บทที่ 3
“ไม่มีอะไร คงจะเรียนหนักล่ะมั้งรุ้งก็เลยไม่ได้ติดต่อนาย น่าจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านายหายดีแล้ว”
“บอกความจริงไอ้กรมันไปเถอะพฤกษ์”
“ความจริงอะไร!”
“ก็ความจริงที่ว่าทอรุ้งมีแฟนใหม่แล้วน่ะสิ” ธนาธิปตัดสินใจบอกในสิ่งที่เพื่อนควรต้องรู้
“ล้อเล่นแบบนี้ไม่ขำนะเว้ย”
“ธนามันพูดเรื่องจริง ทอรุ้งทิ้งนายไปคบคนอื่นตั้งแต่รู้ว่านายนอนเป็นเจ้าชายนิทรา”
ผมถึงกับอึ้งไปเมื่อได้รับรู้เรื่องนี้ ผมกับทอรุ้งคบกันตั้งแต่ม. ปลาย จนย้ายมาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน เพียงแต่คนละคณะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าความสัมพันธ์ของเราต้องมาจบลงง่าย ๆ แบบนี้ เพื่อนรักทั้งสองตบบ่าเบา ๆ แทนการปลอบใจ
“ตัดใจเสียเถอะวะไอ้กร เขาเป็นของคนอื่นไปแล้ว”
“พวกนายรู้ไหมว่าแฟนใหม่ของรุ้งเป็นใคร”
“รุ่นพี่คณะวิศวะ ได้ข่าวมาว่าเป็นลูกท่านทูตเชียวนะเว้ย”
“ฉันอยากเจอรุ้ง”
“เจอทำไมให้เจ็บปวดวะ ไม่มีทางที่นายกับรุ้งจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรอก”
“อย่างน้อยก็ควรจะได้พูดกันให้รู้เรื่อง”
“งั้นก็ไป”
ทั้งสามคนเดินไปดักรอทอรุ้งที่ตึกเรียนของเธอ รออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงก็เห็นหญิงสาวเดินมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อน
“รุ้ง”
“กร”
“คุยกันหน่อยได้ไหม”
ผมกับรุ้งแยกตัวเดินมานั่งคุยกันที่ม้าหินริมทะเลสาบ ซึ่งเป็นที่นัดพบประจำของเราตามลำพัง
“กรหายดีแล้วเหรอ”
“ดีขึ้นมากแล้ว ทำไมกรติดต่อรุ้งไม่ได้เลย”
“รุ้งเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่น่ะกร”
“ทำไมต้องเปลี่ยน”
“ก็แค่อยากเปลี่ยน”
“รุ้งมีอะไรอยากจะพูดกับกรหรือเปล่า มีอะไรที่กรควรรู้และยังไม่รู้บ้างไหม”
“ตอนนี้รุ้งมีคนใหม่แล้ว เขาเป็นรุ่นพี่คณะวิศวะ”
“นี่ใช่ไหมเหตุผลที่ทำให้รุ้งเปลี่ยนเบอร์มือถือ”
“ใช่”
“มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร”
“ตั้งแต่ช่วงที่กรนอนเป็นเจ้าชายนิทรา รุ้งขอโทษนะที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้กรรู้ รุ้งไม่ได้รู้สึกกับกรเหมือนเดิมแล้ว รุ้งรักพี่อาท กรอย่าโกรธรุ้งเลยนะ”
มันเจ็บนะที่จู่ ๆ ก็ถูกคนรักหักหลัง หันไปคบกับชายอื่นทันทีที่รู้ว่าผมกลายเป็นเจ้าชายนิทรา และคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าทำใจ
“กรคงไม่ได้หวังว่าจะให้รุ้งรอกรหรอกใช่ไหม รุ้งไม่อยากรอด้วยความหวังลม ๆ แล้ง ๆ”
‘ก็เลยรีบเปลี่ยนใจไปคบคนอื่นสินะ’ กรคิด
“กรขออวยพรให้รุ้งมีความสุขกับรักที่รุ้งเลือก”
“ขอบใจนะกรที่เข้าใจรุ้ง มีอะไรจะพูดกับรุ้งอีกไหม ถ้าไม่มีรุ้งขอตัวก่อนนะ พี่อาทเขารออยู่รุ้งไม่อยากให้เขารอนาน”
“ไม่มี ไปเถอะ โชคดีนะรุ้ง”
ทั้งที่จริงแล้วมีเรื่องมากมายที่ผมอยากจะพูดกับเธอ อยากที่จะรั้งเธอเอาไว้ แต่คงไม่มีประโยชน์อะไร เพราะใจของเธอไม่ได้อยู่ที่ผมอีกแล้ว แต่เป็นของคนอื่น จึงทำได้เพียงปล่อยเธอไปตามทางที่เธอเลือกเดิน
“อืม เช่นกันนะกร”
ผมได้แต่มองตามหลังทอรุ้งไปจนเธอเดินลับสายตา จากนั้นก็เดินกลับไปหาเพื่อน ๆ
“เป็นไงวะ คุยกับรุ้งรู้เรื่องแล้วใช่ไหม” พฤกษ์เอ่ยถามด้วยความอยากรู้ ธนาธิปเองก็เช่นกัน
“นั่นดิ รุ้งว่าไงบ้าง”
“ก็จากกันด้วยดี”
“ดีแล้ว ผู้หญิงไม่รักก็อย่าไปรั้งไว้ให้เสียเวลา หาใหม่ดีกว่า”
“หาได้ง่ายแบบนั้นก็ดีสิ”
“หน้าตาหล่อคมเข้มอดีตเดือนคณะอย่างนาย ถ้าจะหาแฟนใหม่สักคนคงไม่ยากหรอก อยู่ที่นายจะทำหรือเปล่าเท่านั้น”
“ไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกัน ฉลองที่จู่ ๆ ก็โสดโดยไม่ได้ตั้งใจกันดีกว่า” กรกวินท์เอ่ยชวน
“คนชวนต้องเป็นคนจ่ายนะ” พฤกษ์ตอบ
“ตกลง”
ผมและเพื่อน ๆ พากันไปกินอาหารร้านดังที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก ซึ่งเป็นร้านที่พวกผมมักจะมากินด้วยกันอยู่เป็นประจำ หลังจากกินเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ ระหว่างที่ขี่รถกลับผมต้องผ่านหน้าโรงพยาบาลที่เคยนอนพักรักษาตัว ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมจอดรถที่หน้าโรงพยาบาลแห่งนั้น
ที่นี่ถือเป็นสถานที่ ๆ ทำให้ผมกลายเป็นคนอกหักไปโดยไม่รู้ตัวก็ว่าได้ ผมยืนมองไปรอบ ๆ อยู่พักใหญ่ก่อนจะถอนหายใจ และหันหลังเพื่อที่จะเดินกลับไปที่รถมอเตอร์ไซด์ของตนเอง แต่ดันเกือบชนใครบางคนที่มายืนขวางหน้าไว้ ทำให้ผมต้องชะงักและเดินเลี่ยงไปอีกทาง
“อะไรกัน! เห็นเราเหรอ”
จากนั้นก็รีบวิ่งไปดักหน้าเขาเอาไว้ เพื่อทดสอบอะไรบางอย่าง
เหมือนเดิม...เขาเดินเลี่ยงไปทุกครั้งที่เดินไปดักหน้าไว้ ไม่ได้เดินผ่านร่างไปเหมือนอย่างที่คนอื่นทำ
“เห็นจริงด้วย”
“ไม่ได้ตาบอดนะถึงจะไม่เห็น”
นับจากนั้นเป็นต้นมาความซวยก็บังเกิด
“คุณเห็นผมจริง ๆ ใช่ไหม ได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่า”
“ไอ้นี่ถ้าจะเพี้ยน ถามมาได้ คนทั้งคนจะไม่เห็นได้ยังไง เข้าไปเช็กสมองหน่อยดีไหม”
“สวรรค์ทรงโปรด สุดท้ายท่านก็รับฟังสิ่งที่ผมอ้อนวอน และประทานความช่วยเหลือมาให้ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ”
“อาการแบบนี้คงไม่ใช่แค่เพี้ยนแล้วล่ะมั้ง มันต้องบ้าแน่ ๆ” ผมส่ายหัวก่อนจะเดินตรงไปที่มอเตอร์ไซด์คันโปรดและขี่ออกไปทันที
โดยไม่รู้ตัวเลยว่า...นับจากนี้ชีวิตของเขาจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือทั้งที่เขาเองก็คาดไม่ถึง
