บท
ตั้งค่า

เสียใจรู้มั้ย 2

หอพักอยู่ในซอยเล็กๆ ที่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย และเป็นห้องพักราคาไม่แพงเกินความสามารถที่ฉันจะจ่ายได้ คือสองพัน รวมค่าน้ำและไฟก็เพียงสองพันห้าร้อย ภายในห้องมีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน รวมทั้งพัดลมติดเพดาน

และที่นี่ก็เงียบสงบดี เพราะที่พักอยู่ห่างจากบ้านคนค่อนข้างเยอะ ถ้าจะมีข้อเสียอยู่บ้างก็คือ ซอยลึกไปหน่อย แต่ก็มีวินมอเตอร์ไซค์ให้บริการจนถึงดึกดื่น

หลังจากเจอเจ้าเหมียวบนระเบียง คิดว่ามันคงเป็นแมวจร เพราะไม่มีป้ายที่คอ ฉันจึงซื้ออาหารเม็ดให้มันกิน จากนั้นมันก็ไม่ไปไหน ฉันเห็นรูปร่างอวบๆ ของมันแล้วก็ตั้งชื่อให้ว่า ‘เจ้ากระปุก’ และไม่แปลกที่มันอวบอ้วนไม่ต่างจากฉัน เพราะมันกินเก่งมาก และอ้วนขึ้นจากวันแรกที่เจอกัน ไม่แปลกที่มันจะเคลื่อนไหวเชื่องช้า

ฉันมองเจ้ากระปุกกินจนหมดชาม จากนั้นมันก็เดินมาหาฉัน แล้วร้องเมี้ยวๆ อีกครั้ง

“แกจะอ้วนเกินหน้าเกินตาฉันไม่ได้นะกระปุก” ฉันบ่นไปงั้นแหละ สุดท้ายก็เดินไปเติมอาหารให้มันอยู่ดี

และฉันก็นั่งมองมันกินด้วยรอยยิ้ม...

ถ้าไม่มีเจ้ากระปุก...ฉันคงเอาแต่คิดถึงผู้ชายใจร้ายคนนั้นทั้งวัน จนไม่มีแรงจะทำอะไร

ที่ร้ายที่สุด ฉันกินอะไรก็ไม่อร่อยสักอย่าง จึงกินแต่พอไม่ให้ท้องว่างเท่านั้น

วันรุ่งขึ้นฉันจึงยื่นเรื่องของฝึกงานเอเยนซี่อื่น ซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่พอๆ กับวินวันแอดเวอร์ไทซิ่ง

จากนั้นไม่กี่วันต่อมาฉันก็ได้รับการตอบรับจากเพิร์ลแอดเวอร์ไทซิง ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งของวินวันแอดเวอร์ไทซิ่ง แต่จะว่าไปทุกบริษัทที่ทำงานด้านเดียวกันก็ล้วนเป็นคู่แข่ง แต่บริษัทเพิร์ล แอดเวอร์ไทซิ่งดูเหมือนจะดีกรีที่สูสีกับวินวันแอดเวอร์ไทซิงมากที่สุด เพราะสินค้าบางตัว ทั้งสองบริษัทก็สลับกันเป็นคนทำโฆษณา

มันเป็นช่วงปิดเทอมสั้นๆ สิบกว่าวันเท่านั้น เพื่อนๆ ของฉันต่างไปเที่ยวต่างประเทศกันตามประสาลูกคนรวย ลีน่าเองก็ชวนฉันเช่นกัน บอกว่าจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ แต่ฉันก็รับน้ำใจของอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาลีน่ากับเพื่อนๆ ก็ผลัดกันเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำฉันเป็นประจำอยู่แล้ว

ฉันจึงกลับบ้านต่างจังหวัด คือจังหวัดกาญจนบุรี โดยเอาเจ้ากระปุกขึ้นรถไฟไปด้วย ใส่ตะกร้าโปร่ง นั่งรถไฟไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงบ้านเกิด ซึ่งมีเพียงป้านวลกับลุงเจิด พ่อแม่ของฉันเสียชีวิตไปตั้งแต่ฉันยังเล็กๆ ป้ากับลุงก็ไม่มีลูก ทั้งสองก็เลยรับเลี้ยงดูฉันไม่ต่างจากลูกคนหนึ่ง

ชีวิตเด็กกำพร้าก็มีความสุขตามประสา เพียงแต่ว่าต้องดิ้นรนทำมาหากิน เพราะลุงกับป้าก็เป็นเพียงชาวไร่ธรรมดาๆ ปลูกข้าวโพดส่งโรงงานในพื้นที่

“เอ็งเอาแมวใครมาด้วยว่ะ” ป้านวลถาม และลุงเจิดก็มองอย่างสงสัย

“มันหลงมาที่หอที่แก้มพักอยู่ แก้มสงสารมันเลยเลี้ยงมันไว้”

“เฮ้อ ตัวเองจะเอาตัวไม่รอด ยังจะมาเลี้ยงแมวอีกเหรอ”

“มันไม่ได้เลี้ยงยากหรอกป้า มันกินง่ายๆ อาหารเม็ดเอง” ซึ่งราคาก็ไม่ได้แพงเกินกำลังที่ฉันจะเจียดค่าขนมของตัวเองไปซื้อให้มัน

“เออ แล้วแต่เอ็ง ยังไงข้าก็ให้ค่าขนมแกได้เท่าที่เคยให้นั่นแหละ”

“ค่ะ แก้มดูแลมันเอง ไม่รบกวนป้าหรอก” จริงๆ แล้วฉันทำงานพาร์ทไทม์ในช่วงปีหนึ่งถึงปีสามในร้านกาแฟและซุปเปอร์มาร์เก็ต ตำแหน่งแคชเชียร์ แต่ปีสุดท้ายเรียนหนัก และฉันอยากทุ่มเทกับโปรเจกต์ จึงเลิกทำงานพาร์ทไทม์

“เอ่อๆ งั้นเอ็งก็พามันขึ้นบ้านได้แล้ว เดี๋ยวข้าจะทำกับข้าวให้กิน”

“เดี๋ยวแก้มลงมาช่วยนะ”

“ไม่ต้องๆ เอ็งเพิ่งมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และดูแลแมวของเอ็งเถอะ อย่าปล่อยมันไปเดินเพ่นพ่าน เดี๋ยวหมาแถวนี้มันกัดเอา”

“ค่ะ” ฉันขึ้นไปบนบ้านไม้สองชั้นที่เก่ามากแล้ว เพราะอยู่มาตั้งแต่สมัยคุณตาคุณยาย

ห้องเล็กๆ ของฉันก็ยังสะอาดเรียบร้อย เพราะป้าดูแลให้อย่างดี

ฉันอาบน้ำแต่งตัว และป้อนอาหารให้เจ้ากระปุก และขังมันไว้ในห้องนอน ก่อนจะลงมาช่วยป้าทำอาหารค่ำ ซึ่งวันนี้เป็นอาหารที่ฉันชอบทั้งนั้น เช่นน้ำพริกหวานปลาดุกย่าง กับแกงส้มดอกแค

“แล้วจะอยู่บ้านกี่วัน”

“อาทิตย์หนึ่งค่ะ เพราะแก้มต้องไปฝึกงานแล้ว”

“ตั้งใจล่ะ เผื่อเขารับเอ็งเข้าทำงานเลย”

“ค่ะ แก้มจะตั้งใจ ป้ากับลุงไม่ต้องเป็นห่วงนะ เรียนจบแล้วแก้มจะรีบหางานให้ได้เร็วๆ มีเงินแล้ว แก้มจะซ่อมบ้านให้”

“อย่าเพิ่งคิดเรื่องซ่อมบ้าน คิดเรื่องหาเงินใช้หนี้ ก.ย.ส. ก่อนมั้ย”

ฉันยิ้มกับคำพูดของป้า เพราะมันเป็นความจริง หลังเรียนจบ นอกจากหาเงินเลี้ยงปากท้องตัวเองแล้ว ฉันต้องใช้หนี้เงินที่กู้ยืมมาเป็นค่าเทอมด้วย

หลังจากกินข้าวอิ่ม ล้างถ้วยชามและอุปกรณ์ทำครัวเรียบร้อยแล้ว ฉันก็นั่งดูทีวีกับป้า ส่วนลุงนั้นไปบ้านลุงชัย ซึ่งเป็นญาติๆ กันและอยู่ข้างบ้านนี่เอง ซึ่งมักนั่งคุยสังสรรค์กันตามประสาคนสูงวัยในหมู่บ้านทุกคืน และกลับมานอนในตอนสี่ทุ่มกว่า

หลังป้ากับลุงเข้านอนแล้ว ฉันยังนอนไถโทรศัพท์ส่องเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมของเพื่อนๆ ที่กำลังเที่ยวกันอย่างเพลิดเพลินที่ญี่ปุ่น

ทั้งสามแต่งตัวและแต่งหน้า โพสท่าดูดีกลมกลืน โดยเฉพาะเนเน่มีแอบโชว์เซ็กซี่ตามประสาสาวเปรี้ยว

ฉันได้แต่ส่อง ไม่ได้กดไลค์หรือคอมเมนต์ใดๆ เพราะตอนนี้อยากอยู่เงียบๆ กับความเศร้าในใจ ทั้งเรื่องพี่เลโอ และเรื่องที่ไม่ได้ฝึกงานในบริษัทของเขา ความฝันที่อยากทำงานในบริษัทวินวันแอดเวอร์ไทซิ่งคงต้องโยนทิ้งไป

สัปดาห์หนึ่งเต็มๆ สำหรับการกลับมาบ้านเกิด นอกจากช่วยงานในไร่ข้าวโพดกับลุงและป้าแล้ว ก็ปั่นจักรยานพาเจ้ากระปุกไปเที่ยวเรื่อยเปื่อย ทักทายเพื่อนเก่าๆ และญาติๆ ทั่วหมูบ้าน

จากนั้นก็พาเจ้ากระปุกกลับกรุงเทพฯ ตามเดิม ไปเผชิญกับชีวิตในเมืองใหญ่ กับภารกิจฝึกงาน ภาวนาให้เจอแต่พี่ๆ ที่น่ารัก สอนงานให้ด้วยความใจเย็น และใจดี

สาธุ สาธุ สาธุ

::::::::::::::::::::

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel