ไม่รักแน่นะเฮีย 3 ทำไมต้องคิดถึง
“หิวข้าวว่ะ กินข้าวด้วยกันก่อนไหม” ตั้งแต่ขึ้นรถมาเจนิสก็เอาแต่เงียบ เมื่อก่อนตอนคบกันชอบคุยตลอด คุยไม่หยุด พูดจนน่ารำคาญ แต่ทำไมครั้งนี้เอาแต่เงียบ ไม่เจอกันแค่ปีสองปีไม่คิดถึงเฮียบ้างหรือไง ยัยคนใจดำ กล้าทิ้งเฮียไปแต่งงานกับคนอื่น
“ไม่เอา” น้ำเสียงเธอมันช่างเย็นชาทั้งที่เราเพิ่งจะเอากันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเอง
“ทำไม”
“ทำไมต้องกินด้วย ไม่อยากกินด้วย จบไหม”
“ใจร้ายจังวะ”
“ใจร้ายอะไร”
“ก็ใจร้ายดิ แค่ชวนกินข้าว ไม่เจอกันสองปีไม่คิดถึงเฮียบ้างเหรอ”
“ทำไมต้องคิดถึงคนที่เลิกกัน”
“เหรอ คบกันตั้งแปดปี เลิกกันไปไม่มีสักเสี้ยวที่คิดถึงกันเลยเหรอ”
“นี่พูดแบบนี้แปลว่าเฮียคิดถึงเจนเหรอ”
“เปล่า”
“อืม ถูกแล้วใช่ไหมล่ะ เฮียอันยังไม่คิดถึงเจน แล้วทำไมเจนต้องคิดถึงเฮียด้วย”
“แบบนี้ถ้าเฮียคิดถึงเจนก็แปลว่าเจนคิดถึงเฮียเหมือนกัน”
เจนิสหันมองแฟนเก่าด้วยสายตาเรียบนิ่ง “เจนคิดถึงนะ”
“เห็นไหมล่ะ คนเราคบกันแปดปีเลิกกันมีเหรอจะไม่คิดถึง” เฮียอันยิ้มกริ่ม
คิดว่ามีแต่เฮียที่คิดถึงเจนซะอีก
ทว่ายิ้มได้ไม่นานรอยยิ้มก็หายไปเมื่อเจนิสพูดว่า
“เจนคิดถึงวันที่เฮียบอกเลิกเจน พอคิดถึงเรื่องนั้นเจนก็ไม่คิดถึงความทรงจำดี ๆ ของเราอีกเลย”
“ประชดเก่งจริงแม่คุณ”
“เรื่องจริงค่ะ ไม่ประชด”
“อ่อ เหรอ”
“ดะ เดี๋ยว จอดรถทำไม”
“กินข้าว หิวข้าว”
“อืม งั้นเดี๋ยวที่เหลือเจนกลับเอง”
“อย่าเพิ่ง มีเรื่องคุยด้วย”
“เรามีอะไรต้องคุยกัน”
“มีสิ มีเรื่องที่เฮียอยากพูดกับเจน”
“อย่ามาพูดอะไรที่เลี่ยน ๆ นะ แล้วก็อย่ามาพูดเรื่องเก่า”
“ดักคอจังวะ”
“แค่ไม่อยากฟังเรื่องเก่าของเราจากปากเฮีย”
“งั้นกินข้าวด้วยกันหน่อย เราไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานแล้ว”
เจนิสหันมองเฮียอัน เธอโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้แล้วเอ่ย “นี่อย่าบอกนะว่าเฮียคิดถึงเจนจริง ๆ”
“...”
“อินกับเรื่องเมื่อคืนเหรอ ก็แค่เอากันปะเฮีย ทำอย่างกับเราไม่เคยเอากัน อย่าคิดอะไรมากเลยน่า เจนไปนะ” ขยับเข้าไปหอมแก้มเฮียอันแล้วก็เปิดประตูลงจากรถ
ก็แค่วันไนต์กับแฟนเก่าจะอะไรนักล่ะ
อนันดามองหญิงสาวที่เขาเคยทำร้ายเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม เธอเคยรักเขา เธอเคยมีแค่เขา เป็นเขาที่ปล่อยให้เธอรอนานเกินไป เป็นเขาที่ตอนนั้นไม่รักษาเธอไว้
‘กูได้ข่าวมาว่าเจนมีแฟนใหม่แล้ว รอบนี้น้องคงไม่กลับมาหามึงเหมือนครั้งก่อน ๆ ที่ทะเลาะกัน’ เพื่อนบอกหลังจากที่เขาเลิกกับเจนิสไม่นานนัก
‘เจนแต่งงานแล้วนะไอ้อัน’ เพื่อนบอกในวันที่เขากับเจนิสเลิกกันเป็นเวลาเกือบห้าเดือน
‘กูได้ข่าวมาว่าเจนหย่าแล้วว่ะ ชาวบ้านพูดกันให้แซ่ดว่าเจนถูกผัวทิ้ง’ เพื่อนบอกในวันที่เขาเลิกกับเจนิสเป็นเวลาเกือบสองปี หลังจากที่ได้ยินข่าวลือไม่กี่วันเขาก็ได้เผชิญหน้ากับเธอในรอบสองปี เจอเธอในสภาพที่เมาไม่รู้เรื่อง
เธอยังคงโกรธและเกลียดที่วันนั้นเขาทำให้เรื่องของเราจบลง แล้วเธอก็ยังปากหมาเหมือนเดิม ท้าทายอะไรไม่ได้เหมือนเดิม
ในตอนนั้นที่บอกเลิกก็ไม่ได้คิดว่าจะไปจริง ๆ คบกันมาแปดปี จู่ ๆ หายไปจากชีวิตเขามีเหรอจะไม่เสียใจ แต่เสียใจไปเขาก็ไม่คิดจะรั้งเธอกลับมา ในตอนนั้นคิดว่าอิ่มตัวกับความสัมพันธ์ เลิกกันได้ก็ดี ไม่คิดเลยว่าเธอจะเลิกกับเขาแล้วไปแต่งกับคนอื่นเร็วขนาดนั้น
เจนไม่อยู่กินข้าวด้วย เขาก็กินไม่ลง ขับรถกลับบ้านก็แล้วกัน
กลับมาถึงบ้านก็เจอคนยืนรอที่หน้าบ้าน
อนันดาเปิดกระจกทัก “มาทำไร ไม่โทรบอกว่าจะมา บอกแล้วว่าอย่ามาที่บ้าน”
“กิมได้ยินมาว่าเฮียเอาผู้หญิงเข้าบ้าน”
“ได้ยินมาจากใคร” ข่าวไวเกินไปไหม
“เพื่อนกิมบอก”
“แล้ว?”
“เฮียอันพูดแบบนี้แปลว่าหิ้วผู้หญิงเข้าบ้านจริงเหรอคะ มันเป็นใครบอกกิมมากิมจะไปจัดการมัน”
“เฮียจะพาใครเข้าบ้านมันก็เรื่องของเฮีย เราแค่คุยกันยังไม่ได้เป็นอะไรกัน เธอไม่มีสิทธิ์มาวุ่นวายชีวิตเฮีย”
“แต่ถึงอย่างนั้นเราก็มีอะไรกันแล้วนะคะ”
“ตั้งแต่แรกเราก็ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าสองเรื่องนี้ไม่เหมือนกัน แล้วตอนนี้เฮียก็ไม่อยากคุยกับเธอแล้ว ต่อไปอย่ามายุ่งกับเฮียอีก” พูดจบเฮียอันกดปิดกระจกขับรถเข้าบ้าน
“เฮียอัน เฮียอันจะทิ้งกิมแบบนี้ไม่ได้นะ” กิมจิตะโกนเสียงดัง ทว่าเฮียอันไม่สนใจ
เขาไม่ได้ให้ความหวังเธอสักหน่อย ก็บอกแล้วว่าแค่คนคุย คุยกันรู้เรื่องก็คุยต่อ คุยไม่รู้เรื่องก็จบ ผู้หญิงทำไมเข้าใจยากจังวะ
“ใครมาแวด ๆ หน้าบ้านอีก เมื่อไหร่จะเลิกเป็นแบบนี้สักที” ยายติ๋มเอ่ยทันทีที่หลานชายลงจากรถ
“คนนี้เลิกยุ่งแล้วครับ”
“เดี๋ยวก็มีคนใหม่มาอีก”
“ช่วงนี้น่าจะไม่มีครับยาย”
“เมื่อคืนพาใครเข้าบ้าน ยายบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามพาผู้หญิงเข้าบ้าน คนเดียวที่เข้าบ้านได้คือเจนิสคนเดียวเท่านั้น คนอื่นยายไม่ให้เข้า”
“พูดแบบนี้ จะให้อันไปแย่งเมียคนอื่นเหรอยาย”
“แย่งกลับมาได้ก็ดีสิ หนูเจนไม่เอาแกหรอก”
“ยายรู้ได้ไง”
“ถ้าเขาจะเอาแกเขาจะแต่งงานกับคนอื่นทำไม”
“มันก็ไม่แน่ เป็นอันที่ไม่เอาเจนต่างหาก”
“หึ ให้มันจริงเถอะ ยายได้ยินคนพูดกันว่าหนูเจนหย่าแล้ว”
“ยายนี่ทันข่าวจริง ๆ นะครับ”
“แน่นอนสิ เดี๋ยวรอบนี้ยายต้องเป็นคนหาให้หนูเจนเองแล้ว จะได้ไม่มองคนพลาดอีก” ยายติ๋มพูดด้วยความมุ่งมั่น
ยายติ๋มชอบเจนิสมาก ตอนนั้นที่เจนิสกับหลานชายเลิกกัน ยายติ๋มเสียใจมาก หลานที่ไม่เป็นผู้เป็นคนถูกทิ้งจนได้ มีของดีอยู่ในมือไม่รู้คุณค่า
“พูดเหมือนยังติดต่อกันเลยนะครับ หลานยายทำเจ็บขนาดนั้นเขาจะคุยกับยายเหรอ”
“หนูเจนเป็นเด็กดี แยกแยะเป็น ไม่โกรธมั่วซั่ว พูดไว้เลยว่าเราคุยกันจนถึงทุกวันนี้จ้ะ” ยายพูดด้วยท่าทางของผู้ชนะ
“จริงอะ โม้เปล่าครับ”
“จริงสิ เมื่อกี้ยังทักมาถามเลยว่ายายไม่สบายหรือเปล่า ไม่รู้ว่ามีลูกหมาตัวไหนไปพูดหรือเปล่าว่ายายไม่สบายทั้งที่ยายแข็งแรงดี ใครมันกล้าแช่งยายนะ”
“แล้วยายบอกว่าไง”
“ในเมื่อลูกหมามันอยากให้ยายป่วย ยายก็เจ็บคอนิดหน่อยก็ได้ เจ็บคอก็ถือว่าป่วยใช่ไหม”
“ครับ แล้วยังไงครับ”
“ไม่บอกหรอก อย่ามาหลอกถาม” ยายติ๋มยิ้มสะใจ “ข้าวอยู่ในครัว หากินเอง ยายจะไปร้านแล้ว”
ยายติ๋มเปิดร้านขายของส่งจิปาถะ มีทุกอย่างในร้าน ของขายดีมาก เป็นร้านใหญ่ประจำหมู่บ้าน เมื่อก่อนเจนิสมาช่วยขายตลอด เจนิสรู้ทุกจุดว่าสินค้าวางอยู่ตรงไหนและยังรู้ราคาแทบทุกอย่างในร้าน ขณะที่เจนิสมาช่วยขายของ หลานชายเพียงคนเดียวก็นั่งเล่นเกมไม่คิดจะไปช่วยทำงาน วันไหนที่เข้าร้านนั่นคือฤดูร้อนที่พายุเข้า
ทว่าตั้งแต่หลานชายบอกเลิกเจนิส หลานชายก็เหมือนจะเริ่มรู้สึกตัว เริ่มเข้าร้านมากขึ้น ทั้งที่มีความรู้แต่ก็ชอบทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง มารู้สึกตัวจะเป็นคนดีก็สายเกินไปแล้ว
