1 แสงไฟข้างบ้าน
เซบเหลือบตากลับไป ยักคิ้วข้างเดียวอย่างกวน ๆ พร้อมคำตอบแบบส่ง ๆ
“ไม่อะ เซ็ง”
พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปทำให้เสียงหัวเราะแซวกันดังลั่น
เซบัสเตียนไม่ได้ใส่ใจ เขากำลังจะหมุนตัวกลับ ทิ้งความวุ่นวายนี้ไว้ข้างหลัง
แต่ยังไม่ทันก้าวขาออกจากโซฟา แขนเรียวข้างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาสวมกอดท่อนแขนกำยำไว้แน่น
กลิ่นแอลกอฮอล์แรงจัดแตะจมูก เสียงหัวเราะคิกคักดังใกล้หู
“เบื่อประตูหน้า... แล้วไม่อยากลองประตูหลังบ้างเหรอ?”
น้ำเสียงที่เอ่ยบ่งบอกว่าเมาหนัก กระซิบอย่างยั่วเย้า
เซบหันขวับทันที คิ้วเข้มขมวดแน่น พยายามดึงแขนออก
นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนในคณะ แล้วพอมีบุญคุณที่ช่วยติวสอบให้เขาอยู่บ้าง ร่างอ้อนแอ้นไม่สมกับการเกิดมาเป็นผู้ชาย คงได้ร่วงไปนอนแผ่อย่างหมดสภาพบนพื้น
ฝ่ามือใหญ่กำแน่น จนหลังมือปรากฏเส้นเลือดปูดนูน ลมหายใจถูกกลั้นค้างอย่างพยายามระงับโทสะครู่หนึ่ง ก่อนเสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาราบเรียบเพียงสั้น ๆ
“กูไม่ชอบเกย์”
อีกฝ่ายหัวเราะแผ่ว ยอมปล่อยมือออกช้า ๆ ก่อนหันหลังเดินโซเซกลับเข้าไปในกลุ่มผู้คน
ไม่พูดอะไรอีก ขายาวก้าวออกจากห้อง เสียงวุ่นวายค่อย ๆ เลือนหายไปพร้อมบานประตูที่ปิดลง
ลมเย็นยามดึกตีหน้า เซบก้าวขาขึ้นคร่อมบิ๊กไบค์คู่ใจ เสียงเครื่องยนต์ต่ำกระหึ่มในความเงียบหลังเขาบิดกุญแจสตาร์ท ก่อนขับพุ่งออกไปบนท้องถนน
ถนนยามดึกเกือบว่างเปล่า แสงไฟสาดเงาลงบนเส้นสีขาวของพื้นถนนที่ทอดยาว
เขาชะลอความเร็วเมื่อมาถึงซอยคุ้นเคย สายลมพัดผ่านหมวกกันน็อก ขณะที่เสียงความคิดตัวเองดังก้องในหัว
‘คืนนี้แม่ง... โคตรน่าเบื่อ’
เมื่อถึงจุดหมาย บิ๊กไบค์คันใหญ่เคลื่อนเข้าไปจอดชิดริมกำแพง
หมวกกันน็อคใบโตถูกถอดออก เส้นผมสีเทาประกายเงินสะท้อนแสงไฟสลัวยามสะบัดจัดทรง
ใบหน้าหล่อเข้มเงยขึ้น มองบ้านสองชั้นข้าง ๆ อย่างไม่ตั้งใจ
บ้านที่เคยมืดเงียบกว่าหกปี บัดนี้ห้องชั้นบนกลับสว่างไสว เงาคนเคลื่อนผ่านม่าน แสงไฟสีส้มพาดลอดออกมาเหมือนเสียงสะกิดหัวใจ
เซบชะงัก หัวใจเต้นแรง ดวงตาสีนิลสั่นไหวโดยไม่ทันตั้งตัว ค่ำคืนที่น่าเบื่อกลายเป็นความตื่นเต้นเฉียบพลัน
“หรือว่า...”
เขาพึมพำ ครุ่นคิดลังเล
ใจหนึ่งอยากข้ามรั้วไปเคาะประตูให้รู้แน่ แต่อีกใจก็กลัวความบุ่มบ่ามจะสร้างเรื่อง
กว่าหกปีแล้วที่เจ้าของบ้านหลังนั้นหายไป การติดต่อขาดหาย และไม่มีเหตุผลให้ต้องกลับมา
เขายังยืนยันไม่ได้ว่าเงาที่เคลื่อนไหวหลังผ้าม่านคือคนที่คิดไว้
หรือบางที... บ้านหลังนี้อาจถูกเปลี่ยนมือไปแล้ว อย่าเสี่ยงหาเรื่องถูกแจ้งจับฐานบุกรุกยามวิกาลจะดีกว่า
“แม่งเอ๊ย!!”
เสียงสบถดังขึ้นอย่างหงุดหงิด ความใจร้อนเรียกร้องให้ทำสิ่งไม่สมควร แต่ดีที่สติรั้งเอาไว้
สุดท้ายเซบัสเตียนตัดสินใจหันปลายเท้าเดินเข้าบ้านตัวเอง ทั้งหัวใจที่ยังเต้นกระแทกอก
เซบนอนแผ่บนเตียงในห้องนอน มือหนึ่งยกมือถือขึ้น เปิดแชทที่ไม่ได้แตะมาเนิ่นนาน ทว่ากลับไม่ถูกลบทิ้งออกจากรายการ
ชื่อที่ค้างอยู่บนจอ เอล ไม่มีข้อความใหม่ ไม่มีการอัปเดต ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น นอกจากประโยคสุดท้ายเพียงสั้น ๆ ที่เขาเป็นคนส่ง
‘กูคิดถึงมึงว่ะ... เพื่อน’
ในตอนแรกการสนทนาของทั้งคู่ยังต่อเนื่อง ส่งรูป แซวเล่น โทรหา แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความถี่ก็ลดลงเรื่อย ๆ จนสุดท้ายกลายเป็นความห่างเหิน
ความสนิทในวัยเด็กถูกทำลายด้วยกาลเวลาและระยะทาง เพียงนึกถึงภาพในวันวานพลันใจหาย พวกเขาเคยสนิทสนมกันมากแค่ไหน ทำไมตอนนี้มิตรภาพนั้นถึงจืดจางลงไปได้
เซบัสเตียนกัดริมฝีปากเบา ๆ พลางยกมือถือทาบหน้าผาก
“ใช่มึงหรือเปล่า...? เอล”
เสียงทุ้มแผ่วต่ำในความมืดที่เงียบงัน
เสียงหัวใจตัวเองดังชัดในอก แม้ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ แต่เซบกลับรู้สึกเหมือนความวุ่นวายทั้งหมดกำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง จนทำให้เขาว้าวุ่นแทบนอนไม่ได้
ถ้าไม่ติดว่าพรุ่งนี้ต้องไปมหาลัยแต่เช้า เซบัสเตียนคงนั่งถ่างตารอเสียงไก่ขัน เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มทอประกายที่เส้นขอบฟ้า
