3 ลุงหลาน
“ต ตะ...พี่อาทิตย์...” เดินมาตามเสียงด้วยความรีบร้อน กำลังจะเรียกลูกชายอีกครั้งแต่กลับเห็นเขายืนอยู่ตรงหน้า เขาคนที่เธอไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าจะได้เจอในวันนี้ ไหนจะลูกชายที่อยู่บนหลังเขาอีก
“ตะวันลงมาลูก ไม่ขี่หลังคุณลุงแบบนั้นครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า นี่ก็จะถึงแล้ว” อาทิตย์ว่า สายตาเขากวาดมองสำรวจที่สูงเท่าไหร่ตัวเองคร่าว ๆ ไม่เจอกันหลายปีเธอเปลี่ยนไปมากจริง ๆ เขากลับไล่ครั้งล่าสุดก็เจ็ดแปดปีก่อน แต่กลับมาก็ไม่เห็นยัยลูกเป็ด ถ้ากลับมาแล้วเห็นยัยลูกเป็ดตรงหน้านี่จริง ๆ ก็คงจะเป็นสิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นยัยลูกเป็ดยังเป็นนักเรียน ม ปลายอยู่เลยมั้ง ส่วนเขาก็จะจบ ป ตรีแล้ว
ตอนนั้นยังเป็นเด็กกะโปโล อ้วนเป็นหมู ขี้แยปล่อยให้เด็กในไร่แกล้งอยู่เลย ไม่คิดว่าโตมาแล้วจะสวยขึ้นมากเป็นคนละคนแบบนี้ถ้าเจอกันที่อื่น ดีไม่ดีเขาอาจจะจำยัยลูกเป็ดไม่ได้ มิน่าล่ะถึงได้มีลูกตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ เพราะสวยขึ้นแล้วเนื้อหอมนี่เอง
เหอะตอนนั้นสอบเข้ามหาลัยได้ ก็โทรมาอวดเขาใหญ่ บอกจะตั้งใจเรียนให้จบแล้วมาช่วยงานเขาที่ไร่ แม้ว่าเขาจะแค่รับสาย ไม่ได้ตอบกลับอะไร แต่เสียงเจื้อยแจ้วของเธอ มันก็เข้าหูเขา นี่ก็หวังว่ากลับมาอาจจะได้เธอเป็นผู้ช่วย แม้จะไม่ชอบขี้หน้ายัยนี่ก็ตาม จากที่ไม่คิดจะญาติดีด้วย แต่อายุที่มากขึ้นและหลายอย่างที่ประสบพบเจอมา ทำให้เขามีวุฒิภาวะมากขึ้น
เขาไม่ควรเกลียดยัยลูกเป็ด แค่ยัยนี่ถูกแม่เขารับเลี้ยง แค่ยัยนี่ได้อยู่กับแม่เขามากกว่าเขาที่เป็นลูกแท้ ๆ
“ถ้าลุงหนักบอกตะวันนะครับ ตะวันลงเดินเองก็ได้”
“ไม่เป็นไร เราตัวแค่นี้เองสบายมาก”
“หรอครับ คุณลุงแข็งแรงจังเลย”
“ถ้าเป็นแม่ริน แม่รินอุ้มตะวันไม่ไหวแล้วแม่รินบอกตะวันตัวหนัก”
“ตะวันลูก” เสียงหวานปรามลูกน้อย เมื่อรู้สึกว่าจะเริ่มสนิท เริ่มพูดคุยเป็นกันเองกับเขามากเกินไปแล้ว ทั้งที่พึ่งเจอกันวันแรก
“เอาน่า ฉันว่าที่ตะวันพูดมันก็จริงนะ เธอตัวผอมจนลมพัดปลิวแบบนี้ จะมีแรงที่ไหนอุ้มลูก”
“ใช่ครับคุณลุง ข้าวแม่รินก็กินน้อยมาก ๆ เลย”
“หึ” ได้ยินตะวันพูดแบบนั้นอาทิตย์ก็หัวเราะน้อย ๆ ในระหว่างกลับบ้านจึงมีแต่เสียงพูดคุยของเด็กชายตะวันกับอาทิตย์เป็นส่วนใหญ่ ส่วนภารินเธอได้แต่เดินอยู่ด้วยเงียบ ๆ เท่านั้น เธอจะตอบก็แค่ตอนที่ตัวเองถูกถามบ้าง หรืออยู่ในหัวข้อสนทนาบ้าง
“ห้องเป็นห้องเดิมที่พี่อาทิตย์เคยมานอนนะคะ รินเก็บทำความสะอาดให้แล้ว ข้าวเย็นเดี๋ยวรินทำมาให้ค่ะ” เมื่อเดินมาถึงบ้านของป้าดุจดาวภารินก็พูดขึ้น ส่วนอาทิตย์ก็ย่อตัวลงตะวันลงจากหลังเขาได้ง่าย ๆ
“ส่วนของเดี๋ยวรินให้คนมาช่วยคน”
“ฉันไม่ได้เอาของมาเยอะ เดี๋ยวฉันขนเองก็ได้”
“ค่ะ”
“ถ้างั้นรินขอตัวก่อนนะคะ”
“อื้ม” เมื่อเธอขอตัวกลับเขาก็พยักหน้ารับ ภารินคงไม่ใช่ภารินในอดีตที่เขาเคยรู้จักแล้วสินะ เธอดูไม่อยากพูด ไม่อยากอยู่ใกล้เขาเหมือนก่อน เธอดูพยายามตีตัวออกห่างจากเขาด้วยซ้ำ หากเขาไม่ได้รู้สึกผิดพลาดไป
อาจจะเป็นเพราะเธอมีลูกมีครอบครัวแล้วล่ะมั้ง ถ้ามาอยู่ใกล้กันกับเขาคงจะไม่เหมาะสม แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ไม่รู้ว่าเขาเห็นหน้าเธอบ่อย ๆ เขาจะหงุดหงิดเหมือนเมื่อก่อนอีกรึเปล่า
“ตะวันไปนะครับคุณลุง ไว้เจอกันใหม่ครับ”
“ครับ”
หลังจากสองแม่ลูกไปแล้วอาทิตย์ก็เดินสำรวจบ้าน ก่อนจะขนของขึ้นไปเก็บ ไม่ได้กลับมาหลายปี หลาย ๆ อย่างก็ยังเหมือนเดิม เหมือนแม่เขาจะไม่ได้ปรับเปลี่ยนสไตล์การตกแต่งบ้านเลย
เดินดูได้สักพักเขาก็เลือกที่จะไปอาบน้ำ เดินทางมาทั้งวันเริ่มรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวบ้างแล้ว ไหนจะไปเดินทัวร์ไร่มาอีก วันนี้อาทิตย์เลยใช้เวลาอาบน้ำแช่ตัวร่วมชั่วโมง แต่เดินมาที่ห้องอาหารตั้งใจจะมาหาน้ำกิน ก็เป็นเวลาเดียวที่ภารินหอบหิ้วเอาปิ่นโตเข้ามาพอดี
“รินเอากับข้าวมาให้ค่ะ”
“คุณป้าฝากรินให้ช่วยดูแลพี่อาทิตย์” เธอพูดอธิบาย กลัวเขาจะหาว่าเธอพยายามเข้าหาเขาอีก
“อื้ม” อาทิตย์พยักหน้ารับ ก่อนจะรินน้ำใส่แก้ว ตอนนี้เขาอยู่ในชุดนอนกางเกงขายาว พร้อมกับเสื้อยืดสีพื้น บนไหล่มีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดอยู่ คาดว่าเขาจะใช้มันเช็ดผมเพราะตอนนี้ผมเขายังดูหมาด ๆ อยู่
“รินไม่รู้ว่าพี่อาทิตย์จะมาวันนี้ ก็เลยไม่ได้เตรียมของไว้ หวังว่าของพวกนี้จะถูกปากพี่อาทิตย์นะคะ” เธอพูดไปตามความจริง เพราะคุณป้าบอกว่าเขาจะมามะรืน ที่ก็เท่ากับว่าเขามาก่อนกำหนดเกือบสองวัน
“ไม่เป็นไร ฉันมาไม่บอกเอง” เขาว่าก่อนจะเดินมาดูกับข้าวที่กำลังจัดใส่จาน ถือว่าหน้าตาน่ากินทีเดียว แต่รสชาติคงต้องว่ากันอีกที
“พี่อาทิตย์จะลองชิมดูก่อนไหมคะ”
“ก็ดี”
“เป็นไงบ้างคะ” คนถามเองก็ลุ้น ว่าตัวเองจะต้องไปทำกับข้าวให้เขาใหม่ไหม
“ไม่เลว แล้วตะวันล่ะไม่มาด้วยหรอ” เมื่อเย็นเด็กชายยังบอกเขาอยู่เลยว่าขอมากินข้าวกับเขา กินกับแม่สองคนมันเหงา
“ไม่ค่ะ” เธอตอบแล้วเขาก็พยักหน้าเข้าใจก่อนจะถามเธอต่อ
“แล้วพ่อของตะวันล่ะ คุณแม่เองก็ไม่เคยบอกก่อนว่าเธอแต่งงาน” คำถามที่ถามเพราะความอย่างรู้ กลับกลายเป็นคำถามที่จี้ใจดำเธอ
“ตะวันไม่มีพ่อค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วรินขอตัวกลับก่อนนะคะ” ภารินพูดบอกเขาหลังจากจัดอาหารที่ทำมาใส่จานให้เขาเรียบร้อยแล้ว เธอเดินออกไปทันที ไม่อยู่ฟังคำตอบรับของเขา
“อย่าบอกนะว่ายัยลูกเป็ดเธอ...” เขาพูดเบา ๆ กับตัวเองตามหลังเธอไป
Rrrrr Rrrr
เสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่หัวเตียง ทำให้คนที่กำลังจะนอนต้องหยิบมาดูว่าเป็นสายเรียกเข้าของใครด้วยความหงุดหงิด
“ครับแม่”
“ทำไมถึงกลับมาก่อนกำหนดล่ะตาอาทิตย์”
“ผมไม่รู้จะอยู่ที่กรุงเทพทำไม ก็เลยกลับมาก่อน ไม่ดีหรอครับ”
“ไอดีมันก็ดี แต่แม่วานน้องจัดเตรียมที่พักให้แก ไม่รู้ว่าน้องจะทำเสร็จเรียบร้อยดีรึเปล่า เพราะแม่ให้น้องเป็นคนดูแล”
“หมายถึงยัยลูกเป็ดหรอครับ”
“นี่เรียกน้องให้มันดี ๆ หน่อย ตอนนี้น้องเขาสวย เกินกว่าที่แกจะมาว่าเขาเป็นลูกเป็ดขี้เหร่แล้วนะ”
“หวงจังเลยนะครับ ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นลูกแม่”
“แกอย่าอิจฉาน้องได้ไหมตาอาทิตย์ แกจะสามสิบแล้วนะ แต่ก่อนแม่ยอมแกอยู่ แต่ตอนนี้แกไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว น้องน่าสงสารมากนะ”
“ไหนแม่ลองพูดมาสิครับ ว่าทำไมแม่ถึงได้คิดว่ายัยลูกเป็ดน่าสงสารนักหนา” ในขณะที่เขาเป็นลูกแท้ ๆ ถูกทิ้งไว้กับพ่อที่ไม่เคยสนใจลูกชายอย่างเขาเลย สนใจแต่งาน ทำแต่งาน เครียดกับงานก็มาลงที่เขา เขาไม่น่าสงสารกว่าหรอ ความรักความอบอุ่นแบบครัว เขาไม่เคยได้สัมผัสเลยสักครั้ง แต่ก็ชั่งเถอะ อายุปูนนี้แล้วเขาไม่สนใจมันอีกแล้วล่ะ
“เกิดมาได้ไม่กี่วันน้องก็ถูกทิ้งไว้อยู่ท้ายไร่...” ดุจดาวเริ่มเท้าความไปตั้งแต่ภารินเกิด รวมถึงโดนเด็ก ๆ ด้วยกันมาในไร่แกล้งมาตลอดจนแทบจะไม่มีเพื่อนเล่น แต่ภารินก็ไม่เคยเอามันมาฟ้องเธอเลย จนเธอเห็นและรู้เองนั่นแหละ การกลั่นแกล้งถึงได้เบาลงเพราะเธอไปช่วยพูดกับผู้ปกครองเด็ก ๆ พวกนั้น ให้ช่วยปรามลูกหน่อย การล้อกันแกล้งกันแบบนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย
เกิดมาก็เป็นเด็กกำพร้าแล้ว โตมามีลูกเด็กที่อยู่ในร่องในรอย เรียบร้อยมาตลอดก็ถูกใครไม่ที่ไหนไม่รู้มารังแก เธอพยายามจะถามเอาชื่อพ่อของเด็ก เพราะเธอไม่เชื่อว่าภารินเด็กที่เธอเลี้ยงดูมากับมือจะทำตัวเหลวไหลเจ้าตัวก็ปากแข็งเอาแต่ร้องไห้ อดทนอุ้มท้องมาจนได้คลอด เมื่อไม่ได้เรียนเพราะท้อง ภารินก็ของานเธอทำอยู่ตลอด เด็กคนนี้ไม่ยอมอยู่เฉย ๆ ใช้เงินเธอเลย และเพราะเห็นแววฝีมือในการทำอาหารของภาริน เธอจึงยกร้านในไร่ให้ภารินดูแล
ซึ่งภารินก็ดูแลได้เป็นอย่างดี นักท่องเที่ยวหลายคนออกปากชมในรสชาติอาหาร ขนมเครื่องดื่ม บอกกันปากต่อปาก ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งที่มาที่ไร่ ก็เพราะอยากชิมเมนูที่มักจะมีใหม่ตามฤดูผลไม้ ที่ถูกพูดถึง
ทำงานไปได้สักพักก็เรียน ระหว่างเรียนก็ทำงานไปด้วย เลี้ยงลูกไปด้วย จบมาก็ได้เกียรตินิยม จะไม่ให้เธอชื่นชมเด็กคนนี้ได้อย่างไร ไม่เสียแรงเลยที่เธอเลือกที่จะอุปการะส่งเสียเลี้ยงดู
“แม่เล่าความน่าสงสารของยัยลูกเป็ดให้ผมฟัง หรือแม่กำลังพูดอวดลูกสาวอีกคนของแม่ให้ผมฟังกันแน่” อาทิตย์พูดตอบผู้เป็นแม่ไป หลังจากที่เขาฟังเรื่องที่แม่เล่าจบ บางช่วงก็น่าสงสารอยู่หรอก แต่บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าแม่เขาเล่าด้วยความภูมิใจในตัวยัยลูกเป็ด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบางอย่างที่แม่เล่าทำให้เขารู้สึกทึ่งในตัวของเธอเหมือนกัน
“เพราะแกอคติกับน้องมากเกินไป น้องทั้งน่ารัก ทั้งสวย ทั้งเก่ง ระวังเถอะอยู่ใกล้ ๆ น้องมาก ๆ จะหลงรักน้องไม่รู้ตัว”
“ไม่มีวันนั้นหรอกครับ ถ้าผมจะมีเมียมีหลานให้แม่ผมคงมีไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้ตัวเองโสดมาจนจะสามสิบแบบนี้หรอก”
“หรือว่าแกจะไม่ชอบผู้หญิง” ได้ยินลูกชายว่าแบบนั้น ดุจดาวก็โพล่งถามผ่านสายมาทันที ลูกจะชอบใครรักใครเพศไหน เธอไม่ติดเลย ขอแค่คนที่ลูกเลือกคนที่ลูกชอบเป็นคนที่นิสัยดีก็พอ
“โธ่แม่ครับ ผมชอบผู้หญิงครับ แต่ผมแค่ไม่อยากมีครอบครัว” เพราะครอบครัวที่แตกแยกตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาไม่อยากมีครอบครัว เพราะถ้ามีเขากลัวเหตุการณ์มันจะเกิดขึ้นซ้ำรอย เขารู้ว่าการอยู่ท่ามกลางครอบครัวที่แตกแยกมันมีความรู้สึกอย่างไร สิ่งที่เคยเกิดขึ้นในตอนเด็กมันก็เลยเป็นเหมือนบาดแผลเล็ก ๆ ในใจของเขา
อีกอย่างคนที่เขาเคยอยากสร้างครอบครัวด้วย เธอก็ไปมีครอบครัวของเธอเองแล้ว
“ถ้าเรื่องในอดีตมันทำให้แกไม่อยากมีครอบครัว แม่ขอโทษนะ แต่แม่อยากให้แกลองเปิดใจดู การมีครอบครัวมันก็ไม่ได้แย่ไม่ได้เลวร้ายเสมอไปหรอกนะ”
“อย่างตอนที่เราเคยอยู่ด้วยกันแบบครอบครัว มันก็เป็นช่วงเวลาที่ดีและมีความสุขไม่ใช่หรอ”
“แต่สุดท้าย...” เขาพูดเว้นไว้แค่นั้น เขารู้ว่าเรื่องนี้แม่เองก็รู้ดี
“พูดไปตอนนี้แกก็คงยังไม่เข้าใจ ถ้าแกเจอคนที่ใช่ แล้วแกอยากอยู่จริง ๆ แม่เชื่อว่าความคิดแกอาจจะเปลี่ยนไป”
“เรื่องนั้นมันไม่เกิดขึ้นหรอกครับ แม่เลิกพูดเถอะ”
“ฉันคงไม่มีโอกาสได้อุ้มหลานกับเขาสินะ”
“คงงั้นมั้งครับ”
“จะยังไงก็แล้วแต่ แม่ไม่บังคับแกหรอก แต่ถ้าเกิดแกเปลี่ยนใจอยากมีครอบครัว ก็บอกแม่แล้วกัน ลูกสาวเพื่อนแม่โสด ๆ เพี้ยบ”
“คร้าบบบ”
อาทิตย์พูดสายกับผู้เป็นแม่อีกหน่อย ก่อนที่แม่จะเป็นคนวางสายไปเองเมื่อโน้มน้าวเท่าไหร่เขาก็ไม่อยากมีครอบครัว อันที่จริงเขาก็บอกแม่มาตลอดเรื่องที่เขาไม่อยากมีครอบครัว แต่แม่ก็ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจสักที
