บท
ตั้งค่า

2 คุณเป๋นใคร๊?

แสงของดวงอาทิตย์สาดลอดหน้าต่างห้องนอนชั้นสอง เซบพลิกกายเล็กน้อย ขาแผ่เหยียดออกนอกผ้าห่ม เส้นผมสีเทากระเซิงฟูจนแทบหาทรงเดิมไม่เจอ

เสียงนกร้องไกล ๆ แว่วอยู่ในความเงียบของบ้าน ลมพัดผ้าม่านบางปลิวไหว สะท้อนกับแสงแดดอ่อนจางยามเช้า

มือใหญ่ยกขึ้นปิดหน้า สูดหายใจยาวอย่างเกียจคร้าน เมื่อคืนเขานอนหลับหรือแค่สลบก็ไม่แน่ใจ ความเหนื่อย ความเบื่อ ความเหงามันปนเปกันไปหมด

แต่ความคิดหนึ่งพุ่งขึ้นมาเป็นภาพชัดเจน ไฟของบ้านข้าง ๆ ที่เปิดสว่าง

เซบัสเตียนเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง จนผ้าห่มตกลงไปกองอยู่บนพื้นข้างเตียง

ลุกเดินไปแหวกผ้าม่านดูบ้านข้าง ๆ ราวกับจะย้ำความจริงที่เขาเห็น ว่าไม่ใช่เพียงภาพลวงตาที่เกิดขึ้นยามเมามาย

บ้านที่ปิดเงียบมาหลายปี บ้านที่เขาคิดว่าอาจไม่มีวันได้เจอเจ้าของมันอีกแล้ว

เสียงจานกระทบกันเบา ๆ ลอยขึ้นมาจากชั้นล่าง กลิ่นขนมปังปิ้งกับเนยหอมอบอวล สะกิดความสนใจจากร่างสูง

เซบลากขาลงบันไดแบบครึ่งตื่นครึ่งฝัน สภาพหัวฟู ใบหน้าเซอร์ ท่อนบนเปลือยเปล่า เผยให้เห็นรอยสักขนาดใหญ่ด้านหลัง ดีที่ท่อนล่างยังหลงเหลือกางเกงนอนตัวยาวไว้ปกปิดของสำคัญ

ในห้องนั่งเล่น แม่ของเขานั่งจิบน้ำชา อ่านหนังสือพิมพ์ที่เพิ่งได้รับมาเมื่อเช้า เงยหน้าขึ้นมองเขาเพียงแวบเดียว พร้อมคำทักทายสั้นๆ

“ตื่นเช้าจัง”

เซบไม่ได้สนใจคำทักทายนั้นด้วยซ้ำ เขากลับเอ่ยถึงเรื่องอื่นขึ้นมาแทน

“เมื่อคืนผมเห็นบ้านข้าง ๆ เปิดไฟไว้...”

แม่ยิ้มบาง ริมฝีปากคลี่ยิ้มอย่างนึกเอ็นดู

“อ๋อ เอลกลับมาแล้วน่ะ โตขึ้นเยอะเลย ตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ หล่อมากด้วย น่ารักเชียว”

เซบชะงัก สะดุดกับคำพูดของแม่ เล็ก? ขาว? หล่อ?

เดี๋ยวนะ... ลักษณะที่แม่ของเขาเอ่ยออกมานั้น ช่างตรงกันข้ามกับรูปร่างหน้าตาของเพื่อนในวัยเด็กที่เขาจำได้อย่างสิ้นเชิง

ไอ้อ้วนตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ ผิวคล้ำแดดจากการวิ่งเตะฟุตบอลท่ามกลางแดดร้อนจัดช่วงพักเที่ยง ชุดนักเรียนมอมแมมเปื้อนฝุ่นดิน บางวันขาดวิ่นเพราะมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนในโรงเรียน

นั่นคือภาพจำสุดท้ายที่เซบัสเตียนจำได้ หรือความจริงแล้วแม่อาจเข้าใจผิด คนที่เห็นคงเป็นเพื่อนของเอลที่ตามมาเที่ยวบ้าน

แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่น่าประทับใจ เพราะเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาได้กลับมาแล้ว

หัวใจเซบเต้นวูบแบบไม่มีสัญญาณเตือน เขายกมือเสยผม พึมพำเบาๆ

“เดี๋ยวมา…”

แล้วหันหลังเดินจากไป

แม่ยังไม่ทันถามอะไร ลูกชายตัวสูงก็หายวับไปทางสวนด้านหลัง ที่มีรั้วไม้เตี้ย ๆ กั้นระหว่างบ้านทั้งสองหลัง

ลมเช้าพัดเอากลิ่นหญ้าตัดใหม่ลอยฟุ้ง เซบยกขาข้ามรั้วอย่างคุ้นชิน ลัดเลาะไปตามช่องทางเดินเล็ก ๆ หลังบ้าน

ขณะเดินผ่านหน้าต่างครัวที่ใช้แรงเพียงนิดเดียวดันก็เปิดได้ เพราะบานพับเก่าจนแทบจะยึดเกาะวงกบต่อไปอีกไม่ไหว พลันความคิดหนึ่งผุดขึ้น

เขายกยิ้ม มุมปากกระตุกน้อย ๆ แววตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์อย่างคนมีแผนการ

ไม่เจอกันนานขนาดนี้ ความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเขาราวกับพลิกฝ่ามือ เอลต้องตกใจมากแน่ ๆ ที่ไอ้กุ้งแห้งแสนอ่อนแอในวัยเด็ก กลายร่างเป็นหนุ่มฮอตที่มีลอนกล้ามหน้าท้องหกลูก

ไม่เคาะประตู ไม่ร้องเรียก เซบตั้งใจจะโผล่ไปให้ตกใจเล่นแบบเดียวกับที่เขาเคยทำตอนเด็ก ๆ

เสียงฝีเท้าย่ำบนพื้นหญ้า ร่างหนาย่องอย่างเงียบงัน ดันหน้าต่างบานเก่าเปิดออกแผ่วเบา กลิ่นสะอาดของห้องครัวที่เพิ่งจัดระเบียบใหม่ลอยฟุ้ง

โต๊ะไม้กลางห้องมีแก้วน้ำวางอยู่ ใกล้กันมีหนังสือเปิดค้างเอาไว้ เนื้อหาด้านในเป็นบทเรียนภาษาอังกฤษขั้นสูง ดวงตาคมเหลือบลงมอง ก่อนหัวเราะเบา ๆ

เมื่อก่อนกอไก่ถึงฮอนกฮูกยังท่องไม่ถูก เดี๋ยวนี้อ่านบทความภาษาอังกฤษ ดูท่าเพื่อนวัยเด็กของเขาจะพัฒนาไปไกลมากแล้ว

เซบดึงสายตาตัวเองกลับ ค่อยๆ ย่องขึ้นชั้นบนอย่างเชื่องช้า

บานประตูห้องนอนแง้มไว้เพียงเล็กน้อย คงมั่นใจในความปลอดภัยว่าจะไม่มีใครกล้าเข้าไป ไม่ก็คิดว่าปกป้องตัวเองจากอันตรายได้

เมื่อประตูถูกเปิดออกกว้างขึ้น พอที่ร่างกำยำจะแทรกผ่านเข้าไปด้านใน

ร่างหนึ่งนอนขดตัวใต้ผ้าห่มสีขาวขลิบฟ้า เส้นผมดำเงาโผล่พ้นปลายหมอน ร่างกายเล็กจนเขาเกือบคิดว่าเข้าห้องผิด

แต่ไม่ใช่... เซบัสเตียนจำได้แม่นยำ ไม่มีทางผิดแน่ นี่คือห้องที่เขามักเข้ามานั่งเล่นเกมกับเอล บางคืนก็นอนค้างอยู่ที่นี่ เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างยังจัดวางไว้ตรงจุดเดิมไม่มีการโยกย้าย

เขาขยับเท้าเข้าไปช้า ๆ ย่องเหมือนหมาป่าเจอเหยื่อ หัวใจเต้นแรงในอก ความคิดถึง ความตื่นเต้น และความดีใจตีกันยุ่งเหยิงไปหมด

ริมฝีปากยกยิ้มกว้างอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อนึกถึงปฏิกิริยาที่กำลังจะตอบสนองจากคนนอนหลับ

ตูม!

เขากระโจนขึ้นเตียง ทุ่มน้ำหนักตัวโถมใส่ร่างใต้ผ้าห่มเต็มแรง พร้อมระเบิดเสียงหัวเราะคล้ายสะใจ

“ฮ่าๆๆ”

ทว่าปากที่อ้ากว้างพลันต้องหุบลง เมื่อมีเสียงร้องนุ่มละมุนเบา ๆ ดังขึ้น

“โอ๊ย!”

ร่างในผ้าห่มสะดุ้งเฮือก พลิกตัวหันหน้ามา เผยให้เห็นดวงตาเรียวเล็กสีครามปรือขึ้นงัวเงีย ใบหน้าขาวจัด ติดแดงระเรื่อเพราะความตกใจ

ริมฝีปากอ่อนสีพึมพำเสียงแผ่ว

“เซบ... ใช่ไหม?”

หัวใจเซบแทบหยุดเต้น คนที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ ไม่ใช่ไอ้อ้วนหัวโจกที่เคยรู้จัก แต่เป็นคนแปลกหน้าที่ดวงตาให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด

ร่างใหญ่แข็งทื่อ นั่งนิ่งคร่อมคนตัวเล็กกว่าเกือบเท่าตัว มือทั้งสองข้างยังเท้าอยู่ข้างหมอนนุ่ม ใบหน้าห่างกันเพียงสองฝ่ามือเท่านั้น กระทั่งเจ้าของดวงหน้าหวานเอ่ยปากร้องขอ

“ช่วยลุกออกจากตัวเราก่อนได้ไหม? มันหนัก”

พูดพลางหันหน้าหลบสายตาที่จ้องเขม็ง ผิวเนื้อขาวเนียนขึ้นสีระเรื่อ ใบหูแดงเห่อราวกับกำลังเขินอาย

เซบได้สติดีดตัวลุกลงไปยืนจังก้าบนพื้น มองสำรวจร่างคนที่กำลังหยัดกายลุกขึ้นนั่ง

ผ้าห่มที่ตกลงกองอยู่บนหน้าตัก เผยให้เห็นว่าคนตรงหน้าตัวเล็กราวกับเด็กผู้หญิง

หัวใจเซบยังเต้นไม่เป็นจังหวะ จ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังจัดชายผ้าห่มปิดตัก มือเรียวดึงสาบเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งเข้ามาปิดช่วงอก ท่าทางเขินอายที่เขาไม่คาดว่าจะเห็นจากผู้ชายคนหนึ่ง

โครงหน้าที่เคยจดจำในหัวกลับไม่เหลือเค้าเดิม ร่างสูงใหญ่กลายเป็นคนตัวเล็ก ความสูงไม่น่าจะถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรด้วยซ้ำ น้ำเสียงดุดันในความทรงจำกลับอ่อนโยนชวนวาบหวิว

ในหัวเซบมีคำถามมากมายเต็มไปหมด แต่กลับกลั่นออกมาได้เพียงคำเดียว

เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามอย่างเลื่อนลอย

“คุณเป็นใคร?” 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel