม่รู้จะปวดหัวเพราะฤทธิ์เหล้า หรือเพราะมีเรื่องอะไรแต่เช้ากันแน่
“มิว เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”
คามิลยืนหน้าเคร่งเครียดอยู่หน้าห้อง เขารีบถลาเข้ามาจับไหล่เล็กทั้งสองข้างอย่างเป็นห่วง ก่อนจะโดนคนขี้งอนตีมือทั้งสองข้างแรงๆ จนเขาต้องปล่อยเธอแล้วเดินตามเข้าไปในห้องนั่งเล่น
“แกแหละไอ้ตัวดีไปไหนมา รู้ไหมว่าเมื่อคืนฉันต้องเจออะไรบ้าง ถ้าแกอยู่ ฉันก็ไม่ต้องโดนไอ้พวกนั้นวางยา ไม่ต้องโดนไอ้บ้าที่ไหนบุกมาข่มขืน และถ้าแกไม่ชวนฉันไปกินเหล้า ฉันคงไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้”
อมิตามองด้วยสายตาผิดหวัง เขาชวนเธอแท้ๆ แต่เทเธอแบบไม่บอกกันสักคำ แล้วตอนนี้วิ่งแจ้นมาทำอะไรที่ห้องไม่ทราบ เขาควรจะไสหัวกับหน้าหล่อๆกลับอังกฤษไปเลยด้วยซ้ำ ยังมีหน้าพาตัวเองมาให้เธอเห็นอีก
“เรื่องไอ้นั่น พ่อเธอส่งคนไปจัดการแล้ว ส่วนเรื่องที่ฉันไม่ได้ไปตามนัดฉันขอโทษแม่ฉันเข้าโรงพยาบาล เธอรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ ฉันจะพาเธอไปพบท่าน” เขาได้รับคำสั่งจากท่านมาว่าให้พาเธอกลับไปให้ได้ แม้อมิตาจะน่ากลัว แต่ท่านอธิปน่ากลัวกว่าเยอะ
“ไม่ไป ถ้าฉันจะไป ฉันไปเองได้ ส่วนนายไสหัวออกไปเลย ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก”
อมิตาเดินหายเข้าไปในห้องนอน จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยชุดทำงาน แม้จะสะเทือนใจเรื่องเมื่อคืนอยู่ แต่เธอก็ผิดเต็มๆที่ให้ที่อยู่ไอ้นั่นไป แม้วันนี้เธอจะรอด แต่ไอ้นั่นไม่รอดแน่ เพราะพ่อเธอคงจะรู้เรื่องหมดแล้ว รู้จากปากใครไม่ต้องเดาเลย เพราะมีคนเดียวที่รู้เรื่องนี้ ไอ้เฮียบ้า ปากมากไม่เข้าเรื่อง
อมิตาออกมาจากห้องนอนก็ไม่เจอคามิลแล้ว เพราะต่างคนต่างรู้นิสัยกันดี คามิลจึงไม่เคยทำให้เธอรู้สึกรำคาญใจเลย ถึงจะโกรธกันบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยนานเกินสองวัน และครั้งนี้เขาก็ไม่ได้ผิดคนเดียว จะโยนความผิดให้เขาทั้งหมดมันก็ไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่
รถพอร์ชคันหรูขับเข้ามาในบ้านของรัฐมนตรีและภริยา อมิตาเดินเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นรถประจำตำแหน่งของพ่อเธอยังจอดอยู่ที่เดิม
“มาแล้วเหรอยัยตัวดี”
อธิปมองลูกสาวที่ไม่มีท่าทีสำนึก กับเรื่องที่เกิดกับตัวพลางถอนหายใจ เขาตามใจลูกสาวคนเดียวจนเคยตัว ติดนิสัยที่ว่าทำผิดแล้วมีคนคอยแก้ ก่อเรื่องให้ไม่เว้นวัน และครั้งนี้ก็คงไปเล่นหูเล่นตาใส่ผู้ชายคนนั้น จนมันตามไปถึงคอนโด
“มีอะไรก็พูดมาเลยค่ะ หนูมีประชุมบ่าย” อมิตามองเลยไปด้านหลังคนเป็นพ่อที่นั่งหน้าตึงอยู่บนโซฟา เมื่อแม่เดินมาใกล้ก็รีบเดินเข้าไปกอดเอวท่านไว้แน่น พลางส่งสายตาอ้อนวอน ว่าช่วยทำอะไรก็ได้ให้พ่อพูดธุระให้จบโดยเร็วที่สุด
“ม๊าไม่ช่วยแล้วนะมิว ครั้งนี้ม๊าเห็นด้วยกับแด๊ด” มาม๊าที่เคยเอาใจเธอตลอด พูดขัดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของเธอ อมิตาถึงกับถอยออกห่าง เพราะกลัวแม่เล่นงานเธอแทนพ่อ
“มันเรื่องอะไรเนี้ย มิวไม่เห็นรู้เรื่องเลย” อมิตาเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยท่าทีสบายๆ พ่อกับแม่ได้แต่สายหน้ากับท่าทางของเธอ
“ไอ้นั้นแด็ดให้คนจัดการแล้ว ต่อไปมิวก็ไม่ต้องไปอยู่คอนโดแล้ว กลับมาอยู่ที่บ้าน เข้าใจที่พูดไหมมิว” ท่านมองลูกสาวที มองภรรยาที เรื่องดื้อนี่ได้ใครมาไม่รู้ ทำไมถึงดื้อได้ขนาดนี้
“มิว 26 แล้วนะคะ โตแล้วด้วย อีกหน่อยก็ต้องแต่งงานไปอยู่กับผัว จะให้มิวมาอยู่ติดบ้านไม่ได้หรอกค่ะ มันน่าเบื่อ”
“มิว ม๊าไม่เคยขอร้องอะไรมิว แต่ครั้งนี้ม๊าขอเถอะนะ ช่วยทำตัวดีๆหน่อย เป็นสาวเป็นนางก็รักนวลสงวนตัวหน่อย ไม่ใช่ทำตัวง่ายกับใครก็ได้แบบนี้”
มาริญาส่ายหน้าให้ลูกสาวอย่างอ่อนใจ นิติของคอนโดบอกว่าเรื่องครั้งนี้เพราะลูกสาวท่านเล่นหูเล่นตาให้ผู้ชาย เขาถึงตามมาถึงคอนโด เกือบจะเกิดเรื่องงามหน้า ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่มาช่วยไว้
“ม๊าพูดว่าอะไรนะ! ทำตัวง่ายเหรอ มิวไม่รู้หรอกนะว่าไปฟังหมาที่ไหนพูดมา ถึงได้มาพูดกับมิวแบบนี้ ถึงมิวจะเป็นแบบนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่ามิวง่าย แด็ดกับม๊าเคยถามมิวบ้างไหมว่ามันเกิดอะไรบ้าง เคยถามบ้างรึเปล่า”
อมิตายืนขึ้นพร้อมระเบิดความน้อยเนื้อต่ำใจออกมา ทุกครั้งที่มีเรื่อง พวกท่านเคยถามเธอบ้างไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ฟังแต่คนอื่น แล้วมาตัดสินทุกอย่างเองแบบนี้ ที่เธอเงียบมาตลอด เพราะไม่อยากพูดให้ท่านเป็นห่วง ไม่ใช่ว่าที่ไม่พูดเพราะเธอเป็นคนผิดคิดหาแต่คำแก้ตัว
“มิว! อย่าก้าวร้าวกับมาม๊า” ท่านอธิปตำหนิเสียงดัง มองลูกสาวที่ดวงตาแข็งกร้าวอย่างไม่วางตา
“หึ! มิวไม่ใช่ลูกรักของพ่ออยู่แล้วนี่ อย่ามาคาดหวังอะไรจากมิวเลย มิวขอตัวก่อน”
อมิตาเดินออกไปจากห้องรับแขกอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นใครบางคนเดินเข้ามาในห้องรับแขก เดินสวนทางกับผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความสุข ภายในบ้านหลังนี้ของเธอเมื่อหกปีก่อน ผู้หญิงที่แย่งทุกอย่างของเธอไป รวมทั้งผู้ชายที่เธอรัก
“มีเรื่องอะไรกันเหรอค่ะ คุณท่าน” กัลยาถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มองอมิตาที่เดินจากไปด้วยหางตา ก่อนจะยิ้มเยาะ เมื่อคุณหนูคนเล็กของบ้านไม่ยอมอยู่ต่อ ทั้งที่เพิ่งมาถึงได้ไม่นาน และรีบหนีไปทันทีที่เห็นหน้าเธอ
“บอกให้เรียกแด็ดเหมือนพี่ๆน้องๆคนอื่นไง ถึงกัลจะไม่ใช่ลูกที่เกิดจากมารี แต่กัลก็เป็นลูกของแด็ด” ท่านอธิปยิ้มให้ลูกสาวอีกคน ก่อนจะเหลือบสายตามองหน้าภรรยาในสมรสนิ่งๆ
“ฉันขอไปดูกับข้าวก่อนนะคะ” มาริญายิ้มให้คนทั้งสองนิดๆ ลุกขึ้นเดินจากไปทางห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเที่ยง เก็บซ่อนความเสียใจไว้คนเดียวเหมือนเคย
กัลยายิ้มให้กับแผ่นหลังที่เดินจากไป แม่ลูกนิสัยไม่ต่างกันเลย ชอบหนีความจริง ควรจะยอมรับทุกอย่างได้สักที ว่าเธอตอนนี้เป็นลูกอีกคนของท่าน แม้จะเป็นลูกที่เกิดจากผู้หญิงคนอื่น แต่เธอก็คือลูกที่มีดีเอ็นเอเหมือนกันกับอธิป
“หนูไปทำงานก่อนนะคะ แด็ด”กัลยาพนมมือไหว้ เดินออกจากบ้านไปขึ้นรถอย่างอารมณ์ดี ขับรถมุ่งหน้าไปทำงานตามปกติ แม้ตอนนี้จะสายมากแล้วก็ตาม
