4 ตีตัวออกห่าง
จากที่ตื่นเช้าอยู่แล้ว วันนี้ภารินต้องตื่นเช้ากว่าปกติ เพราะหญิงสาวไม่รู้ว่าผู้มาอยู่อาศัยใหม่นั้นทานข้าวเช้าตั้งแต่กี่โมง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เธอจึงเข้ามาทำกับข้าวให้เขาแต่เช้าตรู่ ซึ่งทำไปได้สักพักก็เห็นเขาเดินมาที่ครัว เขาอยู่ในชุดคล้ายกำลังใจไปออกกำลังกาย
“ทำกับข้าวหรอ”
“ค่ะ รินกำลังทำข้าวต้ม พี่อาทิตย์หิวรึยังคะ”
“พูดเหมือนว่าถ้าฉันบอกหิว ก็กินได้เลย” คนปากร้ายไม่เลิกพูดแซะ
“ก็จริงค่ะ งั้นถ้าหิวก็รอก่อนนะคะ” เพราะเธอพึ่งเริ่มเตรียมของ เขาก็เห็น แต่เขาก็คือเขา ที่ไม่ชอบพูดดี ๆ กับเธอ
“เดี๋ยวฉันจะไปออกกำลัง กลับหวังว่ามันจะเสร็จนะ”
“ค่ะ”
“เสร็จรึยัง” เสียงที่ดังมาจากข้างหลังทำให้คนที่ยืนคนข้าวอยู่สะดุ้งตกใจ
“วร้าย!” ก่อนจะหันหลังกลับไปมองตามเสียง ยิ่งเห็นว่าเขาอยู่แทบจะตัวติดก็ยิ่งตกใจมากขึ้นกว่าเดิม
“จะตกใจอะไรขนาดนั้น” เขาว่าแต่ก็ยังไม่ยอมขยับตัวไปไหน
“ก็พี่มาไม่ให้สุ้มให้เสียง ใครบ้างจะไม่ตกใจคะ” จนเป็นเธอเองที่ต้องถอยตัวออกห่าง แต่เพราะว่าข้างหลังเป็นเคาท์เตอร์ครัว ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ไกล
“เธอไม่เห็นเองต่างหาก” เขาว่าอย่างไม่รู้สึกผิดใด ๆ ก่อนจะโน้มตัวผ่านหน้าเธอไปดูหม้อข้าวต้ม
“จะทำอะไรของพี่น่ะ”
“ฉันแค่จะดูว่าข้าวต้มมันสุกรึยัง คิดอะไรของเธออยู่ ฉันไม่พิศวาสลูกเป็ดอย่างเธอหรอกน่า”
“รินก็ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย” เธอพูดก่อนเบี่ยงตัวมายืนข้าง ๆ เขาแทน เขาอยากดูอยากเช็ค ก็เต็มที่เลยแล้วกัน
“หึ”
“ถ้าไม่มี...”
“ไปเตรียมน้ำให้ฉันอาบที”
“คะ?” คนที่กำลังหาทางหนี จำต้องมองหน้าคนพูดด้วยสีหน้าไม่เข้าใจทันที
“คุณแม่บอกให้เธอดูแลฉันให้ดี ๆ ไม่ใช่รึไง”
“ตอนนี้ฉันอยากอาบน้ำ ก็ช่วยไปเตรียมน้ำให้หน่อยแล้วกัน ขอไม่อุ่นมากนะ”
“ค่ะ” เธอพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินขึ้นบ้านไปห้องของเขาเพื่อเตรียมน้ำให้เขาอาบตามที่เขาขอ บ้านหลังนี้เธอเดินเข้าออกขึ้นลงตั้งแต่เด็ก ห้องของเธอเองในบ้านหลังนี้เธอก็มี แต่ตั้งแต่คุณป้ายกบ้านหลังเล็กให้เธอ เธอก็ไม่ได้มานอนที่นี่อีกเลย
“เสร็จรึยัง” ชายหนุ่มที่บนตัวมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวผันรอบเอวสอบเอ่ยถาม ตอนนี้เขายืนพิงประตูมองคนตัวเล็กกำลังเตรียมน้ำให้อยู่
“เสร็จว...ล แล้วค่ะ” เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงก็ต้องรีบหันหนีไปทางอื่นทันที เมื่อเห็นเขาแต่งตัวไม่เรียบแล้ว แม้จะเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นดึกมากแล้ว แสงก็เลือนลาง ไม่ใช่ตอนเช้า ๆ แสงสว่างสาดส่องเพียงพอแบบนี้ จะยังไงเธอก็ไม่ชินอยู่ดี แล้วก็ไม่อยากรับรู้ อยากเห็นอะไรเกี่ยวกับเขาให้ความรู้สึกเก่า ๆ มันกลับคืนมาด้วย เพราะงั้นเมื่อเขามาแล้วเธอก็ตั้งใจจะเดินออกไปทันที
หมับ มือหนาคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของคนตัวเล็กที่เธอกำลังจะเดินผ่านหน้าเขาไป เพื่อถามสิ่งที่สงสัย ตอนทำกับข้าวเมื่อเช้าก็ครั้งหนึ่ง ถ้าเขาไม่รั้งให้เธอทำข้าวต้มให้ เธอก็คงหนีเขาไปแล้ว ในเมื่อเธอก็เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ก็ไม่เห็นต้องกลัวใครมาเข้าใจผิด
ไม่รู้สิเขาแค่รู้สึกแปลก ๆ ที่เธอไม่ได้มาตามตอแยเขาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทั้ง ๆ ที่เขาควรจะดีใจด้วยซ้ำที่เธอไม่มาอยู่ใกล้ให้รำคาญสายตา
“ทำไมเธอถึงชอบหนีหน้าฉัน เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้”
“แล้วแบบนี้พี่อาทิตย์ไม่ชอบหรอคะ เมื่อก่อนรินอยู่ใกล้พี่ พี่อาทิตย์ก็ชอบไล่ ชอบบ่นรำคาญริน ตอนนี้รินก็พยายามเอาตัวเองออกห่างจากพี่อาทิตย์แล้วไงคะ”
“มันก็ชอบ แต่ว่า...” ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบคนตัวเล็กก็บิดแขนออกจากมือของเขาแล้วพูดแทรกขึ้นมา
“ถ้าชอบก็ดีแล้วค่ะ รินจะพยายามอยู่ให้ห่าง ให้พ้นสายตาพี่อาทิตย์ก็แล้วกันนะคะ” พูดจบก็เดินหนีมาทันที แม้ว่ามันจะผ่านมานานแล้ว แต่เวลาเธออยู่ใกล้ ๆ เขาความรู้สึกเก่า ๆ มันก็หวนกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ทั้งที่คิดว่าเข้มแข็งกว่าเดิมมากแล้ว แต่มันก็ยังรู้สึกเจ็บกับคำพูดของเขาอยู่ดี
“ฉันจะรอดูแล้วกัน ว่าเธอจะหนีหน้าฉันได้ถึงเมื่อไหร่ หึ”
Rrrr Rrrrr เสียงโทรศัพท์ที่ดังเข้ามาทำให้หญิงสาวที่วุ่นอยู่กับการจัดร้านเดินไปรับสาย
“ค่ะคุณป้า”
“หนูริน ตอนนี้ยุ่งอยู่รึเปล่าลูก”
“ไม่ค่อยค่ะ คุณป้ามีอะไรรึเปล่าคะ”
“ป้าวานเราอีกสักเรื่องได้ไหมจ๊ะ”
“ได้ค่ะไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว” คุณป้ามีพระคุณกับเธอมากขนาดนี้เธอจะปฏิเสธได้ยังไง
“ช่วยไปเป็นผู้ช่วยพี่เขาให้ป้าหน่อยได้ไหมลูก ระหว่างรอป้าหาคนใหม่”
“คุณป้าหมายถึงให้รินไปเป็นผู้ช่วยพี่อาทิตย์หรอคะ”
“ใช่จ้ะ หนูรินสะดวกรึเปล่า ถ้าไม่สะดวกป้าจะได้รีบกลับไป”
“ไม่เป็นไรค่ะรินทำได้ คุณป้าอยู่เที่ยวกับเพื่อน ๆ ต่อเถอะค่ะ”
“เอาแบบนั้นหรอ งั้นป้าขอบใจมากนะ”
“ค่ะ เที่ยวให้สนุกนะคะ”
“จ้า ป้าสัญญาว่าจะซื้อของไปฝากหนูกับตะวันเยอะ ๆ เลย”
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ รินเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจอะไรทั้งนั้น ป้าทำเพราะป้ารักของป้า ป้าชอบของป้า”
ได้ยินแบบนั้นภารินก็อมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะตอบรับและวางสายไป เวลาคุณป้าท่านไปไหนท่านมักจะมีของฝากเธอกับลูกชายเสมอ
หลังจากวางสายไปแล้วเธอก็จัดร้านต่ออีกหน่อย แล้วเข้าครัวร้านเพื่อเตรียมทำเมนูมาใส่ตู้เตรียมขายต่อ
เสียงโมไบล์ที่ดังทำให้คนที่กำลังตั้งใจทำขนมอยู่ เงยหน้าขึ้นมองแป๊บนึง เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ก้มหน้าก้มตาทำขนมต่อ
“พี่อาทิตย์”
“ไง”
“มาหารินมีอะไรรึเปล่าคะ” คนที่ง่วนอยู่กับการทำขนมเอ่ยถาม โดยที่เธอไม่ยอมละสายตาจากสิ่งตรงหน้า เธอเงยหน้ามองเขาแค่ครั้งแรกที่เขาเดินมาเท่านั้น
“ฉันมาตามผู้ช่วย” เขาพูดพร้อมกับมองสำรวจ ๆ รอบตัว
“หมายถึงรินใช่ไหมคะ”
“นี่เธอ” เขารู้ว่าเธอต้องรู้อยู่ก่อนแล้ว เพราะแม่เขาบอกว่าบอกเธอให้แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะตอบกลับมาแบบนี้
“งั้นรอรินแป๊บนะคะ รินขอนวดแป้งนี้เสร็จก่อน”
“อีกกี่นาที” เขาพูดพร้อมก้มมองนาฬิกา เตรียมจับเวลา
“สามสิบนาทีค่ะ”
“ฉันให้เธอแค่สิบห้านาที ฉันจะไปนั่งรอในร้าน” พูดจบก็เดินออกไปจากครัวทันที พนักงานครัวต่างพากันแลกเปลี่ยนสายตา ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“เดี๋ยวอีกสิบนาที พี่ฝากดูต่อด้วยนะ”
“ได้ค่ะ”
“รินเสร็จแล้วค่ะ ไปกันเลยไหมคะ” เดินออกมาเห็นเขากำลังนั่งกินขนมที่ร้านอยู่เธอก็พูดบอกเขา
“อืม” เขาบอกก่อนจะลุกขึ้นเดินนำเธอไป
“พี่อาทิตย์ อยากรู้อะไร สงสัยอะไร ก็ถามรินได้เลยนะคะ ถ้ารินรู้รินจะตอบให้ค่ะ ถ้าไม่รู้เดี๋ยวรินไปถามพี่ไม้มาให้” แม้จะไม่อยากพาตัวเองไปอยู่ไกลเขา แต่เมื่อถึงเวลาทำงานเธอก็ทำอย่างมืออาชีพ พยายามตัดเรื่องส่วนตัวออกไป
“ฉันถามเธอ แสดงว่าอยากรู้จากเธอ ไม่ได้อยากรู้จากไอไม้ ถ้าฉันอยากรู้จากไอไม้ ฉันไปถามมันไม่ดีกว่าหรอ”
“หรือว่าเธอจะได้เป็นข้ออ้างให้เธอได้อยู่ใกล้มัน”
“พูดอะไรของพี่ ให้เกียรติรินด้วยค่ะ ถ้าไม่ให้เกียรติรินก็ช่วยให้เกียรติพี่ไม้ด้วย”
“เหอะ” ได้ยินเธอว่าแบบนั้นก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ เดี๋ยวนี้เธอกล้าต่อปากต่อเขากับเขาขึ้นเยอะเลย ก็คงมีแม่เขาคอยถือหางอยู่สินะ
การดูงานของลูกเจ้าของไร่วันแรก โดยมีผู้ช่วยคนสวยคอยตามติดอยู่ตลอดเป็นไปได้อย่างราบรื่นในความคิดของอาทิตย์ แต่ไม่ใช่ภารินเลย เขาแกล้งใช้นู่นใช้นี่เธอสารพัด จนเธอเมื่อยขาไปหมด บางคำถามที่เขาถามเธอ พอเธอตอบ เขาก็บอกว่าผิดแล้วเขาก็อธิบายสิ่งที่ถูกให้ฟัง เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าเขารู้แล้วเขาจะมาถามเธอทำไม
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน” เสียงทุ้มเอ่ยบอกคนที่เดินตามตัวเองทั้งวันจนหน้าขาว ๆ นั้นแดงแดดไปหมด ไหนจะเหงื่อที่เธอต้องยกมือเช็ดบ่อย ๆ อีก เห็นแล้วก็ใจร้ายต่อไม่ลง
“แต่เมื่อกี้พี่อาทิตย์บอกว่า” เมื่อกี้เขาเป็นคนบอกเธอเองว่าอยากไปฟาร์มผึ้งต่อ เธอก็เดินไปเอาอุปกรณ์มาให้เขา พอมาถึงเขาก็บอกให้พอแค่นี้ เธอหมดคำจะพูดกับเขาเลยจริง ๆ
“ฉันเหนื่อยแล้ว ถ้าเธออยากไปต่อก็ตามใจแล้วกัน” เขาบอกก่อนจะเดินหนีคนที่ของพะรุงพะรังมา อย่างไม่คิดจะช่วยขนไปเก็บ ทั้งเขายังขับรถกอล์ฟมาก่อน ทิ้งเธอไว้คนเดียวอีก
คนถูกใช้แรงงานทั้งวันได้แต่มองตามน้ำตาคลอ ก่อนจะเดินเอาของไปเก็บอย่างทำอะไรไม่ได้ เธอเป็นผู้มาขออาศัยอยู่ คุณป้ามีพระคุณกับเธอมาก แม้ว่าหลายครั้งที่ลูกคุณป้าแกล้งเธอ ทำร้ายเธอ เกือบจะทำลายชีวิตเธอก็ตาม ถึงอย่างนั้นเธอก็ต้องอดทนใช่ไหม...
“คนใจร้าย”
ด้านคนที่ขับรถกอล์ฟมาก่อน ก็กำลังกลับรถไปรับเธอ คำนวณเวลาดูป่านนี้เธอน่าจะเก็บของเสร็จแล้ว เขาไม่ได้จะใจร้ายแกล้งเธอให้เดินกลับบ้านหรอกน่า แค่จะแกล้งเธอนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้น ทว่าพอกลับรถอยู่ ๆ เครื่องมันก็ดับไปซะงั้น
“Sh*t”
หลังจากเครื่องดับไปชายหนุ่มก็พยายามสตาร์ทอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เปิดผลเลย รถเหมือนจะติดแต่มันก็ดับเหมือนเดิม ก่อนที่สายตาเขาจะมองไปเห็นรถกอล์ฟอีกคันที่ขับมาไกล ๆ มาจากทางที่เขาพึ่งผ่านมา
“อ่าวคุณอาทิตย์เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เมื่อขับมาถึงเป็นไม้ที่เอ่ยทัก ส่วนอีกคนที่นั่งมาด้วยกัน เธอมองเขาแวบนึงเท่านั้น ก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่น อย่างไม่อยากสนทนากับเขา
“อยู่ ๆ รถมันก็ดับไปน่ะ”
“มาครับ เดี๋ยวผมช่วยดูให้” ไม้เอกลงมาช่วยดู สองหนุ่มพูดคุยอยู่สักพัก ผลสรุปออกมาเป็นว่าให้อาทิตย์ขับรถกอล์ฟกลับบ้านไปกับภารินก่อน ส่วนไม้เอกจะอยู่ดูรถต่อ รอช่างมาซ่อมให้
“พี่ไม้ไม่กลับด้วยกันจริง ๆ หรอคะ กลับไปกินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับมาก็ได้ค่ะ”
“รินกลับไปกับคุณอาทิตย์เถอะ เดี๋ยวพี่อยู่ดูรถก่อน”
“งั้นเดี๋ยวรินอยู่เป็นเพื่อนไหมคะ”
“ไม่เป็นไร รินกลับไปเถอะ เดี๋ยวเจ้าแสบกลับจากโรงเรียนแล้วไม่มีข้าวกินจะงอแงเอานะ”
“ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวรินทำกับข้าวเผื่อพี่ด้วยแล้วกันนะคะ”
“ขอบใจมากนะ”
“ค่ะ” ภารินส่งยิ้มให้ ก่อนที่อาทิตย์จะขับรถออกมา
“เป็นห่วงเป็นใยกันดีจังเลยนะ”
“พี่ไม้นิสัยดี สมควรได้รับความห่วงใยจากคนอื่นค่ะ”
“นี่เธอจะบอกว่า”
“เปล่านะคะ รินยังไม่ได้พูดอะไรเลย”
“เหอะ”
“อย่างน้อยพี่ไม้ก็ไม่เคยทิ้งรินไว้ให้ต้องเดินกลับคนเดียว” เธอพูดขึ้นด้วยความน้อยใจ ตอนแรกตั้งใจจะเก็บมันไว้ แต่บอกให้เขารู้ไว้บ้างก็ดี เขาจะได้รู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันทำให้เธอรู้สึกไม่ได้
“ฉันไม่ได้...โกรธหรอ” ตอนแรกจะอธิบายให้ฟังว่าที่ทำไปเพราะแกล้งเล่นเท่านั้น แต่มันก็มีทิฐิในใจ ทำให้เขาพูดอีกอย่างไปแทน
“รินมีสิทธิ์โกรธลูกเจ้าของไร่ด้วยหรอคะ”
“รู้ตัวก็ดี” เมื่อเธอประชดมา เขาก็จะประชด ไม่ต้องญาติดีกันแล้วแบบนี้
“ค่ะ รินรู้ตัวมาตลอดว่าตัวเองควรอยู่ตรงไหน”
