2 ช่วงเวลาที่ยากลำบาก
“บอกป้ามานะรินว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเราถึงท้องแล้วพ่อของเด็กไปไหน” เมื่ออาการแพ้ท้องมันชัดเจนขึ้นทุกวันทำให้ภารินไม่สามารถปิดดุจดาวและนวลเพ็ญได้อีก
“ฮึก รินขอโทษ ฮือ ๆ รินขอโทษ” มือบางยกขึ้นพนมก่อนจะไหว้ผู้มีพระคุณทั้งสองอย่างรู้สึกผิด ทั้งที่มันก็ไม่ได้เป็นความผิดของเธอเลย เธอก็แค่เด็กอายุสิบเก้าย่างยี่สิบคนหนึ่งที่ถูกคนใจร้ายพรากความบริสุทธิ์ไปเพราะความเมา
“บอกป้ามานะ ใครที่มันรังแกเรา ป้าจะไปจัดการให้เอง” ยังเป็นดุจดาวที่พูด
“รินไม่รู้ ฮือ รินขอโทษ ขอโทษที่ทำให้คุณป้าผิดหวังรินขอโทษ” น้ำตาไหลพราก เมื่อไม่สามารถบอกความจริงได้ เรื่องในตอนนั้นมันเกิดจากความเมาของเขา และเขาก็พร่ำเพ้อคิดว่าเธอเป็นคนอื่น จะให้เธอกล้าพูดบอกคุณป้าได้อย่างไร แล้วเธอก็รู้มาว่าเขาไปเรียนต่อแล้ว ถ้าเธอบอกไปเธอกลัวว่ามันจะเป็นการทำลายอนาคตของเขา
อีกอย่างที่ทำให้เธอไม่กล้าบอกคุณป้าหรือบอกใครเลยก็คือ เธอได้ยินเขาคุยกับคุณป้าครั้งหนึ่งว่าเขาไม่อยากมีลูก ไม่อยากมีครอบครัว...
ตอนนั้นเขาก็เกลียดขี้หน้าของเธอมากแล้ว อย่าให้เขาต้องเกลียดเธอมากไปกว่านี้ โดยการยัดเยียดสิ่งที่เขาไม่ต้องการให้เขาเลย เพราะแค่นี้เธอก็เจ็บไปหมดทั้งใจ เธอไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน แต่เธอแอบรักพี่ชายคนนี้มาตลอด อาจจะเป็นในตอนที่พี่เขาพูดปกป้องเธอจากเด็กในไร่ที่มารังแกล่ะมั้ง
“ทีหลังเธอก็หัดสู้บ้างสิยัยลูกเป็ด เอาแต่อ่อนแอแบบนี้ก็มีแต่คนจะมาแกล้ง” เสียงดุ ๆ ว่าพรางติดพลาสเตอร์ที่หัวเข่าให้
“ก็รินกลัวรินไม่มีเพื่อนเล่น...”
“ก็เล่นคนเดียวไปสิ เพื่อนแบบนี้เธออยากมีรึไง จะทำให้เธอเจ็บตัวเปล่า ๆ เดี๋ยวก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปให้ไอไม้มันโอ๋อีก” อาทิตย์ยังไม่เลิกดุ ตอนแรกเขาไม่ได้อยากเขามายุ่งด้วยเลย แต่เห็นยัยนี่ถูกแกล้งบ่อย ๆ แล้วมันรำคาญลูกกะตา
“เอานี่ เช็ดหน้าเช็ดตาซะ ยิ่งขี้เหร่ ๆ อยู่ ร้องไห้แล้วก็ดูไม่ได้เลย” ผ้าเช็ดหน้าผืนสีกลมยื่นให้
“ขอบคุณ ฮึก นะคะ”
“แต่รินชื่อภาริน นะคะ ไม่ได้ชื่อลูกเป็ดสักหน่อย พี่อาทิตย์เรียกรินเหมือนคนอื่นไม่ได้หรอคะ”
“ไม่อะ ฉันจะเรียกเธอลูกเป็ด ยัยลูกเป็ด ยัยลูกเป็ด” คนเป็นพี่พูดล้อเลียน จนคนน้องลุกขึ้นวิ่งไล่ ให้พี่หยุดพูดว่าตน
“พี่อาทิตย์หยุดนะ”
“ยัยลูกเป็ด ยัยลูกเป็ดขี้เหร่”
“โอ้ย” เพราะพึ่งหกล้มทำให้ขาไม่แข็งแรงนัก วิ่งไล่ตามเขาได้ไม่เท่าไหร่ ก็ก้นจ้ำม่ำลงกับพื้นอีกครั้ง
“ขี้เหร่แล้วยังซุ่มซ่ามอีก” เขาว่าก่อนจะยื่นมือส่งให้เธอดึงขึ้น
“ถ้ารินสวยขึ้นมาก็อย่ามาชอบรินแล้วกัน”
“ไม่มีวันหรอก เหอะ” เขาว่าก่อนจะยีหัวเธอแรง ๆ
“โอ้ยรินเจ็บนะ”
.
“แม่ค้าบบบ”
“ค้าบบบ”
“ตะวันหิว”
“แม่ยังเก็บตรงนี้ไม่เสร็จ ตะวันออกไปเล่นรอแม่ข้างนอกก่อนนะครับ” เสียงหวานเอ่ยบอกลูกชาย ในขณะที่กำลังจัดเตรียมห้องให้ผู้ที่จะเข้ามาอยู่อาศัยใหม่
“งั้นตะวันไปเล่นกับลุงไม้ได้ไหมครับ”
“แต่ลุงไม้อยู่ในไร่ไม่ใช่หรอครับ นี่ก็จะค่ำแล้ว แม่ว่าตะวันเล่นอยู่แถวนี้ดีกว่า” ภารินบอกลูกชายไม่รู้ว่าทำไมลูกชายของเธอที่ได้ชอบเข้าไร่ เข้าสวนนัก ถ้าวันไหนหยุดเรียนก็จะชอบติดสอยห้อยตามลุงไม้ของแกไป ไม่ยอมอยู่ในร่มกับเธอที่คาเฟ่และร้านขายของที่ระลึกของไร่เลย ใช่แล้วล่ะ งานของเธอที่นี่ก็คือดูแลคาเฟ่และร้านขายของฝากในไร่ ที่มีผลิตภัณฑ์จากไร่ให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อกลับ
ส่วนเมนูในคาเฟ่ส่วนใหญ่ก็เป็นเธอที่ออกแบบ ในไร่มีอะไรเด่นเธอก็พยายามนำมันมาเสนอ นำมาพรีเซ้น ซึ่งก็ขายดีทุกเมนู ถึงจะไม่ได้เรียนสูงเพราะดันเกิดเรื่องขึ้นมาก่อน แต่เธอก็พยายามเรียนรู้ด้วยตนเอง ไม่ให้คุณป้าท่านผิดหวังในตัวเธอไปมากกว่านี้ พอลูกชายเริ่มเข้าโรงเรียน คุณป้าก็ถามเธอว่ายังอยากเรียนอยู่ไหม แน่นอนว่าเธอตอบตกลง และเธอก็พึ่งเรียนจบเมื่อปีที่แล้วนี่เอง
ทุกอย่างที่เคยมืดมน มันก็พอมีแสงสว่างบ้างแล้วในตอนนี้ และเธอกับลูกอยู่กันสองคนก็มีความสุขดี แต่ก็ไม่รู้เลยว่าหากเขากลับมามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้าเขาอยู่นานวันเข้าความลับเรื่องเธอกับลูกจะถูกเปิดไหม เรื่องนี้มันเป็นสิ่งที่เธอกังวลมาตลอด
ในตอนนั้นที่ป้าดุจดาวรู้ว่าเธอท้อง และตอนนั้นเธอก็ยังเรียนอยู่ ป้าดุจดาวบอกว่าถ้ามันเป็นอุบัติเหตุจริง ถ้ามันเกิดจากความไม่ได้ตั้งใจและความผิดพลาดจริง ป้าดุจดาวถามเธอว่าเธอจะเก็บเด็กคนนี้ไว้ต่อไหม...
“ป้าเคารพการตัดสินใจของเราหนูนะริน ถ้าเราอยากเรียนต่อป้าก็พาเราทำทุกอย่างให้มันถูกต้องปลอดภัย”
“ไม่ต้องกลัวนะ” ดุจดาวดึงเอามือของภารินมากุมไว้อย่างปลอบโยนและให้กำลังใจไปพร้อมกับ เธอรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจ แต่ไม่ว่าภารินจะตัดสินใจว่ายังไงเธอก็จะเคารพการตัดสินใจของภาริน แม้ในใจเธออยากให้ภารินเลือกเก็บเด็กไว้ก็ตาม
“รินอยากเก็บเด็กคนนี้ไว้ค่ะ”
.
“แม่ค้าบงั้นตะวันเล่นชิงช้าหน้าบ้านนะครับ”
“ได้ครับ ไว้แม่จัดห้องเสร็จแล้วแม่จะไปหานะครับ”
“ค้าบบบ”
“โอ้ย” มือเล็ก ๆ รีบยกขึ้นกุมหัวทันที เมื่ออยู่ ๆ ก็วิ่งมาชนอะไรก็ไม่รู้ ก่อนจะรีบขอโทษเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นคนผิดเพราะรีบวิ่งไปเล่นจนไม่มองทาง
“ขอโทษครับ”
“...”
ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาทำให้เด็กชายเงยหน้าขึ้นมอง
“ตะวันขอโทษครับคุณลุง เมื่อกี้ตะวันวิ่งไม่ได้มองทาง คุณลุงเจ็บตรงไหนไหมครับ” แม้จะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร แต่น่าจะแก่กว่าแม่ของตนเด็กชายจึงตัดสินใจเรียกว่าลุง
“ตะวัน?”
“ครับผมชื่อตะวัน เป็นลูกของแม่รินครับ แล้วคุณลุงไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมครับ”
“ฉันไม่เป็นไร แล้วเราล่ะเจ็บตรงไหนไหม”
“ไม่ครับตะวันไม่เจ็บ ว่าแต่คุณลุงเป็นใครหรอครับ ทำไมถึงมาหาบ้านคุณยาย หรือว่าจะมีธุระกับคุณยาย ถ้ามีธุระกับคุณยาย วันนี้คุณยายไม่อยู่บ้านนะครับ คุณยายไปวัด” เสียงเล็กพูดอย่างยืดยาว แต่คนฟังไม่รู้สึกเบื่อเลย กลับรู้สึกเอ็นดูมากกว่า ที่เด็กตรงหน้าช่างพูดช่างจาแบบนี้ ไม่คิดว่าผ่านมาสิบกว่าปี ยัยลูกเป็ดขี้เหร่จะมีลูกโตขนาดนี้แล้ว หึ เป็นเรื่องที่เขาไม่คาดคิดเลยจริง ๆ
“ลุงเป็นคนงานใหม่น่ะ”
“หรอครับถ้าเป็นคนงานมาใหม่ต้องไปหาลุงไม้เอกครับ มาทางนี้ครับเดี๋ยวตะวันพาไป” ว่าแล้วก็เดินนำไปทันที ส่วนอาทิตย์เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์แกมบังคับแบบนี้เขาก็เดินตามเด็กชายไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
มาที่ภารินหลังจากจัดห้องให้เตรียมไว้ให้เขาแล้วเธอก็ลงมาหาลูกชาย เพื่อที่จะชวนกลับบ้านไปทำกับข้าวกันด้วยกันอย่างที่ทำเป็นประจำ ทว่าลงมาแล้วก็ไม่เห็นลูกชายอยู่หน้าบ้านตามที่พูดคุยกันไว้ตั้งแต่แรกเลย หันมองไปรอบ ๆ เผื่อลูกจะวิ่งเล่นก็ไม่เห็น เห็นแต่รถคันหรูที่ไม่คุ้นตาจอดอยู่
“ตะวันลูก ได้ยินแม่ไหมครับ แม่จัดห้องเสร็จแล้วกลับบ้านกันครับ” บ้านที่เธอพูดถึงคือบ้านไม้หลังเล็กซึ่งห่างจากบ้านใหญ่ของคุณป้าดุจดาวไม่ไกลมากนัก ตั้งแต่เธอเรียนจบป้าดุจดาวก็ยกบ้านหลังนั้นให้เป็นของขวัญ ให้เธออยู่กับลูกชายสองคน บ้านหลังนั้นที่เคยมีความทรงจำเลวร้ายเกิดขึ้นกับเธอ...
“ตะวันลูก ตะวัน”
“เห็นตะวันไหมคะ” เมื่อเดินหาหน้าบ้านจนทั่วแล้ว ภารินก็ตัดสินใจไปหาบริเวณข้างเคียง เห็นใครเดินผ่านไปผ่านมาเธอก็จะแวะถามหมด
“ไม่เห็นนะ” ซึ่งคำตอบที่ได้ก็มีเพียงคำตอบเดียวคือไม่เห็น
“ไปเล่นที่ไหนนะ นี่ก็จะค่ำแล้วด้วย หรือจะไปที่สวนหาพี่ไม้”
“ตะวัน อย่าเล่นแบบนี้ แม่ไม่เล่นด้วยนะครับ” คุณแม่ยังสาวที่เดินตามหาลูกชายเกือบครึ่งชั่วโมงเริ่มใจไม่ดี นี่ก็เริ่มมืดค่ำแล้วด้วย แม้ว่าลูกชายจะเล่นอยู่ในไร่ตั้งแต่เด็กจนคุ้นชิน เธอก็ไม่วางใจอยู่ดี ไร่ตั้งกว้างลูกอาจจะหลงตรงไหนก็ได้ ขนาดเธออยู่มายี่สิบกว่าปียังจะหลงเลย
“ตะวันลูก”
กลับมาที่เด็กชายที่กำลังถูกผู้เป็นแม่ตามหาอยู่ กำลังเดินเล่นอยู่ข้าง ๆ คุณลุงแปลกหน้าที่ตัวเองพึ่งเจอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน และตอนนี้เด็กชายก็รู้จากลุงไม้เอกแล้วว่าคุณลุงคนนี้ไม่ได้เป็นแค่คนงานใหม่ ยังเป็นลูกชายของคุณยายอีกด้วย ตอนแรกก็มีลุงไม้เอกเดินด้วย แต่อยู่ ๆ ลุงไม้เอกก็งานเข้ากะทันหันเลยเหลือแต่เด็กชายกับลุงอาทิตย์เท่านั้น ตอนแรกเด็กชายจะขอตามไปด้วย อาทิตย์ก็เช่นกัน เมื่อรู้ว่าเป็นปัญหาของไร่ เขาก็อยากไปเรียนรู้ แต่ไม้เอกนั้นห้ามไว้ก่อน ก่อนจะนั่งรถไปกับคนงานที่มาตาม ทิ้งอาทิตย์ไว้กับตะวันสองคน
เด็กชายตะวันเลยอาสาเป็นไกด์พาเที่ยวไร่ เรื่องนี้เรื่องชอบเรื่องถนัดเขาอยู่แล้ว ไอ่เดินเล่นในไร่ในสวนเนี่ย
“คุณลุงจะมาอยู่ที่นี่นานไหมครับ” ระหว่างเดินเล่นก็จะมีเสียงของเด็กชายตะวันคอยชวนคุยไปตลอดทาง ทำให้อาทิตย์ไม่รู้สึกเบื่อ
“ไม่รู้สิ แล้วเราล่ะเรียนอยู่ชั้นไหนแล้ว”
“ตอนนี้ตะวันอยู่อนุบาลสามค้าบ กำลังขึ้น ป.หนึ่งแล้ว”
“งั้นหรอ” อาทิตย์พยักหน้าเข้าใจ นับ ๆ ย้อนไปตามอายุของเด็กชายก็เท่ากับว่ายัยลูกเป็ดขี้เหร่มีลูกตั้งแต่ยังเรียนไม่จบเลยแฮะ ชักอยากจะเห็นหน้าแล้วสิว่าใครเป็นพ่อของตะวัน ใครที่ทำให้ยัยเด็กที่รักการเรียนแบบยัยลูกเป็ดทิ้งการเรียนได้
“ลุงครับ!”
“มีอะไรรึเปล่า” อยู่ ๆ เด็กชายก็พูดมาอย่างตกใจ ทำให้อาทิตย์อดตกใจตามและเป็นห่วงไม่ได้
“ตะวันว่าเรารีบกลับบ้านกันดีกว่าครับ ตะวันบอกกับแม่ว่าจะเล่นชิงช้าอยู่หน้าบ้าน ถึงตอนนี้แม่คงเก็บห้องเสร็จแล้ว”
“ตะวันกลัวแม่ออกมาไม่เห็นตะวัน แล้วจะตามหาตะวัน”
“แบบนี้ตะวันต้องโดนแม่ดุแน่ ๆ เลย ที่ไปไหนไม่บอก ก่อนออกมาเล่นแม่ก็ไม่ให้ตะวันมาเล่นที่ไร่”
“ถ้าแม่ดุตะวัน ลุงช่วยตะวันพูดกับแม่ได้ไหมครับ ว่าตะวันพาลุงมาเดินดูไร่ ตะวันไม่ได้หนีมาเล่นคนเดียว”
“ก็ได้ ๆ เดี๋ยวลุงจะช่วยพูดกับแม่เราเอง” อาทิตย์ตอบตกลงแทบจะทันที เมื่อเด็กชายตะวันพูดยาวเหยียดจบ ก่อนจะชวนให้เด็กชายขี่หลังเพราะถ้าเดินไปพร้อมกัน กว่าจะถึงบ้านก็คงมืดพอดี
“ตะวันลูก ตะวัน”
“นั่นไงครับ แม่กำลังตามหาตะวันอยู่จริง ๆ ด้วย” เดินมาได้สักพักก็ได้ยินเสียงร้องเรียก เด็กชายตะวันจึงร้องตอบไป
“ตะวันอยู่นี่ครับแม่”
“ตะวันอยู่นี่” ด้านภารินเมื่อได้ยินเสียงลูกชายก็รีบเดินตามเสียงไปทันที เพราะฟ้าเริ่มมืดลงทุกที
“ต ตะ...พี่อาทิตย์...”
