3 เพื่อนสนิทที่แปลกหน้า
เสียงลมหายใจอุ่น ๆ พ่นออกจากปากของคนตัวเล็ก ร่างผอมเพรียวนั่งอยู่กลางเตียง ผ้าห่มคลุมตักหลวม ๆ ใบหน้าขาวขึ้นสีชมพูระเรื่อ หูเล็ก ๆ แดงจัดจนแทบกลืนไปกับผิวแก้ม
“เซบ... ใช่ไหม?”
เสียงเรียบนุ่มเอ่ยซ้ำ ขณะยกมือขึ้นทัดปอยผมสีเข้มที่หล่นปกหน้า
เซบัสเตียนรู้สึกเหมือนสมองตัวเองรีบูตไปแล้วรอบหนึ่ง เขาอ้าปากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่กลับมีแค่เสียงสะอึกในลำคอ
หัวใจที่ปกติเต้นเอื่อยเฉื่อย เหมือนไม่ค่อยพบเจอเรื่องราวน่าสนใจ ตอนนี้กลับคล้ายจะระเบิดออกมาได้ทุกวินาที
“เอล?”
เสียงทุ้มต่ำหลุดออกมาในที่สุด
คนตัวเล็กตรงหน้ากะพริบตาปริบ ๆ ยกยิ้มบางเหมือนนึกตลกในปฏิกิริยานั้น
“อือ เราเอง”
เวลาราวกับหยุดหมุนไปพักหนึ่ง เซบยืนนิ่ง มองคนตรงหน้าเหมือนเห็นผี
และทันทีที่สติหวนกลับมา เขารีบยกมือขึ้นชี้
“เดี๋ยว ๆ ๆ! นี่มันเรื่องบ้าอะไร!?”
เอลหลุดหัวเราะออกมาเสียงเบา
“ใจเย็นสิ”
มือเล็กยกขึ้นเหมือนจะห้าม แต่กลับกลายเป็นทำให้คอเสื้อเชิ้ตไหลหล่นลงลาดไหล่อีกด้าน เผยผิวขาวเนียนที่โผล่พ้นสาปเสื้อมากกว่าเดิม
“มึงหายไปหกปี” เซบพูดเสียงขุ่น “ไปไหนมา ทำไมกลับมาเงียบ ๆ แล้วนี่… นี่…”
เขากวาดสายตาไล่ไปทั่วร่างเล็ก
“นี่มึงเอลจริงดิ!?”
เอลยิ้มตาหยี เอียงศีรษะเล็กน้อย
“กลับมาเรียนน่ะ อีกอย่าง…”
ดวงตาสีครามทอดมองเพื่อนวัยเด็ก
“ตอนอยู่ต่างประเทศ เราก็เปลี่ยนอะไรหลายอย่าง”
เซบกัดฟันแน่น รู้สึกเหมือนสมองตัวเองหมุนติ้วจนหาคำพูดไม่เจอ
คนที่เคยตัวใหญ่กว่าเขาเกือบเท่าตัว ตอนนี้กลายเป็นคนตัวเล็ก นุ่มนิ่ม ผิวขาว หน้าตาหล่อเนี๊ยบจนนึกว่าเป็นคนละคน
เซบหันซ้ายหันขวา เหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างมายืนยัน
“แล้วนี่... พ่อกับแม่มึงอ่ะ!?”
เอลหัวเราะเบา
“ไม่ได้กลับมาด้วยน่ะ เรากลับมาคนเดียว”
เซบสูดลมหายใจลึก มือยกขึ้นเสยผม
“โอ้ย! แม่งเอ๊ย...”
เขากวาดสายตามองเอลอีกครั้ง ตั้งใจจะถามอะไรต่อ แต่ดันไปเจอสายตาอีกฝ่ายที่มองมาแบบนุ่ม ๆ พร้อมรอยยิ้มบางบนใบหน้า
เซบรู้สึกเหมือนตัวเองโดนสตั๊นไปอีกครั้ง ผู้ชายอะไรมันจะใช้คำว่าน่ารักได้เปลืองขนาดนี้วะ
“เอาเถอะ” เขาพึมพำเบา ๆ “ช่างแม่ง!”
