5.ครอบครอง
*** ทักทายคร้า กำลังสนุกเลยนะคะ ไปตามกันต่อเลยคร้า***
รถยุโรปคันหรูจอดนิ่งอยู่ข้างรั้วไม้เตี้ยๆ สีขาวที่กั้นอาณาเขตของบ้านชั้นเดียวสีครีมหลังกะทัดรัดกับโลกภายนอก ด้านหน้ามีสนามหญ้าประดับประดาด้วยหินรูปร่างต่างๆ ตั้งอยู่อย่างกลมกลืน ทางเดินที่ปูด้วยหินอ่อนสีขาวตัดผ่านไปถึงประตูบ้าน สองข้างทางมีดอกไม้กำลังชูช่อสวยงาม
ร่างสูงใหญ่นั่งอยู่เบาะหลังอ่านเอกสารเกี่ยวกับเจ้าของบ้านอย่างสนใจ ใบหน้าคมปรากฏรอยยิ้มให้เห็น อังเคิลมองเจ้านายหนุ่มผ่านกระจกหลังอย่างแปลกใจ…กับผู้หญิงคนอื่นไม่เห็นมานั่งเฝ้าแบบนี้สักที คนนี้คงมีอะไรพิเศษแน่ๆ คนทำหน้าที่เลขาและบอดี้การ์ดส่วนตัวยิ้มน้อยๆ มองร่างบางที่อยู่ในชุดทำงานสีสดใสเดินออกมา
เท้าเล็กที่ก้าวมาตามทางเดินหยุดชะงักเมื่อเห็นรถคันใหญ่คุ้นตาจอดนิ่งอยู่ใกล้กับรั้วบ้าน ร่างสูงก้าวลงจากรถยืนอยู่ด้านหน้า มีเพียงรั้วไม้เตี้ยๆ กั้นเขาและเธอเอาไว้
“หวัดดีตอนเช้าสาวน้อย” เขาทักทายเสียงอ่อนโยน มองใบหน้านวลเนียนของอีกฝ่ายอย่างคิดถึง เมื่อคืนกว่าเขาจะดับความร้อนรุ่มในตัวลงได้ทรมานแทบตาย และในชีวิตหนุ่มของวาติเน่ มาจิสัน ก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมีเสน่ห์มากพอที่จะทำให้เขาเร่าร้อนได้เท่ากับร่างบางที่ยืนเม้มปากอยู่ตรงหน้า
“มาทำอะไรมิทราบ” หล่อนถามห้วนๆ ไม่เกรงกลัวเขาเลยสักนิด
“มาเอาคำตอบ” เขาตอบสั้นๆ
“คำตอบคุณรู้อยู่แล้วนี่คะ ยังจะมาถามอะไรฉันอีก” หล่อนบอกใบหน้าบึ้งตึง วาติเน่เดินเข้ามาใกล้ เอื้อมมือไปจับมือบางไว้แล้วพาเดินไปที่รถ
“เรื่องนั้นเดี๋ยวค่อยคุยกัน”
“ฉันไม่ไปกับคุณนะ ฉันต้องทำงานปล่อยค่ะ” หล่อนบิดข้อมือออกจากมือใหญ่ แต่เขาไม่ยอมปล่อย
“จะไปส่งไง เร็วเข้าขึ้นรถ”
“ฉันไปเองได้ไม่ต้องมายุ่งเลยนายมาเฟีย” หล่อนบอกเขาเสียงขึ้นจมูก วาติเน่ยิ้มกับสรรพนามใหม่ที่เธอเรียก…มาเฟียเหรอ ถ้าเป็นจริงๆ เธอจะยอมให้มาเฟียอย่างเขาบังคับเหรอ
“รถเสียไม่ใช่เหรอ จะขึ้นดีๆ หรือจะให้อุ้ม เร็วขึ้นรถ” เขาขู่ดวงตาคมพราวระยับมองร่างบางที่กระฟัดกระเฟียดเข้าไปในรถ มัลลิกาขยับไปชิดประตูอีกข้างหนึ่งเพื่อเว้นระยะห่างระหว่างเขาและเธอ รถคันหรูค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปช้าๆ
“ว้าย! จะทำอะไรนายมาเฟีย ปล่อยนะ” ร่างบางลอยหวือขึ้นมานั่งอยู่บนตัก พร้อมกับที่วงแขนของชายหนุ่มกอดเอวบางเอาไว้แน่น
“ไปนั่งไกลขนาดนั้นจะคุยกันรู้เรื่องได้ยังไงล่ะ” เขาบอกเสียงนุ่ม มองพวงแก้มแดงระเรื่อสองข้างจนอดใจไม่ไหว ก้มไปหอมแก้มนวลฟอดใหญ่ทั้งซ้ายขาว มัลลิกาอ้าปากหวอยกมือลูบแก้มไปมา ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าอย่างอายๆ
“ทำอะไรรู้จักอายคนอื่นเขามั่งสิ นายไม่อายแต่ฉันอายนะ” เธอกระซิบบอกเขาเสียงเขียว วาติเน่ได้แต่หัวเราะเบาๆ อย่างครึ้มใจที่ได้ทำอะไรเธอบ้าง ไม่อย่างนั้นเขาคงทรมานมากกว่านี้
“ไม่ต้องอายหรอก นิโคกับอังเคิลมองไม่เห็น หูก็ไม่ได้ยินด้วย” ชายหนุ่มบอกยิ้มๆ แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้
นิโคสบตาอังเคิลอย่างขำๆ เอาเข้าไปเจ้านายเรา ไม่เคยเห็นยอมให้ใครสักที แต่กับคนตัวเล็กคนนี้เขาเรียกมาเฟียก็ยังยิ้มอีก เมื่อก่อนใครกล่าวหาว่าเป็นพวกเจ้าพ่อมาเฟียเห็นโมโหเขาไปทั่ว แกล้งให้ธุรกิจเขาขาดทุนจนแทบหมดตัวก็มี
“ถ้ามาด้วยแล้วทำแบบนี้ คราวหน้าจะไม่ยอมมาเด็ดขาด”
“นิดๆ หน่อยๆ น่าคุณจ๋า อีกหน่อยจะมากกว่านี้” เขากระซิบบอกเสียงพร่าพอได้ยินกันสองคน ทำให้แก้มนวลแดงก่ำยิ่งกว่าลูกตำลึงสุก
“บ้าที่สุด คนเขาไม่เต็มใจยังจะมาบังคับอีก” หล่อนบอกเสียงดุ หัวใจวาบหวามอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มที่ทรงเสน่ห์อย่างร้ายกาจคนนี้
“แล้วเมื่อไหร่จะเต็มใจยอมมีอะไรด้วยซะทีล่ะ เท่านี้ก็ทรมานกันจะแย่อยู่แล้ว” เขาพูดเบาๆ ที่ข้างหูแล้วขบเม้มใบหูเล็กจนเธอขนลุกซู่ไปทั้งตัว ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากมาตามดวงหน้าหวานแล้วจูบไซ้อย่างหลงใหล จนร่างบางอ่อนระทวยอยู่ในวงแขนอุ่น
ริมฝีปากหนาสำรวจเรียวปากบางของเธออย่างอ่อนโยน ความอ่อนหวานเร่าร้อนแทรกซึมไปทั่วกายคนทั้งสอง มือบางทุบไปที่อกกว้างเมื่อเขาไม่เว้นจังหวะให้เธอได้หายใจหายคอ…วาติเน่หัวเราะหึๆ อย่างถูกใจ มัลลิกาทุบอกกว้างกำยำแรงๆ จนเขาต้องจับมือเธอขึ้นมาจูบแทน
“เจ็บนะคุณ”
“ก็อยากให้เจ็บนั่นแหละ จะได้รู้ว่าคนอื่นเขาก็มีหัวใจมีศักดิ์ศรีเหมือนกัน แล้วเงินของคุณก็ซื้อสิ่งนี้ไม่ได้ด้วย จำไว้” ภายในรถเงียบกริบเมื่อหญิงสาวหยุดพูด นิโคกับอังเคิลสบตากันยิ้มๆ อย่างรู้กัน สิ่งพิเศษที่อยู่ในตัวผู้หญิงคนนี้คือความเป็นตัวของตัวเองและไม่เกรงกลัวนายของพวกเขานั่นเอง
“ครับผมจะจำไว้ว่า นางสาวมัลลิกา คทารักษ์ ซื้อด้วยเงินไม่ได้ นอกจากจะซื้อด้วยหัวใจ”
มัลลิกาอ้าปากค้างที่เขาอ่านความคิดของเธอออกทั้งหมด เหมือนเขาเข้าไปนั่งอยู่ในนั้นก็ว่าได้ เอ หรือว่าเขาเข้าไปอยู่ในใจเธอเข้าให้แล้ว
“ไม่ใช่เฉพาะฉัน คนอื่นก็ด้วย นายถูกใจแล้วเที่ยวไปซื้อคนนั้นคนนี้แบบนี้ไม่ได้” หล่อนบอกเขาอายๆ เมื่อดวงตาคมมองเธออย่างวาบหวาม
“ก็เจอคนที่ใช่แล้ว คงไม่ต้องไปซื้อผู้หญิงคนไหนอีก” เขาบอกพร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น หน้าเนียนซบกับอกกว้าง จนกระทั่งรถวิ่งเข้ามาจอดหน้าโรงเรียนสอนดนตรีแทมมี่ลีลาศ
“เย็นๆ จะมารับ รอนะ” วาติเน่ดันร่างบางออกห่างอย่างเสียดาย
“ไม่ต้อง ฉันกลับเองได้” มัลลิกาสบตาคมที่มองมาอย่างประหม่าเมื่อเห็นแววตาบางอย่างของเขา
“อย่าดื้อ…ถ้าดื้อจะถูกลงโทษ” เขาบอกเสียงนุ่ม มัลลิกาย่นจมูกใส่คนตัวโตอย่างน่ารัก ก่อนจะก้าวลงจากรถ บอดี้การ์ดร่างใหญ่เปิดประตูรอ สายตาคมมองร่างบางจนหายลับไปข้างใน ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องคนสนิท
“ไปแบล็กกาล่าก่อนนะอังเคิล” สารถีเลี้ยวรถไปตามคำสั่งทันที…
ถนนท่องราตรีในตอนกลางวันช่างเงียบเหงานัก ผีเสื้อกลางคืนต่างหลับใหล หน้าร้านที่เคยมีสาวสวยนุ่งน้อยห่มน้อยนั่งอยู่ ตอนนี้มีเพียงเก้าอี้ว่างเปล่ากับขวดเบียร์ล้มอยู่บนโต๊ะ
ร่างสูงเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบนสุดของแบล็กกาล่าเพื่อไปคุยธุระบางอย่างกับอาติยะและแองเจิ้ล ผู้ปกครองของมัลลิกา
