ตอนที่สอง วุ่นวายจริง
ตอนที่สอง
วุ่นวายจริง
เมื่อได้นั่งตรงกันข้าม ไป๋ลี่ซือจึงได้เห็นโครงหน้าคมเข้มอย่างชัดเจน เส้นกรามกรอบหน้าของเขารับกับสันจมูกโด่งที่ได้รูปงดงามบ่งบอกความหน้าตาดีจนชวนหลงไหล
มิน่า หนิงหนิงเห็นเขาแค่แวบเดียวยังเผลอเพ้อวิ่งไล่ตามมา
เมื่อเห็นว่าทุกคนพร้อมแล้ว มือเรียวยาวจึงคีบอาหารใส่ชามแล้วตักข้าวขึ้นกินช้าๆ ทุกท่วงท่าของเขาเต็มไปด้วยความเงียบขรึมและสุขุมทั้งเว้นระยะห่าง
แม้ไม่พูดออกมาเป็นวาจา แต่กลับส่งสารชัดเจนว่า “อย่าเข้ามาใกล้หรือยุ่งเกี่ยวกับเขา”
กระทั่งช่วงเวลาสั้นๆ ที่สายตาของเขาเฉียดผ่านนาง แววตาคู่นั้นยังไม่แม้แต่จะสบมองสายตาซึ่งจดจ้องอย่างจดจ่อ
เชอะ คิดว่าหล่อนักหรืออย่างไร?
ก็แค่ ดูดี อืม...ดูดีมากก็เท่านั้นเอง
ไป๋ลี่ซืออดยอมรับอย่างไม่รู้ตัวไม่ได้เมื่อได้เห็นคุณชายจากเมืองหลวงใกล้ๆ
นอกจากหน้าตาที่นับว่าสอดรับกันตั้งแต่คิ้วจมูกปากแล้ว ทุกอากัปกิริยาของเขา ตั้งแต่การยกถ้วยชา การยกวางตะเกียบ ล้วนเปี่ยมด้วยมารยาทอันฝึกฝนมาจากสถานที่ชั้นสูง
และนั่นเองที่ทำให้แม้อยู่ในเสื้อผ้าธรรมดา แต่ยังดูแตกต่างอย่างยากจะปกปิด.
ฟากคุณชายหนุ่มผู้เดินทางไกลมาหลายวันและได้กินแต่อาหารแห้งแข็งจนอดอยากจึงใจจดใจจ่ออยู่กับอาหารตรงหน้า
แม้จะมีเพียงอาหารเรียบง่ายตามแบบหมู่บ้านชนบทซึ่งได้แก่ข้าวต้มร้อนๆ ผัดผักดองและปลาย่าง แต่เซียงซิ่นหลิงก็ยังกินจนหมดเกลี้ยงชามโดยไม่มีปริปากบ่น
“วันนี้ฉุกละหุกเกินไปจึงไม่อาจเตรียมอาหารได้ทัน ขออภัยคุณชายเซียงด้วย ต่อไปข้ารับรองว่าจะให้ซือซือคอยจัดแจงให้ดี”
ผู้ใหญ่บ้านไป๋รีบก้าวคำขอโทษพร้อมทั้งหันมาสั่งการบุตรสาว
“เรื่องอาหารการกินของคุณชายเซียงทั้งสามมื้อ พ่อขอมอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้า ส่วนเรื่องทำความสะอาดค่อยจัดการเพียง3-4วันครั้งก็พอ ดีหรือไม่ขอรับ คุณชายเซียง” เมื่อครู่คนที่มาส่งฝากเงินเอาไว้จำนวนไม่น้อย ผู้ใหญ่บ้านไป๋ย่อมไม่อาจนิ่งนอนใจ
“ผู้ใหญ่บ้านไป๋ไม่ต้องเกรงใจ ข้าเป็นฝ่ายมาพึ่งพาย่อมไม่ทำตัวยุ่งยาก ทั้งไม่ชอบให้มีคนเข้ามาวุ่นวาย เพียงนำตะกร้าอาหารมาวางให้ที่หน้าประตูก็เพียงพอแล้ว” น้ำเสียงซึ่งเพิ่งหลุดจากปากของคุณชายหนุ่มฟังแล้วช่างไพเราะ แต่เนื้อหากลับชวนให้ไม่ชอบใจ
ชิ...วุ่นวายหรือ?
อยากจะกินข้าวยังจะเรื่องมาก
ปากของไป๋ลี่ซือกำลังขมุบขมิบบ่นแต่เมื่อเงยขึ้นสบกับดวงตาเปี่ยมเสน่ห์ซึ่งมองจ้องตรงมา ในใจของนางกลับร้อนระอุรีบก้มหน้าด้วยความขัดเขิน
เหตุใดต้องใจเต้นด้วยเล่า ซือซือ
เขาไม่ได้ใส่ใจเจ้าด้วยซ้ำ
ไป๋ลี่ซือบอกกับตนเองขณะเดินตามบิดาและชายผู้นั้นมายังเรือนริมน้ำซึ่งปลูกไว้อย่างร่มรื่น
ที่ผ่านมาบิดาเพียงให้นางเข้าไปทำความสะอาดบ้างแต่ไม่เคยให้ผู้ใดเข้าพักอาศัย แต่ยามนี้กลับถูกครอบครองโดยชายหนุ่มจากเมืองหลวง ไป๋ลี่ซือจึงต้องเก็บกวาดทำความสะอาดอีกครั้งระหว่างที่บิดาพูดคุยบอกเล่าชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านแถบนี้
“เสร็จแล้วหรือ” ผู้ใหญ่บ้านไป๋สำรวจความเรียบร้อยรอบหนึ่งก่อนจะเชื้อเชิญคุณชายหนุ่มให้เข้าพักและเก็บของ
