ห้ามใจ
ห้องผู้บริหาร
หลังจากร้องไห้สะอึกสะอื้นต่อหน้าลูกน้องภายใต้ปกครองอย่างไร้ซึ่งยางอายนานอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งลูกพีชเริ่มเหนื่อยล้าภายในจิตใจ และหยุดร้องไปในที่สุด เธอยังคงนั่งจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์นิ่ง เพื่อดึงข้อสงสัยมากมายหลายๆ อย่างเกี่ยวกับชายหนุ่มออกมากลั่นกรองไว้ภายในใจ
"รันย์ทำงานที่นี่ได้นานหรือยังน้ำฝน?"
"เท่าที่น้ำฝนทราบ น่าจะเกือบ 9 ปีแล้วนะคะคุณพีช"
คำตอบของน้ำฝนทำให้ลูกพีชรับรู้ได้ทันทีว่าการ์รันย์คงทำงานอยู่ที่นี่มาตั้งแต่หลังจากเรียนจบพร้อมๆ กันกับเธอ ที่ปลีตัวบินไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ
"น่าจะตั้งแต่เรียนจบเลยมั้งค่ะคุณพีช
"..."
"คุณการ์รันย์ทำงานดีมากๆ หล่อและยังเก่งอีกด้วยนะคะ"
ท่าทางระริกระรี้ของเลยขาสาวเวลาพูดถึงเขา ทำให้ดวงตากลมจ้องมองน้ำฝนด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน เมื่อเห็นว่าการ์แบงก์ย์แตกต่างจากคนเดิมที่เธอเคยรู้จัก ราวกับคนละคนจนลูกพีชเองแทบจำไม่ได้ เธอยอมรับว่าเขาดูดี หล่อออร่าพุ่งกระจายออกมาอย่างชัดเจนในวัย 30 บวกเช่นเดียวกันกับเธอ แต่ทว่าความคิดนั้นกลับหยุดชะงักลง เมื่อน้ำเสียงของเลขาสาวดึงสติเธอกลับไปอีกครั้งจนได้
"แต่ก่อนที่บริษัทเรามีปัญหาเรื่องการเงิน จนเกือบจะล้มละลายเพราะแบกรับภาระหนี้ไม่ไหว ก็ได้คุณการ์รันย์นี้ละค่ะเข้ามาทำการตลาดออนไลน์ให้ แทนหัวหน้าการตลาดคนเก่า ก็เลยทำให้กำไรของบริษัทเราก้าวกระโดดขึ้นมาปลดหนี้สิ้นได้ถึงขนาดนี้ ถ้าวันนั้นไม่ได้คุณการ์รันย์เข้ามาปานนี้บริษัทเราคงเจ๋งนานแล้วนะคะคุณพีช!!"
"ปากเสียน้ำฝน ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้"
"อุ้ยขอโทษค่ะคุณพีช!!"
"ห้ามพูดคำนี้เลยนะ!!"
หญิงสาวรีบห้ามปรามเลขาเสียงดังสนั่น เมื่อน้ำฝนหลุดพูดคำไม่เป็นมงคลออกมาในบริษัท แต่ในใจกับรู้สึกดีขึ้นมากะทันหันที่เป็นเขาคนเดิมที่คอยช่วยเหลือเธอมาตั้งแต่สมัยเรียน จนกระทั่งมาช่วยทำให้บริษัทเติบโตขึ้นไปอีก
เธอไม่คิดแปลกใจเลยว่าทำไมการรันย์ถึงทำให้บริษัทมาไกลถึงขนาดนี้ภายใต้การบริหารของพ่อที่เอาแต่เที่ยวเตร่ และเหล่สาวคนใหม่ไม่เคยซ้ำหน้ามาตลอดหลังจากแยกทางกันกับผู้เป็นแม่ เพราะรู้ว่าเขาน่าจะทำงานเก่ง เพราะการ์รันย์เรียนเก่ง มีความตั้งใจ และมีความรับผิดชอบสูงมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว
"แล้วทำไมคุณพ่อถึงยอมให้รันย์มาทำงานที่นี่นะ?"
เสียงอ่อนนุ่มเอ่ยถามตัวเองแทรกขึ้นกลางในความคิด แต่ทว่ากับดึงเป็นคำถามออกมาเสียงเบา กระทั่งน้ำฝนเร่งขมวดคิ้วมองหน้าเจ้านายด้วยความสงสัยและใคร่รู้เช่นเดียวว่าพิษณุกับการ์รันย์มีปัญหากันเรื่องอะไรกันมาก่อน ที่เจอกันทีไรคนเป็นพ่อต้องต่อว่าด่าทอหัวหน้าการตลาดสุดหล่อคนนี้เสมอมา
"เพราะคุณปิ่นมุกคุณแม่ของคุณพีชเองค่ะ"
"อะ อะไรนะ?"
"คุณปิ่นมุกเป็นคนพาคุณการ์รันย์เข้ามาทำงานที่นี่ตั้งแต่แรก ตอนแรกก็เห็นว่าคุณพิษณุคัดค้านแทบตายนะคะ แต่สู้อำนาจของคุณปิ่นมุกที่ถือหุ้นเยอะกว่าไม่ได้"
ใบหน้าสวยเผยรอยยิ้มออกมาด้วยท่าทางเอ็นดูทั้งพ่อและแม่ เธอรู้ดีว่าทั้งสองมีเหตุผลของกันและกันที่ต้องแยกทางกันในตอนนั้น แต่ถึงอย่างไรไม่ว่าจะเป็นสถานะไหน พิษณุก็ไม่สามารถเอาชนะผู้เป็นอดีตภรรยาได้เลยสักครั้ง
"แต่น้ำฝนไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคุณพิษณุถึงจงเกลียดจงชังอะไรคุณการ์รันย์ขนาดนั้น เจอหน้ากันทีไรต้องได้ต่อว่า ได้ด่าทอสุดหล่อคนนั้นตลอดเลยค่ะ คุณการ์รันย์เองก็ไม่เคยตอบโต้อะไรเลยสักครั้งได้แต่ยืนก้มหน้ายอมรับคำต่อว่ามาตลอด น้ำฝนไม่เข้าใจจริงเลยค่ะ!!"
ดวงตากลมกดต่ำลงสุด เมื่อเธอรู้ดีว่าคนเป็นพ่อเกลียดชังการ์รันย์มาตั้งแต่แรกที่รู้จัก แต่เธอเองที่เป็นถึงลูกสาวแท้บางอย่างกลับไม่เคยล่วงรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของความเกลียดชังนั้นเช่นเดียวกัน
"แล้วรันย์มีลูก มีเมียหรือยัง?"
"อย่างว่าแต่มีลูกมีเมียเลยค่ะคุณพีช แฟนยังไม่มีเลยค่ะ"
ใบหน้าสวยเอียงหน้าถาม พลางขมวดคิ้วจ้องมองใบหน้าอวบอั๋นของหญิงสาวด้วยความสงสัย คลอเคลียกับความตื่นเต้นที่อยู่ในใจของเธอทันทีที่ได้รับคำตามจากปากของเลขา
"ไม่มีแฟน?"
"ใช่ค่ะ!! เห็นหล่อๆแบบนั้นไม่เคยควงใครเลยสักคนตั้งแต่มาทำงานอยู่ที่นี่ สาวๆในออฟฟิศขายขนมจีบกันเป็นแถว แต่พ่อก็ปฏิเสธไปทุกคน ไม่รู้ว่าทำไมหรือว่าเขาเป็นเกย์ก็...!!"
เพล้ง!!
ยังไม่สิ้นประโยคนั้นของน้ำฝน ปากกาในมือของลูกพีชถึงกับหล่นลงพื้นกะทันหันในทันที พร้อมกับหัวใจที่เต้นสั่นเครือเมื่อคำพูดของเลขาสาวตรงเข้ามาสะกิดใจเธอ เกี่ยวกับเรื่องราวในคืนนั้น ที่มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่ลูกน้องใต้ปกครองเข้าใจจริงๆ
"ไปทำงานเถอะน้ำฝน ขอบใจมากนะ"
"ค่ะคุณพีช!!"
เธอไล่ให้น้ำฝนกลับไปทำงานที่ตนเองมอบหมายให้ แต่ทว่าภายในใจกลับคิดวนไปวนมาเกี่ยวกับเรื่องของเขา เธอไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมความรู้สึกที่มีให้เขาถึงเปลี่ยนไปจากเดิมจนแทบจำไม่ได้ว่าตัวเองเคยเกลียดชังเขายิ่งกว่าอะไรดี แต่พอมาวันนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนแปลงไปราวกับไม่เคยรู้สึกแบบนั้นมาก่อนเลยในชีวิต
เวลา 17.30 นาที
ร่างเล็กเคลื่อนเท้าก้าวเดินออกจากบริษัทช้าๆกำลังจะขึ้นรถเพื่อกลับคอนโดของตนเอง แต่ทว่าดวงตากลับเหลือบไปเห็นร่างของใครบางคนกำลังเดินสะพายกระเป๋าออกจากตัวตึกไปไกลห่างจากเธอขึ้นเรื่อย ทำให้ใจของหญิงสาวเต้นสั่นรุนแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อเจอเขาอีกครั้ง
"รันย์!!"
