บท
ตั้งค่า

3 เราเลิกกันเถอะ

ทางด้านลูกชาย หลังวางสายจากคนเป็นแม่ไปแล้ว ก็นั่งเฝ้านักเรียนทำงานที่สั่งต่อไปอย่างใจเย็น เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน กระทั่งเวลาผ่านไปพักใหญ่ก็ได้ยินเสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น จึงสะพายกระเป๋าใส่หนังสือสีเทาขึ้นหลังและพาเด็กนักเรียนในชั้น ออกไปส่งให้ผู้ปกครองที่มารอรับยังหน้าโรงเรียน เมื่อเสร็จสิ้นภาระกิจนี้ก็รีบไปหาแฟนสาวยังสถานที่นัดหมายทันที

ใช้เวลาเดินทางสามสิบกว่านาที ก็มาถึงร้านอาหารที่สั่งจองไว้ ภายในร้าน มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการกันเกือบเต็มทุกโต๊ะ ยังดีที่พวกเขาจองโต๊ะพร้อมกับสั่งอาหารไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาเรื่องที่นั่งและรออาหารนาน จึงแจ้งกับพนักงานสาวที่เดินเข้ามาต้อนรับ จากนั้นก็เดินตามพนักงานคนดังกล่าว มายังโต๊ะที่จองไว้ด้านในสุดของร้าน และก็เห็นว่าแฟนสาวของตัวเองมานั่งรอก่อนแล้ว

"ขอโทษที่ให้รอนะครับ" ชายหนุ่มเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง ทั้งค้อมตัวให้อย่างมีมรรยาท แม้ว่าจะไม่ได้มาสายก็ตาม แล้วถอดกระเป๋าและนั่งลงเก้าอี้ยาวฝั่งตรงข้ามกับแฟนสาวด้วยท่าทีประหม่า เนื่องจากว่าตอนที่เดินมายังโต๊ะเมื่อสักครู่ หนุ่มสาวโต๊ะใกล้ๆ ต่างกำลังพูดคุยและเอาอกเอาใจกันอย่างแนบชิดอยู่ นี่จึงทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นชินเป็นอย่างมาก

"รับอาหารเลยไหมคะ" พนักงานต้อนรับสาวถาม เมื่อเห็นว่าลูกค้ามาครบแล้ว

"ครับ" ชายหนุ่มตอบกลับด้วยรอยยิ้มเขิน ดังนั้นพนักงานต้อนรับจึงเดินจากไป

เมื่อไม่มีใครอื่นอยู่ด้วยแล้ว หญิงสาวที่มานั่งรอ ก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่ให้เสียเวลาอีกต่อไป

“เสี่ยวเชียน เราเลิกกันเถอะ!” หญิงสาวหน้าตาน่ารัก เอ่ยกับคนที่เพิ่งนั่งลงอยู่ตรงหน้า อย่างไม่สบอารมณ์ หลังเห็นท่าทางขอโทษขอโพยอย่างห่างเหินจากแฟนหนุ่ม

“ทะ ทำไมล่ะ? ” เสี่ยวเชี่ยนถามอย่างทำตัวไม่ถูก เมื่อได้ยินคำบอกเลิกอย่างกะทันหัน ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงเบาหวิวอย่างต้องการขอโอกาสจากหญิงสาว “ผม ผมมีตรงไหนที่ไม่ดีเหรอ คุณบอกกับผมได้นะเพ่ยหนิง ผม... ผมจะปรับปรุงตัว”

พลางกำมือที่วางอยู่บนหน้าขาแน่น ด้วยความเคร่งเครียดและประหม่า ยิ่งกว่าตอนเดินเข้าร้านมาเมื่อสักครู่นี้อีก

“นายมันซื่อบื้อเกินไป จืดชืดเกินไป ไม่เหมาะกับฉันหรอก” เพ่ยหนิงตอบไปตามความรู้สึก ยิ่งเห็นโต๊ะข้างๆ เอาอกเอาใจกัน เธอก็ยิ่งรู้สึกถอดใจ และหมดหวัง จึงถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายปนเสียดายออกมา พลางมองดูชายหนุ่มตรงหน้าไปด้วย

ผมสั้นรองทรงต่ำดูเรียบง่าย ใบหน้ารูปไข่ดูอวบอิ่ม คิ้วหนา ตาเรียวสวย ค่อนไปทางหวานเสียด้วยซ้ำ จมูกโด่งได้รูป รับกับริมฝีปากหนาสีแดงระเรื่ออย่างคนสุขภาพดี ซึ่งก็ดีจริงๆ เพราะอีกฝ่ายไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เหมือนเช่นชายอื่นทั่วๆ ไป นี่จึงทำให้เธอพึงพอใจมาก

