4. สายเปย์
*** ทักทายเช้าวันหยุดคร้า***
มัลลิกาดิ้นจนเหนื่อยจึงหยุดนิ่งมองใบหน้าคมเข้มที่คลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะถามเขาออกไป “คุณมีทั้งหมดเท่าไร?”
“ผมต้องเกหมดหน้าตักเลยรึไงสาวน้อย” เขาถามด้วยน้ำเสียงยียวน ยิ่งทำให้อารมณ์ของหญิงสาวพุ่งปรี๊ดขึ้นไปอีก
“อาจจะใช่ พร้อมใบทะเบียนสมรสด้วย เลิกกันเมื่อไรฉันพร้อมจะหย่าโดยไม่เรียกร้องอะไร” เจ้าเล่ห์จริงๆ แบบนี้สิถึงจะเหมาะกับตำแหน่งมาดามของมาจิสัน
“จะเรียกร้องอะไร ก็ผมยกให้คุณก่อนอยู่ด้วยกันจนไม่เหลือสักบาท จะเหลือก็แต่ตัวผมเท่านั้น”
“ทั้งชีวิตของคุณนั่นแหละถึงจะซื้อตัวฉันได้ จำเอาไว้ไอ้เศรษฐีตัณหากลับ” ใบหน้าสวยงอง้ำ มองหน้าเขาดวงตาลุกวาว วาติเน่นิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ มองแววตาเจ้าเล่ห์ของคนในอ้อมกอด มัลลิกาแอบดีใจอยู่ลึกๆ คิดว่าเขาคงไม่โง่พอที่จะเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดมาแลกกับผู้หญิงธรรมดาอย่างเธอแน่นอน
“คุณภาพสินค้าดีพอกับเงินลงทุนมั้ย” ดวงตาคมกวาดไปทั่วร่างงาม ทำเอามัลลิกาหนาวๆ ร้อนๆ ไปทั้งกายเมื่อเขาก้มลงมาหาอีกครั้ง
ด้วยความเผลอตัวของนายใหญ่ที่กำลังติดใจเสน่ห์นางเต้นอย่างเธอ ทำให้ไม่ทันระวังตัวว่าจะโดนเข่ายกขึ้นกระแทกลูกชายของเขา โชคดีที่เขาดันขาเรียวของเธอเอาไว้แรงกระแทกจึงไม่แรงนัก แต่ก็ทำให้วงแขนแกร่งคลายออก เปิดโอกาสให้ร่างบางหลุดมือไป
“โทษฐานที่เห็นผู้หญิงเป็นเครื่องระบายอารมณ์ใคร่ ถ้าเจอคราวหน้าจะตีให้หัวแบะเลย” หล่อนหันมาต่อว่าเขาอย่างโมโหแล้ววิ่งจากไป วาติเน่กุมลูกชายเอาไว้ มองแผ่นหลังบางอย่างเสียดาย ใบหน้าคมเข้มเต็มไปด้วยรอยยิ้ม…แม่คนเจ้าเล่ห์ คิดเหรอว่าจะหนีเขาพ้น วาติเน่คิดอย่างครึ้มใจ…
มัลลิการีบวิ่งเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่อยู่ใกล้ๆ แองเจิ้ลอ้าปากจะถามแต่ก็ไม่ทัน ร่างบางผลุบหายเข้าไปเสียก่อน ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับมีพวงมาลัยดอกมะลิในมือ เฮียอาร์ตกับแองเจิ้ลหันไปมองด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“ทนคิดถึงเจ๊ไม่ไหวลงมาหาถึงที่นี่เลยเหรอเฮีย” หญิงสาวยิ้มเดินถือพวงมาลัยดอกมะลิมาหยุดยืนใกล้ๆ แองเจิ้ล
“ทะลึ่งใหญ่แล้วไอ้นี่ เสร็จแล้วก็รีบกลับบ้านเร็ว”
“อะไรกัน วันนี้ทั้งเจ๊ทั้งเฮียไล่ไผ่กลับบ้านจริงๆ เชียว” หญิงสาวบ่นอุบอิบ เดินถือพวงมาลัยดอกมะลิมาหยุดอยู่ตรงหน้าแองเจิ้ล
“อะไรอีกล่ะนังคนนี้” แองเจิ้ลเอ่ยออกมา ก้มมองพวงมาลัยที่อยู่ในมือหญิงสาว
“พรุ่งนี้วันแม่ ไผ่ก็เลยซื้อพวงมาลัยดอกมะลิมาไหว้แม่ของไผ่น่ะสิ” แองเจิ้ลน้ำตาไหลออกมาอย่างตื้นตัน มองร่างบางที่ก้มลงกราบเธออยู่ที่พื้น ทุกคนในห้องก็พลอยตื้นตันไปด้วย
“ไผ่ขอให้เจ๊กับเฮียมีสุขภาพแข็งแรง อยู่กับไผ่และทุกคนไปนานๆ นะจ๊ะ” แองเจิ้ลเอื้อมไปจับไหล่บางให้ลุกขึ้นแล้วดึงเข้ามากอด
“ขอบใจ” แองเจิ้งบอกเสียงสั่นเครือ ก่อนจะดันร่างบางออกห่าง ยื่นมือไปรับพวงมาลัยดอกมะลิหอมกรุ่นจากหญิงสาว
“ไผ่ขอบคุณเฮียกับเจ๊นะจ๊ะที่ดูแลไผ่มาอย่างดี แล้วก็คอยสั่งสอนให้ไผ่เป็นคนดีมาตลอด” หญิงสาวน้ำตาคลอพูดน้ำเสียงสั่นๆ
“แกเป็นเด็กดี จงรักษาความดีไว้นะนังไผ่หวาน มันจะเป็นเกราะคุ้มครองแกให้พ้นจากอันตรายทั้งหลายแหล่” มัลลิกาก้มลงกราบที่อกของแองเจิ้ลอย่างมีความสุข
“ทะลึ่งมาอวยพรให้ฉันทำไม วันแม่ไม่ใช่วันพ่อเสียหน่อย ไอ้นี่วอนโดนเตะซะแล้ว” อาติยะพูดติดตลก ยกเท้าขึ้นมาจะเตะก้นหญิงสาวเหมือนสมัยเด็กๆ
“อย่านะเฮีย ลองเตะมาสิหัวเฮียแตกแน่ๆ” แองเจิ้ลเอาตัวเข้ามาขวางไว้ คนตัวเล็กยิ่งได้ใจยักคิ้วให้อย่างยียวน ทำให้คนที่อยู่ในห้องพลอยหัวเราะไปด้วย
“จ้า ฉันไม่เตะมันก็ได้ แต่จะถีบมันแทน” ว่าแล้วอาติยะก็วิ่งไล่มัลลิกาไปรอบๆ แองเจิ้ลเท้าสะเอวมองพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ ไล่เตะก้นกันมาตั้งแต่เล็กยันโตก็เตะมันไม่ลงหรอกเฮียอาร์ตเอ๊ย
ร่างบางวิ่งตรงไปที่ประตู แล้วหันกลับมามองร่างผอมสูงที่ยืนเป็นหมาน้อยหอบแฮ่กๆ อยู่ข้างแองเจิ้ลภรรยาสุดสวย
“กลับมาให้ถีบซะดีๆ นังไผ่”
“เรื่องอะไรล่ะเฮีย วิ่งมากๆ ระวังหัวใจวายเจ๊แต่งงานใหม่ไม่รู้ด้วยนะ” หล่อนยักคิ้วให้ผู้มีพระคุณอย่างล้อเลียนก่อนจะเผ่นออกไปอย่างรวดเร็ว
“ไอ้นี่ปากมันร้ายขึ้นทุกวัน” อาติยะบ่นเบาๆ อย่างอ่อนใจ
“ไปทำงานได้แล้วเฮีย เดี๋ยวเรื่องนั้นค่อยคุยกันคืนนี้” แองเจิ้ลบอกเสียงหวาน แล้วหันไปสนใจนางรำที่จะขึ้นแสดงชุดต่อไป
“ไม่ได้ต้องคุยกันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นมันอาจจะช้าไปแองเจิ้ล” แองเจิ้ลหันไปมองสามี เห็นสีหน้าเคร่งขรึม ท่าทางขี้เล่นเมื่อสักครู่หายไปหมดสิ้น
แองเจิ้ลเดินตามหลังอาติยะเข้ามาให้ห้องทำงานที่อยู่ชั้นบนสุดของแบล็กกาล่า พอประตูห้องปิดลงร่างบอบบางก็เดิน
ไปกอดอาติยะจากด้านหลัง
“มีอะไรคะดูคุณเครียดๆ”
“มีคนพอใจนังไผ่หวานของเรา” อาติยะปลดมือบางออกแล้วหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับภรรยา
“ใคร?”
“นายใหญ่แห่งแบล็กกาล่า” อาติยะเอ่ยด้วยสีหน้าหนักใจไม่น้อย แองเจิ้ลนิ่งไปอย่างคาดไม่ถึงว่าวาติเน่จะมาชอบมัลลิกา
“เป็นไปได้ยังไง”
“เป็นไปแล้วและตอนนี้เขากำลังรอคำตอบอยู่ ถ้าไม่ได้เธอก็รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง” แองเจิ้ลเองก็ได้แต่ถอนใจ คิดถึงคนที่เธอรักเหมือนลูกในไส้แล้วก็อดสงสารไม่ได้
“มันจะเกิดมาไม่พ้นนางบำเรอเหมือนแม่มันหรือยังไงกัน” แองเจิ้ลสบถออกมาอย่างเกรี้ยวกราด มือบางกำเข้าหากันแน่น
“ไม่รู้จะทำยังไง อำนาจเขามีล้นฟ้า”
“ฉันจะให้นังไผ่หยุดทำงานที่นี่สักพักก็แล้วกัน เผื่อว่าเขาอาจจะลืมมันไปได้” แองเจิ้ลกับอาติยะก็ได้แต่ภาวนาให้เป็นแบบนั้น แต่ความสวยความสาวของมัลลิกา วาติเน่คงไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ อย่างที่คิด
“ถึงจะหนียังไงก็หนีไม่พ้นหรอกแองเจิ้ล เธอก็รู้ว่าเขายิ่งใหญ่แค่ไหน” สิ่งที่อาติยะพูดแองเจิ้ลเองก็รู้ดี คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามที่พรหมลิขิตก็แล้วกัน…
ขอบคุณที่ติดตามคร้า