ร่างกำยำหันหลังเดินไปที่ประตู ขณะเดินผ่าน เอลเอ่ยเรียกเสียงเบา
“เซบ…”
เซบหยุดชะงัก แต่ไม่หันกลับไป
“เราดีใจนะ… ที่นายโตขึ้นแล้ว”
หัวใจเซบกระตุกวาบ เขาขมวดคิ้วแน่น ก่อนพูดเสียงต่ำ
“มึงอ่ะไปหาข้าวกินด่วน ผอมจะตายห่าอยู่ละ”
‘ไปอยู่เมืองนอกแค่หกปี ครอบครัวยากจนจนไม่มีตังซื้อข้าวกินเลยหรือไง ตัวถึงได้ผอมแห้งอย่างกับไม้เสียบลูกชิ้น’
เซบทำได้แค่คิด แล้วขายาว ๆ ก็พาตัวเองก้าวออกจากห้อง ปิดประตูลงเสียงดังตามความขุ่นมัวภายในใจ
เขาเดินกลับบ้านไปเงียบ ๆ ด้วยหัวใจที่ยังเต้นแรงไม่หยุด ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม ชื่อเอลเด้งไปมาเหมือนเสียงสะท้อนก้อง
และทันทีที่กลับถึงบ้าน ร่างสูงทรุดกายนั่งลงบนโซฟา ยกหมอนอิงขึ้นมากอดแน่น
“บ้าเอ๊ย!”
เสียงสบถนั้นแทบจะกลบเสียงหัวใจตัวเอง ที่กำลังเต้นระรัวอยู่ในอกไม่ได้เลย
เซบนั่งจมอยู่บนโซฟาอยู่พักใหญ่ มือยังบีบหมอนในอ้อมแขนแน่น
เสียงหายใจหนัก ๆ ดังลอดซี่ฟัน มันไม่ใช่ความเหนื่อย แต่มันคือความปั่นป่วนภายในที่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจ
เขาหันไปมองนาฬิกาผนัง พลันนึกขึ้นได้
“เชี่ย… วันนี้มีรับน้อง!”
ร่างสูงถลาลุกขึ้นจากโซฟาแทบจะทันที ก้าวยาว ๆ ขึ้นชั้นบน ผลักประตูห้องตัวเอง เดินตรงเข้าห้องน้ำ เปิดน้ำอุ่นไหลลงจากฝักบัวอย่างเร่งรีบ
หยาดน้ำอุ่นซัดลงบนกล้ามเนื้อแข็งแรง มือหนายกเสยผม กำลังจะโฟกัสกับการอาบน้ำอย่างรีบร้อนให้เสร็จ แต่ภาพบางอย่างกลับผุดขึ้นมาในหัว
ใบหน้าเอลที่กำลังขึ้นสีแดงเรื่อ เสื้อตัวโคร่งไหลตกข้างหนึ่ง เผยให้เห็นหัวไหล่ขาวกับแนวไหปลาร้าเล็ก ๆ
ริมฝีปากอ่อนสีเม้มแน่น ดวงตากลมใสหลุบต่ำ ใบหน้าตื่น ๆ ขัดกับร่างกายบอบบางที่นั่งขดตัวบนเตียง
“บ้าเอ๊ย…”
เซบสบถเสียงต่ำในลำคอ แต่ร่างกายเขากลับไม่ฟังคำสั่ง ความร้อนพุ่งวาบขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ส่วนนั้นตื่นตัวขึ้นมาอย่างดื้อดึง
“กูเป็นอะไรวะเนี่ย?”
เขาพึมพำอย่างหัวเสีย พยายามล้างหน้าซ้ำ ๆ ใช้สายน้ำดับความร้อนรุ่มแปลก ๆ ทั้งในอกและอวัยวะใต้สะดือ
แต่ไม่ว่าจะฝังหน้าลงใต้สายน้ำแค่ไหน ภาพนั้นก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวเหมือนแผ่นเสียงติดลูป
ภาพใบหน้าหวาน…
เสียงนุ่มละมุนหู…
และดวงตาสีครามที่จ้องมาด้วยความเอียงอาย...
เซบกัดฟันแน่น ลูบหน้าตัวเองแรง ๆ ก่อนพึมพำเสียงสั่น
“ช่างแม่ง… ไม่ไหวแล้วโว๊ย!”
ในที่สุดก็จนปัญญา เขาพิงผนังห้องน้ำ ถอนหายใจยาวเหยียด และสุดท้าย… จำต้องทำในสิ่งที่ไม่คาดคิด
ฝ่ามือใหญ่ไล้ลงตามกล้ามท้องหนั่นแน่น จนไปถึงส่วนที่กำลังบวมเต่ง เขาโอบมันไว้ในฝ่ามือ บรรจงขยับอย่างเชื่องช้า หลับตาลงสร้างจินตภาพขึ้นในหัว
จังหวะการเคลื่อนไหวไวขึ้นเรื่อยๆ พร้อมเสียงหอบหายใจถี่รัว ริมฝีปากหยักเม้มแน่น ครางกระเส่าในลำคอ
ชั่วหนึ่งอึดใจ น้ำเหนียวหนืดสีขาวขุ่นพลันพวยพุ่งออกมาจากส่วนปลาย ร่างหนาสั่นสะท้านหลังเสร็จสม ดวงตาคมปรือขึ้น เผยให้เห็นความหวั่นไหวในแววตา ใบหน้าหล่อเหลาหันหนีเงาสะท้อนตัวเองในกระจก เพื่อหลบเลี่ยงความละอายใจ
เพราะทุกภาพที่แล่นวาบขึ้นในจินตนาการ ล้วนเป็นคนตัวเล็กข้างบ้านคนนั้นทั้งสิ้น
“โธ่เว้ย!!”
เซบสบถอย่างหัวเสีย มือที่ยังเปรอะเปื้อนคราบน้ำกามทุบลงบนผนังห้องน้ำ มันไม่ได้แรงจนเลือดตกยางออก แต่ก็หนักพอจะทำให้ข้อนิ้วแดงช้ำ
เอลเป็นเพื่อน เป็นคนที่มีบุญคุณกับเขา ตอนเด็กเซบเป็นเพียงคนอ่อนแอ ถูกเพื่อนล้อว่าไม่มีพ่อเพราะครอบครัวแตกแยก ชอบอยู่คนเดียว พูดน้อย และเพราะตัวเล็กเลยถูกกล่าวหาว่าเป็น ‘ไอ้ตุ๊ด!’ ก็มีแค่เอลเท่านั้นที่ปกป้องเขา อยู่เล่นเป็นเพื่อนกัน
กระทั่งเมื่อหกปีที่แล้ว ครอบครัวของเอลต้องย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงจบลงแค่มอต้น แต่มิตรภาพก็ยังดำเนินมาเรื่อย ๆ ผ่านการสื่อสารทางไกล และอยู่ ๆ ก็ขาดหายไปเมื่อสามปีที่ผ่านมา
เซบไม่เคยคิดว่าเขาจะทำเช่นนี้ ตลอดชีวิตเขามีสัมพันธ์แค่กับผู้หญิงมาโดยตลอด เพศเดียวกันไม่เคยอยู่ในหัว จินตนาการไม่ออกด้วยซ้ำว่าจะทำเรื่องนั้นร่วมกันได้ยังไง
เขาไม่ได้รังเกียจ แต่คิดว่ามันแค่ไม่ใช่
ผู้ชายกับผู้ชายเนี่ยนะ?
มันจะเป็นไปได้ด้วยเหรอ?
แต่ทำไมจู่ ๆ เขาถึงได้อยากทำแบบนั้น... กับเอล
