บทที่4 เซียนน้อยที่เดิมทีก็เป็นเพียงจิ้งจอกตนหนึ่งเท่านั้น
“เทียนเหอ มิใช่ว่าท่านบอกกับข้าว่าตัวท่านเป็นเพียงเซียนน้อยผู้หนึ่งหรืออย่างไร แล้วเหตุใดยามนี้กลับกลายมาเป็นองค์ไท่จื่อผู้สูงศักดิ์ได้เล่า ทุกถ้อยคำที่ท่านกล่าวแก่ข้า มีความจริงใจแก่ข้าเพียงเสี้ยวบ้างหรือไม่” อวี่เซวียนเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่ข่มความสั่นไหวโดยไม่อาจละสายตาไปจากเทียนเหอได้เลยแม้แต่น้อย
“อวี่เซวียน เรื่องนั้นข้าย่อมอธิบายให้เจ้าได้อย่างกระจ่างในภายหลัง หากแต่สิ่งที่เจ้าได้กระทำลงไปนั้นล้วนไม่อาจมองข้ามได้” เทียนเหอกล่าวจบประโยคหนึ่ง ยังไม่ทันจะกล่าวประโยคต่อไป ก็พลันมีเสียงเหล่าเทพทั้งหลายเข้ามาร่วมรุมประณามและกล่าวว่าสิ่งที่อวี่เซวียนได้กระทำนั้นว่าช่างร้ายแรงและไม่อาจละเว้นโทษได้
“เซียนน้อยเอ๋ย เจ้าจงยอมรับและสำนึกผิดในสิ่งที่กระทำเถิดเพื่อโทษนั้นจะได้เบาลง” เป็นเซียนผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลได้กล่าวแก่อวี่เซวียน
“กระทำผิดหรือ ตัวข้ากระทำผิดด้วยเรื่องอันใด เป็นนางที่ทิ้งตัวลงไปยังบ่อเบื้องหน้านั้นด้วยตัวของนางเอง เหตุใดข้าจักต้องสำนึกผิดด้วยเล่า” อวี่เซวียนพยายามยืนกรานในความบริสุทธิ์ของตัวนางเองอย่างสุดกำลัง
หากแต่เซียนผู้น้อยเช่นนางมีหรือจะมีผู้ใดเชื่อในคำพูด เมื่อเทียบกับเทพธิดาอย่าง อิงฮวา ที่บัดนี้นอนสิ้นสติอยู่ในอ้อมแขนขององค์ไท่จื่ออย่างเทียนเหอได้
“เซียนน้อย ทั่วทั้งสวรรค์ชั้นฟ้าแห่งนี้ บ่อจุติแห่งสัตว์เดรัจฉานนั้นล้วนไม่มีเซียนผู้ใดใจกล้าปรารถนาจะกระโดดลงไป เจ้าจะบอกว่า ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะเทพธิดาอิงฮวาปรารถนาจะกระโจนลงบ่อจุติแห่งสัตว์เดรัจฉานด้วยตนเองเช่นนั้นรึ หึ ช่างไร้เหตุผลเสียจริง” เซียนอีกผู้หนึ่งกล่าวพร้อมแสดงสีหน้าตำหนิลงมาแก่อวี่เซวียนอย่างไม่ปิดบัง
“เซียนน้อยผู้นี้เดิมทีก็เป็นเพียงจิ้งจอกตนหนึ่งเท่านั้น แม้จะบำเพ็ญเพียรจวบจนได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นเซียน แต่จิตใจกลับยังคงไร้ซึ่งความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ขอองค์ไท่จื่อโปรดทวงความยุติธรรมให้ เทพธิดาอิงฮวาด้วยเถิด” เสียงของเซียนอาวุโสกล่าว พลางร้องขอความเป็นธรรมให้แก่เทพธิดาผู้น่าสงสาร
อวี่เซวียนหันมามองหน้าของเทียนเหอก่อนจะกล่าวคำถามที่ค้างคาอยู่ภายในจิตใจ
“เทียนเหอ แล้วท่านเล่า มีความเชื่อมั่นในคำพูดข้ามากน้อยสักเพียงใด หากข้ากล่าวว่าไม่ได้กระทำ เจ้าจะเชื่อในคำพูดนั้นของข้าหรือไม่” อวี่เซวียนกล่าวจบก็จ้องมองชายผู้เป็นที่รักด้วยแววตาที่ไร้ซึ่งความสั่นไหว หากแต่ยังคงเต็มไปด้วยความคาดหวังอยู่ไม่น้อย
แม้เทพเซียนเหล่านี้จะต่อว่านางสักปานใด ตัวนางก็ยังคงหวังว่าเทียนเหอนั้นจะยังคงมีความเชื่อมั่นในตัวนางอยู่บ้าง
แม้ผู้ใดจะไม่เชื่อในคำพูดของนาง นางก็ล้วนไม่เก็บมาใส่ใจ หากแต่มีเพียงเทียนเหอเท่านั้น ที่นางปรารถนาจะให้เขาเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของนาง
หากแต่เมื่อจบสิ้นซึ่งคำถาม อีกฝ่ายกลับมีเพียงความเงียบงันเป็นคำตอบ เพียงเท่านี้ อวี่เซวียนก็พอจะเข้าใจอะไรต่อมิอะไรได้อย่างไม่ยากแล้ว
“เทียนเหอ แม้ท่านไม่กล่าวสิ่งใดออกมา บัดนี้ ตัวข้าก็ได้รู้แจ้งกระจ่างแก่ใจแล้ว” กล่าวจบ อวี่เซวียนก็เบือนสายตาจากเทียนเหอด้วยไม่อยากทนเห็นสายตาที่แสนเย็นชาคู่นี้อีกต่อไป
“นำตัวนางไปขังไว้ที่คุกสวรรค์ชั้นเก้ารอการไต่สวนโทษ ไม่ได้รับคำสั่งจากข้า ก็จงห้ามมิให้ผู้ใดเข้าออกเป็นอันขาด” เทียนเหอกล่าวข้อสรุปออกมาด้วยสายตาที่ยากจะอ่านออก หากแต่ในน้ำเสียงกลับมีความเย็นชาปนอยู่หลายส่วน
อวี่เซวียนที่ได้ยินดังนั้นพลันใจสลายไปสิ้น เขาไม่เชื่อในตัวนาง อีกทั้งยังกล่าวตัดสินนางด้วยความเย็นชาถึงเพียงนี้ วาสนาที่เคยร่วมมี เห็นทีจะเทียบไม่ได้กับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของเทียนเหอและเทพธิดาที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา
อวี่เซวียนทอดถอนใจ ก่อนจะตัดใจให้ขาดกับความรักที่โง่งมแล้วหันมาบอกกล่าวแก่เซียนทั้งหลายในที่แห่งนี้
“เพียงแค่รอการตัดสินโทษ ตัวข้าก็ต้องถูกกักขังเสียแล้วช่างโสมมไม่แตกต่างจากแดนมนุษย์ที่ตัวข้านั้นเพิ่งจากมา เพียงนางเป็นเทพธิดาผู้สูงศักดิ์ พวกท่านทั้งหลายกพร้อมที่จะเชื่อในคำโกหกเหล่านั้น โดยไม่คิดที่จะไต่สวนหาความเป็นจริงเลยแม้แต่น้อย” อวี่เซวียนก่นด่าเหล่าเทพในที่แห่งนั้นอย่างไม่คิดที่จะไว้หน้าผู้ใดอีกต่อไปแล้ว
“กิริยายเช่นนี้ ยังจะให้พวกข้าเชื่อในคำพูดเจ้าได้เช่นไร เจ้าหมิ่นเกียรติของเผ่าสวรรค์ถึงเพียงนี้ ก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็นเซียนอีกต่อไปแล้ว”
“เผ่าสวรรค์ก็เป็นเพียงดินแดนหนึ่ง หาได้มีสิ่งใดสูงส่งกว่าเผ่าพันธุ์อื่นเลยแม้แต่น้อย รักโลภโกรธหลงนั้นล้วนยังมีอยู่ เช่นนั้นจะถือดีว่าตนสูงส่งกว่าผู้อื่นได้อย่างไร” หากสวรรค์เป็นเช่นนี้แล้ว อวี่เซวียนก็ไม่คิดที่จะรั้งอยู่ที่นี่อีกต่อไป