ลูกพีชตัดสินใจลงจากรถและเดินตามแผ่นหลังเขาไป หวังจะได้ทักทายและพูดคุยกันอีกหลังจากเจอกันในห้อง แต่ทว่าขายาวที่เดินไวกว่าทำให้เธอตามเขาแทบไม่ทัน
"เดินเร็วจัง"
ขาเรียวทั้งสองข้างหยุดชะงักลงในทันที เมื่อร่างใหญ่นั้นหยุดเดินกะทันหัน เธอพยายามเพ่งตามองในทุกๆอิริยาบถของเขาที่พยายามคว้าหาอะไรบางอย่างในกระเป๋ากางเกงอยู่สักพัก ก่อนจะหยิบแบงก์สีแดงออกมาแล้วเดินตรงไปยัง เด็กนักเรียนที่มาร้องเพลงเปิดหมวก เพื่อหาทุนการศึกษาที่ริมถนน
"ขอบคุณมากๆนะครับ"
น้ำเสียงของเด็กนักเรียนเปล่งออกมาเสียงดังชัดเจนผ่านทางไมโครโฟนตัวเก่ง พลางส่งยิ้มให้การ์รันย์ด้วยความดีใจ ก่อนที่ร่างใหญ่จะส่งยิ้มกลับคืนมาให้ และเดินห่างออกไปอย่างคุ้นเคย
เขายังคงตั้งหน้าตั้งตาเดินตรงไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้หันกลับมามองว่ามีใครอีกคนเดินตามแผ่นหลังของเขามาเงียบๆ แต่เท้าเล็กของเธอต้องหยุดชะงักไป เมื่อร่างใหญ่นั้นเดินขึ้นบันไดเลื่อนของสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสไปไกลลับสายตา
"ยังเหมือนเดิมเลยนะ"
ดวงตากลมจ้องมองไปยังบันไดเลื่อนทางขึ้นยังสถานีนิ่ง ภายในใจเต้นสั่นระริกด้วยความรู้สึกมากมายที่กำลังพาดผ่านเข้ามา เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เธอเคยทำไว้กับเขา
นักศึกษาปี 1 ที่มาจากต่างที่ ต่างพ่อต่างแม่กัน เธอและเขาเป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งและเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แค่ทั้งคู่หันมาสบตากันในจังหวะที่เธอให้เขายืมปากกา ไม่คิดว่าหลังจากนั้นจะเป็นความเจ็บปวดของการ์รันย์ตลอดไป เพราะความคิดและความรู้สึกของเธอเปลี่ยนไปเป็นรังเกียจเขาที่ต่ำต้อยกว่าตัวเอง ทั้งเธอและเพื่อนคอยกดขี่รังแก ไม่เคยคิดเหมือนการ์รันย์เป็นเพื่อนเพียงคนหนึ่ง แต่กับเห็นเขาเป็นแรงงานทาสที่ใช้ทำอะไรก็ได้ หลังจากที่เธอรู้เรื่องของเขาว่าใช้เงินของที่บ้านเรียนจบปริญญาตรี จากความเมตตาของผู้เป็นแม่
"ไอ้กระจอก!!"
"ไอ้คนจน!! ไม่มีเงินเรียนต้องมาใช้เงินที่บ้านกู"
"ไอ้โง่!!"
ฯลฯ
แม้เขาจะโดนรังแก ดูถูกเหยียดหยามด้วยคำพูดที่รุนแรง การ์รันย์กลับไม่เคยโต้ตอบสักครั้ง ได้เงียบและยอมทำตามสิ่งที่เพื่อนบีบบังคับและยัดเหยียดความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจไร้ซึ่งศักดิ์ศรีของความเป็นคนมาตลอด 4 ปี
ปี๊น!!
เสียงบีบแตรดังสนั่นบนท้องถนนทำให้ลูกพีชที่ยืนคิดถึงเรื่องราวในอดีตสะดุ้งตื่นจากความคิดทั้งหมดที่เกิดขึ้น เร่งมองสำรวจตัวเองสักพัก ถึงรู้ตัวว่าน้ำตามันไหลออกมาอาบแก้มทั้งสองข้างของเธอโดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัว
'ถ้าลองกลับกันคนที่ถูกกระทำแบบรันย์เป็นฉันเอง ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ยังไงนะพีช!!"
หัวใจดวงน้อยเต้นสั่นด้วยความสงสารกับสิ่งที่เขาเคยได้รับมานาน เธอกลับไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมตอนนั้นถึงได้จงเกลียดจงชังและทำแบบนั้นกับการ์รันย์ได้ลงคอ ทั้งที่เขาก็เป็นที่คนยอมมาตลอด ไม่เคยคิดจะตอบโต้ และสร้างความรุนแรงใดๆให้กับเพื่อนๆและตัวเธอเองเลยสักครั้ง
"ขอโทษนะรันย์"
แม้เขาจะเจ็บจนเกือบตายเพราะเธอมาแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ทว่าเธอกลับไม่เคยเห็นหยดน้ำตาของเขาเลยสักหยด จนกระทั่งวันสุดท้ายที่เขาบอกความในใจกับเธอ และก็ยังเป็นการ์รันย์เองคนเดียวเช่นเคยที่ได้รับความเจ็บปวดนั้นกลับไป
"ขอโทษจริงๆ อือ ฮือ"
เท้าเล็กค่อยๆถอยหลังกลับ เร่งมือเช็ดหยดน้ำตาออกจากแก้ม แต่ยังไม่วายหันไปมองยังบันไดเลื่อน ตามแผ่นหลังของเขาที่เดินหายไป
เช้าวันต่อมา
การ์รันย์ใช้เวลาเกือบทั้งคืนเพื่อตรวจทานบทความและโปรโมชั่นทั้งหมดด้วยตัวเอง หลังจากที่ตรวจสอบว่าโปรโมชันที่น้องในทีมการตลอดอัพขึ้นหน้าเว็บไซต์มีคำผิดตามที่ลูกพีชได้แจ้งเอาไว้จริงๆ แม้จะรู้ว่าน้องทำงานพลาดแต่เขาเลือกที่จะไม่ต่อว่าเพื่อลดทอนขวัญและกำลังใจกัน
การ์รันย์เลือกที่จะเอากลับมาแก้ไขด้วยตัวเอง และนำเอกสารงานที่แก้มาวางไว้บนโต๊ะทำงานของเธอแต่เช้า เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้ากันโดยตรง เมื่อสัญญากับใจตัวเองว่าจะไม่เข้าไปวุ่นวายกับชีวิตของเธออีก จะคุยเฉพาะเรื่องงานถ้ามีความจำเป็นจริงๆ เพื่อลดความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในจิตใจตั้งแต่วันนั้นที่เธอไล่เขาไปจากชีวิต
"เอางานมาส่งหรือคะ?"
"ครับ!!"
ชายหนุ่มส่งยิ้มบางๆให้กับน้ำฝน ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องทำงานของตัวเองอีกครั้ง นั่งครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต เขาต้องทนเจ็บปวดเหมือนตายทั้งเป็น เก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยออกไปไหนมาไหน นอนร้องไห้เพื่อให้น้ำตามันเก็บซ่อนความเจ็บปวดที่อยู่ในใจของเขาไว้ลึกสุดแทบทุกคืนมานานกว่า 5 ปี จนกว่าจะทำใจยอมรับมันได้ แต่ทั้งคู่กลับมาเจอกันอีกครั้งในรอบ 9 ปี เขากลับพบว่าความรู้สึกเหล่านั้นมันไม่ได้หายไปจากใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ทุกอย่างมันยังคงชัดเจนเสมอ เมื่อเธอยังคงอยู่ในใจของเขาเช่นเคย
ห้องผู้บริหาร
ร่างเล็กเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของตัวเอง ก่อนชะงักแน่นิ่งไป เมื่อเห็นเอกสารรายงานการแก้ไขแล้วทั้งหมดวางไว้บนโต๊ะของเธอ แทนเจ้าตัวที่ต้องเอารายงานนี้มาส่งเธอด้วยตัวเอง
"มาวางไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?"
ดวงตากลมจ้องมองไปยังหน้าจอมือถือด้วยความสงสัยพลันทำให้ความทรงจำไหลย้อนกลับไปในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ทุกครั้งที่อาจารย์สั่งให้ทำงานอะไรส่ง หน้าที่ทั้งหมดจะตกเป็นของเขาเพียงคนเดียว โดยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยสักครั้ง แม้ว่างานที่ออกมาแต่ละครั้ง เธอจะไม่พอใจให้เขาเอากลับไปแก้ใหม่ให้มาส่งอาจารย์ให้ทันเวลา การ์รันย์ไม่เคยบ่น ยังคงตั้งใจทำให้เธอเหมือนเดิม
ถึงมันจะหมายความว่าเขาจะต้องยอมโดดเรียนไปนั่งแก้งานส่งให้เธอเพื่อให้ทันเวลาเลยก็ตาม ที่ผ่านมาเขาจะเอางานมาให้เธอดูด้วยตัวเองมาตลอด อาจจะมีบางครั้งที่เขาส่งงานไม่ทันจริงๆ แทนที่เธอจะยอมเห็นใจกัน แต่กับดูถูกเหยียดหยามต่อว่าเขาราวกับว่าเธอจ้างเขาทำ ทั้งที่ความจริงแล้วเธอบีบบังคับให้เขาทำให้เองทั้งที่มันคืองานของตนเองแท้ๆ
Talk
นอ.จับฉลากได้!!