ผิวของเสี่ยวเชียนขาวอมชมพูดูสะอาดสะอ้าน รูปร่างหรือก็สูงโปร่งมีบุคลิกที่ดี นี่จึงทำให้เธอตกลงใจที่จะคบหาเป็นแฟนด้วย และเมื่อคบไปแล้ว อีกฝ่ายก็เป็นสุภาพบุรุษมากๆ ด้วย

ซึ่งตอนแรก เธอก็ดีใจอยู่หรอก ที่มีแฟนเป็นสุภาพบุรุษไม่ฉวยโอกาส แต่พอคบหากันนานเข้า เธอกลับเบื่อหน่ายอย่างไม่มีเหตุผล ไปเสียอย่างนั้น

มีอย่างที่ไหน คบกันมาจะสองเดือนแล้ว แต่ยังไม่เคยจับไม้จับมือกันเลยสักครั้ง ถึงเธอจะไม่ได้คิดถึงเรื่องอย่างว่า แต่เธอก็อยากจะจับมือถือแขนควงกันกะหนุงกะหนิง อย่างเช่นคู่อื่นๆ เขาบ้าง ไม่ใช่มือแตะกันนิดหน่อย ก็คอยเบี่ยงหลบ ยังกับเธอเป็นเชื้อโรคอย่างไรอย่างนั้น นี่มันทำให้เธอรับไม่ได้จริงๆ

“ยะ อย่างนั้นเหรอ” เสี่ยวเชียนเอ่ยเสียงเบารู้สึกใจฝ่อไปกับคำของหญิงสาว ที่บอกว่าตัวเองจืดชืดเกินไป ไม่เหมาะกับอีกฝ่าย

“อือ” คนถูกถามตอบรับห้วนๆ ในลำคออย่างยืนยัน แต่พอเห็นคนตรงข้าม หน้าเศร้าคอตกไปก็รู้สึกสงสารขึ้นมา เพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เป็นเธอเองต่างหาก ที่เบื่อและหวั่นไหวไปกับอีกคนที่เข้ามาจีบ จึงเอ่ยปลอบใจ "ความจริง นายก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก เพียงแค่เราเข้ากันไม่ได้ก็เท่านั้น"

"จะ จริงเหรอ" แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายแค่ปลอบใจ แต่เสี่ยวเชียนก็อดที่จะถามออกมาไม่ได้อยู่ดี

"อืม สักวันนายจะต้องเจอคนที่เข้ากับนายได้อย่างแน่นอน" หญิงสาวตอบอย่างจริงจัง และเมื่อเห็นว่าคนถูกปลอบ มีสีหน้าไม่ย่ำแย่ขนาดนั้นแล้ว ก็รีบร้อนลุกขึ้นพร้อมกับเอ่ยบอก “ฉันมีธุระ ขอตัวก่อนนะ”

พูดจบ ก็เดินออกไปทันที โดยไม่สนใจคนร่วมโต๊ะเลยแม้แต่น้อย

..........

หลังลุกออกจากโต๊ะ เพ่ยหนิงก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาใครอีกคนอย่างไม่รอช้า เนื่องจากว่าตอนนี้เธอรู้สึกหมดความมั่นใจเป็นอย่างมาก ยิ่งเห็นโต๊ะรอบข้างเอาอกเอาใจกัน มันก็ยิ่งทำให้เธออยากได้รับการเอาใจใส่ จนไม่ได้คำนึงว่ามันจะทำร้ายจิตใจคนในร้านไหม

ส่วนเสี่ยวเชียนที่มองตามหลัง ก็เห็นว่า อีกฝ่ายหยิบมือถือขึ้นมาโทร ทั้งเดินออกไปนอกร้านด้วย ยืนอยู่หน้าร้านได้สักพักก็เห็นว่ามีชายหนุ่มหน้าตาดีที่ไหนไม่รู้ เดินเข้ามาโอบไหล่ของอดีตแฟนสาวหมาดๆ ด้วยท่าทางสนิทสนม เห็นอย่างนี้ คนถูกบอกเลิกจึงก้มหน้าลงมองโต๊ะอาหารที่ว่างเปล่าตรงหน้า ด้วยอาการวูบไหว เสียใจและผิดหวัง

“สุดท้าย เราก็จืดชืดจริงๆ นั่นล่ะนะ” คนอกหักพึมพำกับตัวเองด้วยความเศร้าสลด เข้าใจเป็นอย่างดี ว่าใครๆ ต่างก็ต้องการคนที่มีสีสันและมีชีวิตชีวากันทั้งนั้น

ตัวเขาแซ่อู๋ ชื่อเสี่ยวเชี่ยน อายุยี่สิบห้าย่างยี่สิบหกปี ทำงานเป็นครูสอนเลขชั้นประถมต้น อยู่ที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ในเมือง S แม้รายได้จะไม่เยอะมาก แต่ก็ไม่ได้น้อยจนเกินไป พออยู่ได้แบบสบายๆ มีเงินเหลือเก็บ

ตั้งแต่เล็กจนถึงชั้นมัธยมปลาย เขาไม่มีเพื่อนเลยสักคน เนื่องจากตอนยังเป็นเด็ก แม่ของเขามักจะมีสีหน้าไม่ดีอยู่เสมอ เมื่อเห็นเขาไปเล่นใกล้ชิดกับเพื่อน ไม่ว่าจะชายหรือหญิง จนเขาทำตัวไม่ถูก และอับอายเพื่อนที่เล่นอยู่ด้วยกัน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจไม่คบหาใครตั้งแต่นั้น

จนกระทั่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่อยู่ห่างไกลจากบ้าน เขาถึงได้คบเพื่อน ซึ่งก็มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่สนิทด้วย คือเพื่อนร่วมห้องพักที่ขอมาอยู่ด้วยตอนอยู่ปีสอง

เพราะเขาอยู่ตัวคนเดียวจนชิน จึงไม่รู้ว่าจะเข้าหาคนอื่นอย่างไร ลำพังให้คบหาเพื่อนชายด้วยกัน ก็ลำบากมากแล้ว กับผู้หญิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ว่าจะยากลำบากมากเพียงไหน ดังนั้นเมื่อมีแฟนสาว เขาจึงไม่รู้ว่าจะใช้ท่าทีอย่างไรกับพวกเธอดี เลยได้แต่ใช้ท่าทีที่สุภาพกับอีกฝ่ายเท่านั้น

และเพราะท่าทีที่สุภาพนี้เอง จึงเป็นเหตุให้หญิงสาวเบื่อ จนขอเลิกในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ถึงเดือน นี่จึงเป็นเหตุผล ว่าทำไมตัวเขาถึงได้จืดชืด อย่างที่เพ่ยหนิงว่าให้

ไม่รู้ว่าเมื่อถึงเวลานั้น แม่ของเขาจะว่าอย่างไรบ้างนะ ที่ลูกชายถูกบอกเลิกอีกแล้ว เนื่องจากท่านอยากให้เขาแต่งงานมีลูกสืบสกุลแล้ว

คนอกหักคิดด้วยความกลัดกลุ้มใจ เพราะเพิ่งจะบอกให้ผู้เป็นแม่สบายใจ เรื่องแฟนสาวที่ยังคบกันดีอยู่ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น

ในขณะที่กำลังนั่งท้อแท้กับความรักอยู่นั้น อาหารก็มาเสิร์ฟ จึงมองอาหารบนโต๊ะตรงหน้าอย่างเหงาๆ

ถ้าเขามีเพื่อนเยอะๆ ก็ดีสินะ จะได้คลายความเศร้าและทุกข์ใจได้บ้าง ทั้งยังพอจะขอคำปรึกษาได้อีกด้วย

เสี่ยวเชียนนึกทอดถอนใจ ที่ตัวเองไม่มีเพื่อนมากมายเหมือนคนอื่นๆ เมื่อไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกตัวเองอย่างไร จึงโทรไปหาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่มีอยู่ หลังกดโทรออกได้สักพัก ปลายสายก็ส่งเสียงทักทายมาให้อย่างสนิทสนมและอารมณ์ดี

(ว่าไงเสี่ยวเชียน)

“ยะ หยูเจี้ยน ขะ ขอโทษที่โทรไปรบกวน นะ นายว่างไหม ออกมากินข้าวด้วยกันไหม” เสี่ยวเชียนเอ่ยอย่างติดขัด แม้จะเป็นเพื่อนที่สนิทกัน แต่เขาก็อดถามด้วยความเกรงใจไม่ได้ ด้วยกลัวว่าตัวเองจะไปขัดจังหวะของเพื่อน เนื่องจากโทรไปชวนกะทันหันเกินไป

(ว่างสิ นายอยู่ที่ไหน) ปลายสายตอบกลับมาทันทีที่พูดจบ

“ฉันอยู่ที่ร้าน X บนถนนจินลู่” เสี่ยวเชียนบอกสถานที่แก่อีกฝ่าย ความจริง เขาก็อยากจะชวนเพื่อนไปดื่มให้เมายังร้านเหล้า เหมือนที่ในหนังในละครชอบทำกันอยู่ แต่เพราะเขาไม่เคยดื่มเหล้าและไม่เคยไปร้านแบบนั้น จึงรู้สึกไม่มั่นใจสักเท่าไร กลัวว่าตัวเองจะทำให้คนไปด้วยขายหน้า เลยทำได้แค่ชวนเพื่อนออกมาดื่มที่ร้านนี้เท่านั้น

(อืม แล้วฉันจะรีบไป) ปลายสายบอก แล้วกดวางสายไป

หลังจากอีกฝ่ายวางสายไปแล้ว เสี่ยวเชียนก็ยกมือเรียกพนักงานร้าน เพื่อสั่งเบียร์มาดื่มรอ

...................…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel