บท
ตั้งค่า

4 น้องรหัส

เสียงเครื่องยนต์บิ๊กไบค์คำรามต่ำ ดังสนั่นกลางลานกว้างหน้าตึกเรียน

ยางสีดำบดหยุดลงบนพื้นปูนตรงหน้าบันได ที่มีป้ายเขียนชัดว่าห้ามจอด แต่คนอย่างเซบัสเตียนไม่เคยสน

ร่างสูงกำยำเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบก้าวลงจากรถ รูดหมวกกันน็อกสีดำด้านออกจากศีรษะ เส้นผมสีเทาเงินสะบัดยุ่งเบา ๆ รับแสงแดดอ่อน

ผิวขาวกระจ่างอย่างคนที่ไม่เคยออกแดดตรง ๆ ยิ่งขับลุคให้ดูสะอาดเนี๊ยบ แต่แฝงความเย็นชาแบบพระเอกในนิยายที่หล่อเลวเต็มขั้น

เสื้อยืดสีดำรัดพอดีลำตัวแนบกับแผงอกแข็งแรง เสริมด้วยเสื้อช็อปวิศวะสีเข้มพาดทับ เผยท่อนแขนยาวขาวตัดกับเส้นเลือดใต้ผิว

กางเกงยีนส์สีเข้ม และรองเท้าผ้าใบแบรนด์หรูราคาแพงหูฉี่ บนข้อมือซ้ายมีนาฬิกาหรูสะท้อนแสงวิบวับ ที่เด็กมหาลัยน้อยคนนักจะมีครอบครอง

กลิ่นน้ำหอมชั้นดีโชยบาง ๆ จากเรือนกายหนั่นแน่น หอมกรุ่นเย้ายวนคล้ายแรงดึงดูด ให้เหล่าภมรเพศเมียพากันบินโฉบตามมาเกาะ

ทุกอย่างที่ประโคมอยู่บนร่างกาย ล้วนมาจากน้ำพักน้ำแรงที่เซบหาได้ เขาไม่เคยสร้างภาระให้กับครอบครัว เพราะเซบัสเตียนคือผู้ที่รู้จักโลกของหุ้นและการลงทุน เร็วกว่าคนหนุ่มในวัยเดียวกัน

เสียงกรี๊ดจากกลุ่มนักศึกษาสาวดังขึ้นทันที เมื่อเซบเดินผ่านเข้ามาในรัศมี

“แก๊ ๆๆ เซบมาแล้ววว!!”

“โอ๊ยย อยากโดนลากไปกระทำชำเราบนเบาะบิ๊กไบค์!”

“ราคานาฬิกาเรือนนั้นจ่ายค่าเดิมฉันได้จนจบเลยนะ!!”

เซบไม่ได้หันไปมองแม้แต่นิด เพียงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่ใส่ใจ มือหนาซุกกระเป๋ายีนส์ เดินตัดบันไดตึกไปแบบคนที่รู้ดีว่าตัวเองกำลังเป็นจุดสนใจ

เสียงเพื่อนผู้ชายแซวตามหลัง

“ไอ้เซบ! กว่าจะเสด็จมาได้ แล้วนี่มึงเล่นจอดรถขวางทางเดินอีกแล้ว”

“ไอ้ห่า มึงไปตกถังน้ำหอมที่ไหนมาวะ? ฟุ้งเชียว!”

เซบปรายตามองพวกมัน ยักคิ้วข้างเดียว เหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยัน

“เห่าจริง ไม่ต้องตามมา กูไม่เลี้ยงหมา!”

เสียงหัวเราะพรืดของเพื่อน ๆ ดังขึ้น เขาเพียงสูดลมหายใจยาว เดินผ่านฝูงชนเหมือนราชาที่เลือกได้

ใคร ๆ ต่างก็คิดว่าเขาเย็นชา ไม่แยแสโลก แต่ในใจกลับกำลังว้าวุ่นกว่าที่ใคร ๆ จะคาดคิด

เสียงเพื่อนร่วมคณะดังขึ้นข้างหู

“เฮ้ย เซบ! รีบไปจัดกลุ่มรับน้องเร็ว!”

“เออ ๆ รู้แล้วน่า”

เซบพึมพำตอบ พลางถอนหายใจเบา ๆ

ปกติเขาไม่ใช่คนสนใจงานรับน้องเท่าไหร่ แต่วันนี้กลับรู้สึกหงุดหงิดแปลก ๆ ก็เลยหากิจกรรมสักอย่างทำเพื่อขจัดความฟุ้งซ่าน

ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ ภาพนั้นยังวนเวียนอยู่ในหัว เขาพยายามสลัดมันออกแต่ไม่สำเร็จ

เสียงพิธีกรบนเวทีตะโกนแนะนำแต่ละรุ่นปีดังขึ้น

“ต่อไปนี้จะเป็นการจับสลากพี่รหัสกับน้องรหัสนะคร้าบบบ! ปีสี่ช่วยดูแลปีหนึ่งดี ๆ ด้วยนะ!”

เซบหาววอด เดินย่ำไปเข้ากลุ่มแบบไม่ใส่ใจอะไรนัก เขามองกลุ่มปีหนึ่งที่ยืนกระจัดกระจายอยู่ข้างหน้า

เด็กหนุ่มผิวคล้ำตัวสูงเพรียว บางคนตัดผมสั้นเกรียน แบบนักเรียนชายมัธยมปลายที่เพิ่งเปลี่ยนเครื่องแบบ

หนุ่มตี๋ตัวเล็กผิวขาวที่ยังมีรอยสิวขึ้นประปรายบนแก้ม

สาวหมวยตากลมผมยาวสยายเดินก้มหน้างุด เหมือนยังไม่คุ้นชินกับสายตานับร้อยที่จับจ้องมายังตัวเอง

ผู้หญิงหลายคนยังดูใสซื่อ อมยิ้มตามเพื่อน หรือหัวเราะเบา ๆ ในกลุ่ม ราวกับเด็กที่เพิ่งก้าวข้ามประตูโรงเรียน มาสู่รั้วมหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรก

แต่เซบัสเตียนรู้ดี อีกไม่นานนัก เด็กพวกนี้ก็จะเผยตัวตนเหมือนรุ่นก่อนหน้า

ทั้งการแต่งตัวที่ค่อย ๆ เปลี่ยนจากเสื้อนักศึกษาติดกระดุมทุกเม็ด เป็นเสื้อรัดรูป ผูกชายสูงจนเห็นแนวเอว กระโปรงรัดติ้วผ่าหน้าผ่าหลังตามแฟชั่น

ส่วนเด็กผู้ชาย บางคนจากที่เคยเอียงคอถามเพื่อนว่ารายงานส่งวันไหน ไม่กี่เดือนต่อมาก็จะเอาแต่ถามว่าคืนนี้ผับไหนดีวะ

สังคมจะหล่อหลอมทุกอย่างเอง…

เซบสูดหายใจยาว ยกมือขยี้ท้ายทอยพลางเหยียดยิ้ม

“ก็คงไม่ต่างจากรุ่นกูหรอก…”

แต่แล้ว…

“เซบัสเตียน ปีสี่! จับสลากน้องรหัสได้… เอลิออต ลี!”

หัวใจเซบกระตุกวาบ เขาหันขวับไปทางเสียงนั้นทันที

เด็กหนุ่มร่างเล็กผิวขาวเนียนในชุดนักศึกษาสะอาดเรียบร้อย กำลังยืนส่งยิ้มบาง ๆ ให้เขาอย่างสุภาพ ใบหน้าใสกิ๊ง ดวงตาเรียวยาวเป็นประกาย พร้อมคำทักทายแสนน่ารัก

“ไง… พี่รหัส”

เซบยืนนิ่งค้าง สมองเหมือนดับชั่วครู่

น้องรหัสของเขา คือเพื่อนสมัยเด็กที่เมื่อเช้าเขาเพิ่ง…!!

“เดี๋ยว ๆ ๆ อะไรวะเนี่ย!?”

เซบพึมพำเสียงดัง

เอลเดินเข้ามาใกล้ ยิ้มตาหยีเหมือนกำลังล้อเล่น

“ฝากตัวด้วยนะ”

เสียงหัวเราะของเพื่อน ๆ รอบข้างดังแทรกเข้ามา เซบหันไปแว้ดใส่ดีแลนกับเรนที่กำลังแอบขำ

“หัวเราะเหี้ยไร!? มึงไม่เห็นเหรอว่ามัน...!?”

“อะไร?”

ดีแลนถามยิ้ม ๆ

เซบหันกลับไปมองเอลอีกครั้ง แล้วคำพูดทั้งหมดก็เหมือนติดค้างอยู่ในลำคอ

“มัน… เอ่อ…”

ตึกตัก! ตึกตัก!

หัวใจของเขาเต้นแรงรัวจนแทบทะลุอก เอลเอียงคอนิด ๆ สายตาเป็นประกาย

“พี่รหัสเป็นอะไรหรือเปล่า? จู่ๆ ก็หน้าแดง”

เซบเบือนหน้าหนีทันควัน

“หุบปากไปเลยเว้ย!”

‘ไอ้ตัวแสบ… มึงกลับมาเป็นน้องรหัสกูได้ไงวะเนี่ย?’

‘ไหนว่ามาเรียนต่อ ไม่ใช่ ป.โท แต่เป็น ป.ตรี งั้นเหรอ? นี่มันตั้งใจจะเอาปริญญาสองใบสินะ’

เสียงในหัวดังปะปนกับเสียงหัวเราะของเอลด้านหลังเบา ๆ ขณะที่เซบเดินหนีออกมาก่อน

มือหนาซุกกระเป๋ากางเกงแน่น ลมหายใจพ่นออกแรง ๆ พยายามกลั้นความรู้สึกวาบหวิวแปลก ๆ ที่กำลังค่อย ๆ ซึมขึ้นมาในอก

สวรรค์กำลังกลั่นแกล้งเขาอยู่ใช่ไหม!?

เสียงหัวเราะของเอลยังคงดังแว่วอยู่ข้างหลัง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบเด็กดีที่พยายามแปลงร่างเป็นมารน้อย แกล้งทำให้ใครบางคนใจสั่น

‘ใจเย็น… ใจเย็นโว้ยเซบ…’

ทว่าเสียงหัวใจกลับสวนคำสั่งตัวเอง

ตึกตัก… ตึกตัก… ตึกตัก…

ความรู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ คล้ายไฟฟ้าสถิตวิ่งแปลบปลาบตามผิวหนัง

เซบรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังวิ่งหนีแต่ไม่พ้น หลบหน้าไม่ได้ หนีก็ไม่ได้อีก

ต่อให้เดินหนีออกมาไกลขนาดไหน แต่สายตาของเอลยังตามมาเสียบค้างอยู่ในหัวใจ

เขาหันขวับกลับไปมองอีกที เอลยังยิ้มอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มบาง ๆ ใต้แสงแดดอ่อนทำเอาเขาใจสั่นวูบ

“เชี่ยเอ๊ย…”

เซบสบถเบา ๆ กับตัวเองอีกครั้ง หัวใจเต้นแรงเหมือนเพิ่งหนีออกมาจากการสารภาพรัก ทั้งที่แค่โดนทักว่า

‘ไง… พี่รหัส’

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ!?

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel