1 การกลับมา
เกิดมาก็ถูกตราหน้าว่าเป็นเด็กกำพร้า เพื่อน ๆ ต่างก็ล้อเรียนว่าลูกไม่มีพ่อ ลูกไม่มีแม่ จนเธอปฏิญาณตนเองว่าหากมีลูกก็จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกับตัวเอง ไม่คิดว่าชีวิตจะพลิกผัน ทำให้ลูกชายคนเดียวของตกอยู่ในสภาพเดียวกัน เธอสงสารลูกเหลือเกินที่ต้องมาเกิดในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบนี้ แต่จะให้บอกลูกว่าพ่อของแกคือใครเธอก็ทำไม่ได้
หลายปีแล้วที่เขาไม่กลับมา หลายปีแล้วที่เธอไม่เห็นหน้าเขาตั้งแต่คืนนั้น...
“นั่งคิดอะไรอยู่ริน”
“ป่าวค่ะป้านวล รินแค่กำลังคิดเมนูที่จะทำให้ตะวันกินพรุ่งนี้”
“งั้นหรอ ไว้กลับมาคิดต่อแล้วกัน คุณนายเรียกแกไปหาน่ะ”
“จ้ะป้า เดี๋ยวรินไป”
นวลเพ็ญมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเอ็นดู พร้อมกับคิดว่าเหตุใดหนอหญิงสาวที่เติบโตขึ้นมารูปร่างงดงาม เรียบร้อยอ่อนหวานแบบนี้ พ่อแม่ถึงใจร้ายทิ้งไว้ได้ หากเธอไม่ไปพบเห็น แล้วคุณนายดุจดาวไม่เมตตารับเลี้ยงไว้ ก็ไม่รู้เลยว่าทารกแรกคลอดตัวแดงที่ถูกห่อด้วยผ้าขาวอยู่ในตะกร้าวันนั้นจะเป็นอย่างไร
ย้อนไปเมื่อยี่สิบเจ็ดปีก่อน
อุแว๊ อุแว๊ เสียงเด็กร้องที่ดังมาจากท้ายไร่ทำให้เหล่าคนงานที่กำลังช่วยกันเก็บส้มกันอยู่เดินไปดูตามเสียง หนึ่งในนั้นก็มีนวลเพ็ญที่เอากับข้าวมาให้สามีที่ไร่เดินไปด้วย
“เสียงเด็กที่ไหนมาร้องอยู่แถวนี้”
“นั่นสิป้า”
“ใช่ในตะกร้านั่นไหมป้า”
“ไปดูซิ ๆ”
ว่าแล้วก็พากันเดินไปดู ก่อนจะเห็นว่าเป็นเด็กทารกแรกคลอด ผิวแดงอมชมพูถูกวางไว้ในตะกร้า
“เด็กจริง ๆ ด้วย แล้วทำไมมาอยู่นี่ได้ล่ะ ใครมันใจร้ายทิ้งเด็กไว้แบบนี้เนี่ย ไม่ร้องนะลูก ไม่ร้อง ๆ” เป็นนวลเพ็ญเองที่อุ้มเอาเด็กน้อยขึ้นมาจากตะกร้าแล้วพูดโอ๋ จนเริ่มสงบลง เด็กน้อยมองเธอตาแป๋ว จนคนอุ้มรู้สึกเอ็นดู ดีที่มดแดงแถวนั้นไม่ตกมากัดเอา คนมาวางไว้ก็ใจร้าย มาวางไว้ใต้รังมดแดง
“ขวัญเอ๋ยขวัญมานะลูก” ก่อนที่นวลเพ็ญจะอุ้มเด็กไปหาคุณนายดุจดาวเจ้าของไร่นี้ นี่เป็นไร่คุณนายมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นต้องแจ้งในคุณนายทราบจะข้ามหน้าข้ามตาไม่ได้ อีกอย่างเธอก็มีลูกชายอยู่แล้ว แม้จะอยากรับเลี้ยงเด็กคนนี้ก็ทำไม่ได้ เธอกลัวว่าเธอจะไม่สามารถเลี้ยงเด็กคนนี้ให้ดีได้ เด็กคนนี้ถูกทิ้งก็มีชะตาชีวิตที่น่าสงสารอยู่แล้ว อย่าให้ต้องมาลำบากอยู่กับเธออีกเลย
“ไปอุ้มลูกใครน่ะแม่นวล” เสียงคุณนายดุจดาวเอ่ยทัก
“เด็กน้อยถูกทิ้งไว้อยู่ท้ายไร่ค่ะคุณนาย”
“ถูกทิ้งงั้นหรอ ไหนมาให้ฉันดูสิ” ดุจดาวว่าก่อนจะรับเอาเด็กทารกมาอุ้มไว้เอง ซึ่งเมื่อในมือดุจดาวเด็กน้อยก็ยังเงียบ ไม่ได้ร้องไห้ตกใจ ดวงตากลมใสมองดุจดาวตาแป๋ว พร้อมกับกระดิกแขนกระดิกเท้าไปมา
“น่ารักน่าชังเชียว ใครมันใจร้ายมาทิ้งหนูได้หื้ม”
“นั่นสิคะคุณนาย น่าชังขนาดนี้เป็นนวล นวลก็ทิ้งไม่ลง”
“ผู้หญิงซะด้วย”
“จะทำยังไงดีคะคุณนาย หรือจะเอาไปส่งไว้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าดี”
“ใจจริงฉันก็อย่างรับเลี้ยงนะ ตาอาทิตย์ตอนนี้ก็ไปอยู่กับพ่อ แต่ตาอาทิตย์รายนั้นเขาเป็นลูกคนเดียวมาตลอด ฉันกลัวว่าอยู่ ๆ ฉันรีบเลี้ยงแม่หนูคนนี้ เดี๋ยวจะหาว่าฉันมีลูกใหม่แล้วไม่รัก ทางพ่อเขาก็ชอบพูดให้ลูกไม่ชอบฉันอยู่ด้วย”
“แอ้ แอ้” ระหว่างที่พูดคุยนั้นแม่หนูน้อย ก็คอยส่งเสียงเป็นระยะ ๆ
“จ๋า หนูอยากอยู่ที่นี่กับป้าหรอ”
“แอ้แอ้”
“งั้นเอาแบบนี้แล้วกันแม่นวล ฉันฝากแม่นวลดูแลเด็กคนนี้ทีนะ เรื่องค่าใช้จ่ายของเด็กคนนี้ฉันจะเป็นคนดูแลเองทั้งหมด ช่วงนี้ก็อยู่กับฉันก่อน ไว้ตาอาทิตย์มานี่ค่อยให้ไปอยู่กับแม่นวลแล้วกัน”
“ได้ค่ะคุณนาย” นวลเพ็ญเองที่ก็อยากรับดูแลหนูน้อยอยู่แล้วก็ตอบรับในทันที
“ฉันจะเรียกเธอว่าภารินแล้วกันนะ”
“แล้วชื่อจริงล่ะคะ”
“อืม...ภัทรลภาแล้วกัน ต่อไปนี้ขอให้หนูเจอแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตเหมือนชื่อของหนูนะ”
“แอ้ แอ้”
หนูน้อยภารินถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ได้รับการศึกษาเหมือนเด็กทั่ว ๆ ไปเพียงแต่ที่ไร่หนูน้อยไม่สามารถเรียกใครว่าพ่อว่าแม่ได้เท่านั้น เพราะคุณนายดุจดาวก็ให้หนูน้อยเรียกว่าป้า ด้วยไม่อยากมีปัญหากับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวทีหลัง ส่วนนวลเพ็ญเพราะเกรงใจคุณนายที่ทั้งอุปการะ ส่งเสียก็เลยไม่กล้าให้หนูน้อยเรียกว่าแม่เช่นกัน
มันจึงเกิดเป็นปมเล็ก ๆ ในใจเด็กหญิงที่ไม่มีพ่อ มีแม่ให้เรียกเหมือนเด็กคนอื่นเขา ทั้งยังโดนเพื่อนเด็ก ๆ ด้วยกันในไร่ล้อว่าเป็นเด็กกำพร้า เป็นลูกไม่มีพ่ออีก จะเรียกว่าเพื่อนก็ไม่ถูก เพราะส่วนใหญ่แล้วไม่มีใครอยากจะเล่นกับหนูน้อยภารินเลย
“สวัสดี ระ เราชื่อภารินนะ”
“ทำอะไรกันอยู่หรอ ขอเราเล่นด้วยได้ไหม”
“ไปเล่นที่อื่นกันเถอะ”
“เราไม่เล่นกับคนไม่มีพ่อแม่”
“ไม่ พวกเราไม่อยากเล่นกับเธอ”
เวลาที่หนูน้อยไปขอเล่นด้วย เธอก็จะได้รับคำตอบแบบนี้กลับมาเสมอ จนหลายครั้งที่เธอแอบไปร้องไห้คนเดียว จนหลายครั้งที่พี่ไม้เอกลูกป้านวลต้องคอยปลอบ
เรียกได้ว่าทั้งไร่ก็มีแต่พี่ไม้เอกที่เล่นกับเธอ พูดคุยกับเธอ ไม่แสดงท่าทีรังเกียจเธอไม่อยากเข้าใกล้เธอเหมือนคนอื่น ๆ กับพี่อาทิตย์ลูกคุณป้าดุจดาว แม้นาน ๆ ครั้งพี่อาทิตย์จะกลับมา แต่พี่เขาก็ไม่ชอบขี้หน้าเธอตั้งแต่แรกเห็น
“ทำอะไรของเธอน่ะ ออกไปให้ห่างจากของของฉันนะ”
“ร รินแค่เห็นว่ามันมีอะไรติดอยู่ก็เลยจะเอาออกให้”
“แต่ฉันไม่ได้ขอ”
“รินขอโทษ”
.
“มีอะไร”
“รินเห็นพี่อาทิตย์นั่งอยู่คนเดียวรินก็เลยเอาขนมมาให้ คุณป้าพึ่งอบเสร็จเลยนะคะ” น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจพูดบอก รองจากพี่ไม้เอก ก็มีพี่อาทิตย์ที่จะพูดคุยกับเธอบ้าง แม้จะไม่ใช่เป็นการพูดคุยที่ดีก็ตาม แต่ด้วยความเป็นเด็กเธอจึงคิดในแง่บวกเสมอ ว่าอาจเพราะพี่อาทิตย์ไม่ค่อยได้อยู่ที่นี่ ทำให้เราไม่ค่อยสนิทกัน พี่อาทิตย์เลยยังไม่พูดดี ๆ กับเธอ
“ฉันไม่หิว ออกไปให้พ้น”
“แต่ว่ามันอร่อยมากเลยนะคะ”
“ฉันบอกว่าฉันอยากอยู่คนเดียว ไม่เข้าใจรึไง”
“พ พี่อาทิตย์ร้องไห้หรอคะ”
“ยัยลูกเป็ด ถ้าเธอไม่ไป ฉันไปเอง” ว่าแล้วก็เดินหนีหายไปทันที
“เดี๋ยวค่ะ พี่อาทิตย์รินขอโทษ...”
กลับมาที่ปัจจุบัน
“มาแล้วหรอภาริน”
“ค่ะคุณป้า คุณป้าเรียกรินมามีอะไรรึเปล่าคะ” เสียงหวานเอ่ยตอบก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่พื้นข้างโซฟา มือเรียวบีบนวดที่ขาให้อย่างเอาใจ ผู้ที่ตัวเองเลี้ยงว่าป้า ผู้ที่แม้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่ก็เลี้ยงดูเธอมาอย่างดี
“พรุ่งนี้ตาอาทิตย์จะมา ป้าเลยจะฝากเราไปจัดห้องให้พี่เขาหน่อย จะวานป้านวลรายนั้นก็อายุมากแล้ว ป้ากลัวว่าจะทำได้ไม่ดี”
การได้ยินว่าเขาคนนั้นจะกลับมา ทำสติของภารินหลุดไม่ชั่วขณะ นานมากแล้วที่เขาไม่กลับมา นานมากแล้วที่เธอไม่ได้เจอเขา...ตั้งแต่คืนนั้น หากนับ ๆ รวม ๆ ไปก็เกือบจะเจ็ดปีแล้ว บางทีมันก็นานนเธอเริ่มรู้สึกกลัว ว่าหากเขากลับมาแล้วเขาเจอตะวันลูกชายของเธอ...มันจะเกิดเรื่องขึ้น
“ป้าขอวานเราหน่อยได้ไหมจ๊ะ” เห็นหญิงสาวในปกครองนิ่งเงียบไป ดุจดาวจึงถามอีกครั้ง
“ด ได้ค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ แล้วเรื่องอาหารการกินป้าก็ฝากเราดูแลด้วยนะ มาครั้งนี้ป้าอยากให้พี่เขาประทับใจ”
“พี่เขาจะได้ตัดสินใจมาอยู่ที่นี่ แทนที่จะอยู่ดูแลบริษัทของผู้ชายคนนั้น” การเลิกรากับอดีตสามีส่งผลกับความสัมพันธ์ของเธอกับลูกมาก เธอยอมให้ลูกอยู่กับเขา เพราะเห็นว่ามันใกล้โรงเรียนดี ๆ การใช้ชีวิตอยู่เมืองกรุงก็คงจะไม่ลำบากเหมือนอยู่ในไร่กลางป่ากลางเขากับแม่อย่างเธอ
ไฉนเลยในตอนที่อดีตสามีตายเมื่อสี่ปีก่อน เธอพึ่งรู้ความจริงว่าลูกชายนั้นมีปัญหา มีปากเสียงกับอดีตสามีมาตลอด ขนาดที่งานศพเขาลูกชายเธอก็ไม่กลับมา อีกอย่าง ไร่เธอก็ไม่ใช่เล็ก ๆ มรดกเธอก็ไม่ใช่น้อย ๆ ถ้าเธอทำให้ลูกชายเลือกมาอยู่กับเธอได้ เธอเชื่อว่าหากมีลูกมีหลานก็จะไม่มีใครอดๆ อยาก ๆ แน่นอน ไม่แพ้กับทำงานรับช่วงต่อที่บริษัทของเขาเลย
เพราะงั้นการมาครั้งนี้เธอจึงฝากฝังหลายสิ่งหลายอย่างไว้กับภาริน โดยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของหญิงสาวเลย ว่ามันดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแค่ไหน
“ที่ป้าจะวานเราก็มีแค่นี้ ป้าฝากด้วยนะ”
“ค่ะคุณป้า”
“อ้อแล้วตะวันล่ะ วันนี้ไม่เห็นมาเล่นกับยายเลย”
“ตะวันออกไปดูไร่ส้มกับลุงไม้เอกค่ะ ถ้าเสร็จรินว่าเดี๋ยวแกก็มาอ้อนคุณยายมั้งคะ” ภารินว่าอย่างยิ้ม ๆ แม้ว่าคนในไร่จะไม่มีใครรู้ว่าพ่อของลูกเธอเป็นใคร แต่ก็ไม่มีใครรังเกียจลูกเธอเลย ทุกคนเอ็นดูลูกชายเธอหมด โดยเฉพาะย่าจริง ๆ อย่างป้าดุจดาวของเธอ...
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโชคดีหรือเปล่าที่ตะวันหน้าตาเหมือนเธอมาก
