บทที่ 15 ปีศาจปรากฎตัว
พวกชาวบ้านต่างสะดุ้งเหลียวมองหน้ากันเลิกลัก เพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานทำให้หลายๆ คนได้เห็นสองพี่น้องที่มาจากต่างถิ่น เลโกลัสและคาริน ชายหนุ่มผู้มีสีผมและดวงตาสีน้ำเงิน กับเด็กสาวผมสีน้ำตาลอ่อนที่ได้รับบาดเจ็บ ทำไมพวกเขาจึงถูกตามล่า?
“ว่ายังไง? ข้าได้ให้พวกทหารโอบล้อมไว้หมดทั้งเกาะแล้ว ถ้าพวกเจ้าปิดบังล่ะก็ ข้าจะเผาเด็กพวกนี้หมดทุกคน! ทหาร!! เอาฟางกับกิ่งไม้ล้อมพวกเด็กๆ ไว้แล้วเอาน้ำมันมาราด เตรียมจุดไฟ!”
“แต่ท่าน...นี่ยังเด็กอยู่เลยนะครับ!! ดูยังไงก็ไม่น่าจะมีเด็กสาวคนนั้น” ทหารคนหนึ่งแย้งขึ้น มองเด็กตัวเล็กๆ หลายคนที่กำลังร้องไห้และพยายามที่จะเดินไปหาแม่ ซึ่งนั่งร้องไห้คร่ำครวญและพยายามที่จะฝ่าวงล้อมของทหารออกมาหาลูกตัวเองเช่นกัน
“ไอ้โง่...ก็เพราะมันได้พลังจากร่างทรงน่ะสิ พวกเจ้าเลือกเอา! จะช่วยเด็กคนนั้น...คนที่พวกเจ้าไม่รู้จัก หรือจะเลือกชีวิตของตัวเอง!”
“ไอ้พวกชั่ว! รังแกคนไม่มีทางสู้!!” ชายคนหนึ่งตะโกนออกมา ถีบทหารที่ยืนคุมเชิงไว้ล้มลง เมื่อเห็นพวกมันทำตามคำสั่งของเจ้าหัวหน้าโดยการเอากิ่งไม้และฟางมาก่อล้อมเด็กๆ ไว้ และถือคบเพลิงรอคำสั่งอยู่อย่างโหดเหี้ยม
“แก!”
ฉัวะ!
ทหารที่ถูกถีบลุกขึ้นตวัดดาบลงกลางหน้าอกของชาวบ้านคนนั้นด้วยความโมโห ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของทุกคนที่เห็นเพื่อนบ้านถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา
“ไม่บอกใช่ไหม! เฮ้ย! จุดไฟเผาเด็กๆ ตรวจดูเด็กผู้หญิงทุกคนใครมีแผลให้แยกตัวออกมา ฆ่าพวกมันทุกคนอย่าให้เหลือ เราจะโยนความผิดให้ปีศาจ!!”
เจ้าหัวหน้าตะโกนสั่งแล้วเดินไปนั่งเต๊ะจุ๊ยรออยู่บนหลังเจ้านกยักษ์ มองภาพความโกลาหลเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้ม ถ้าเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่อยู่ในหมู่บ้านนี้ มันก็คงจะหนีไปได้ไม่ไกล เสียดายที่สอบเค้นเอาความลับจากโจรคนนั้นได้เพียงแค่นี้ จึงทำให้เสียเวลาและเสี่ยงต่อการถูกตรวจสอบจากประเทศต่างๆ ที่ทำปฏิญญากันไว้
“มัน...เป็นเด็กผู้หญิง...มัน...เรียกชื่อพี่ชาย...ให้...มา...ช่วย...แล้ว...พวกข้า...ก็...เห็น...ปีศาจ...อยู่บน...บน...ท้องฟ้า...โอย...แฮ่กๆ”
“พี่ชายมันเรอะ! พี่ชายมันชื่ออะไร? บอกมาเร็วเข้า!”
“เล...โก...ลัส!...โอย...ข้า...กลัว...กลัว...ขะ....อ่อก”
นึกถึงตรงนี้แล้วทำให้หัวหน้าโจรหัวเสียไม่น้อย เด็กผู้หญิงคนนั้น ต้องมีอะไรเกี่ยวพันกับปีศาจที่พวกโจรเห็นแน่ๆ และไม่รู้ว่าเจ้าพี่ชายที่ชื่อเลโกลัสนั้นอยู่ที่ไหน เพราะไม่รู้ชื่อของนังเด็กนั่นพวกเขาจึงต้องเสียเวลาควานหาตัวมันนานกว่าเดิม
อ๊าก!! ฉัวะ! โครม!
กรี๊ด! ตึงๆๆๆๆๆ
“อย่า! อย่าทำพวกเขาเลย ฮือๆๆๆๆ ปล่อยพวกเด็กๆ เถอะ ฮือๆๆๆๆ”
“ถอยไป!” ทหารที่โหดเหี้ยมผลักแม่ของเด็กๆ ออกไป แล้วยื่นคบไฟไปที่กองฟางทันที
พรึบ!!
ไฟลุกพรึบในขณะที่เด็กๆ ร้องไห้สำลักควันกันระงม เด็กผู้หญิงถูกทำร้ายด้วยการถูกพวกมันดึงทึ้งเสื้อผ้าเพื่อหาร่องรอยการบาดเจ็บ พวกชาวบ้านที่ลุกฮือต่อสู้ถูกฟันจนล้มลงคนแล้วคนเล่า
เป็นฝันร้ายที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตา...ทหารหลายคนที่ใจไม่แข็งพอ ต่างพากันเบือนหน้าหนีเมื่อเห็นกองไฟกำลังล้อมเด็กตัวน้อยๆ เอาไว้
พรึบ!!
“โอ๊ะ!!”
จู่ๆ ลมก็พัดมาวูบหนึ่ง ทำให้ไฟที่กำลังปะทุขึ้นดับมอดลงจนสนิท สร้างความแตกตื่นให้กับพวกทหารที่กำลังกระทำการอันชั่วร้าย นกยักษ์ของพวกมันต่างส่งเสียงร้องกี๊ดๆ และกระพือปีกขึ้น ราวกับกำลังจะหนีอะไรสักอย่างที่ทำให้พวกมันกลัวจนเสียสติ
เกิดเงามืดปกคลุมท้องฟ้า นกที่เกาะอยู่ตามต้นไม้แตกฮือส่งเสียงร้องน่ากลัว ลมพัดแรงจนกิ่งไม้ใบหญ้าปลิวว่อน พวกชาวบ้านต่างพากันเข้าไปช่วยเหลือเด็กและผู้หญิงออกมาเมื่อพวกทหารยังยืนตะลึงจังงังตาค้างกันอยู่ โชคดีที่ไม่มีเด็กคนใดได้รับบาดเจ็บ นอกจากร้องไห้เพราะหวาดกลัวและเสียขวัญ
“เฮ้ย! ช่วยกันจับนกยักษ์ไว้!” หัวหน้าทหารตะโกนสั่งลูกน้อง เมื่อพาหนะของพวกเขาพากันบินขึ้นท้องฟ้าไปจนเกือบหมด
“เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย!!”
“อะ...อะไร...อะไรออกมาจากตรงนั้น!!” ทหารคนหนึ่งชี้ไปที่พุ่มไม้ใหญ่ด้วยนิ้วมืออันสั่นเทา ตัวสั่นเทิ้มเมื่อมองเห็นเงาดำขนาดใหญ่คืบคลานเข้ามาในหมู่บ้าน เหมือนอุปาทานได้ยินเสียงน่ากลัว คำพูดของเขาทำให้เพื่อนทหารทุกคนต่างมองตามอย่างตกตะลึง
พวกชาวบ้านต่างจูงมือกันวิ่งเข้าไปหลบเมื่อเห็นว่าพวกทหารไม่ได้สนใจพวกตนแล้ว สิ่งที่พวกมันเห็น พวกเขาก็เห็นไม่ต่างกัน บรรยากาศน่ากลัวตอนที่พวกทหารเหยียบย่างเข้ามาเทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกที่สัมผัสได้ในตอนนี้
เคด้าและเบลล่าแอบมองอยู่ตรงช่องหน้าต่างด้วยใจที่เต้นระทึก พวกทหารที่ยืนอยู่อ้าปากค้างเหมือนถูกสาป ไม่เหลือเค้าความโหดร้ายป่าเถื่อนเหมือนตอนเข้ามาถึงใหม่ๆ
ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!
เสียงย่ำเท้าดังใกล้เข้ามา ก่อนจะหยุดการเคลื่อนไหวและสิ่งที่พวกเขากำลังจับจ้องอยู่ก็ก้าวออกมาจากเงามืด
“โอ๊ะ!”
“ไง? พวกเจ้าใช่ไหมที่กำลังตามหาน้องสาวของข้า มีธุระอะไรกับเธอจนถึงกับต้องทำร้ายเด็กตัวเล็กๆ แบบนี้” เสียงทุ้มต่ำดังมาจากร่างสูงที่ก้าวออกมายืนตระหง่านอยู่กลางวง ชายหนุ่มแปลกหน้าที่มีผมสีน้ำตาลอ่อนยาวระบ่า ดาบที่เหน็บอยู่กลางหลังตรงด้ามสลักรูปมังกร ดวงตาวาวโรจน์และแดงก่ำดั่งเปลวเพลิง
“แกเป็นใคร!? มาจากจอร์จิน่าเรอะ!?"
“ข้านี่แหละเลโกลัส!! หนึ่งในคนที่พวกเจ้าพูดถึงยังไงล่ะ”
เจ้าของโรงแรมหันไปสบตากับภรรยาด้วยความตื่นตระหนก เมื่อได้ยินชายแปลกหน้าที่มาพร้อมกับความน่ากลัวประกาศตนว่าเขาคือเลโกลัส พี่ชายของคาริน ทั้งๆ ที่เลโกลัสอีกคนเพิ่งพาเด็กสาวออกไปจากหมู่บ้านเมื่อคืนนี้
“เฮ้ย! พวกเรามีธุระกับน้องของแก ไม่ใช่แก!” หน้าหน้าทหารตั้งสติได้ก่อน เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ปีศาจหรืออสูรกายน่ากลัวอย่างที่คิดกันแต่แรก แม้จะทึ่งตะลึงจังงังกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้จนก้าวขาไม่ออกก็ตาม
“น้องของข้าก็คือข้า!” เลโกลัสชักดาบของเขาออกจากฝัก
“พูดอะไรของแกวะ! ส่งนังนั่นมาซะดีๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ไม่งั้นข้าจะฆ่าพวกชาวบ้านให้หมด!!”
“พวกแกไม่มีวันเข้าใจ บอกแล้วนะน้องของข้าก็คือข้า คิดหรือว่าจะได้ตัวเธอไปง่ายๆ”
“ไม่ต้องไปฟังมัน! ลุย!”
ย้าก!!
ทหารหลายสิบนายกรูเข้าไปหาเจ้าหนุ่มที่บังอาจทำให้พวกเขาแตกตื่นในตอนแรก เลโกลัสตวัดดาบไปครั้งหนึ่ง ตีลังกาวาดขาเตะเจ้าคนที่จะมาถึงตัวก่อนอย่างคล่องแคล่วจนพวกมันมองไม่ทัน ล้มลงไปถึงสองคน
ฉัวะ!!
อึก! อ๊าก!!
เขากระโดดหมุนตัวหลบดาบหลายสิบเล่มที่พวกมันพยายามแทงเข้ามา ไถลตัวลงกับพื้นใช้ขาเตะน่องของฝ่ายตรงข้ามจนมันล้มลงระเนระนาดไปตามๆ กัน
“รีบฆ่ามันสิไอ้พวกโง่!! ทำอะไรกันอยู่วะ ไม่เห็นเรอะว่ามันเป็นแค่ไอ้เด็กหนุ่มปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม” หัวหน้าทหารตะโกนสั่งมาจากนกยักษ์ที่เขายังนั่งคร่อมอยู่ ไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหน เมื่อเห็นลูกน้องพลาดท่าและนกยักษ์หลายตัวได้บินหนีไป เขาผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าก็สมควรจะมีชีวิตรอดนำข่าวไปบอกท่านเฮ็ดจ์ ซึ่งเป็นผู้ปกครองนครเทอร่าหากสู้ไอ้หนุ่มคนนี้ไม่ได้จริงๆ
เลโกลัสเก็บดาบใส่ฝักและห้อยมันไว้ที่หลังตามเดิม ขณะที่พวกทหารกำลังพยุงตัวลุกขึ้น และพร้อมใจกันวิ่งเข้ามาหาเขาอีกครั้ง
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
“เฮ้ย!”
พวกทหารตกใจเมื่อดาบเลื่อนหลุดออกจากมือตกลงสู่พื้นดินกันถ้วนหน้า ก่อนที่มันจะค่อยๆ ย่อยสลายลงไปกลายเป็นเพียงเศษผงที่ปลิวไปตามลม
“อะไรกันนี่? แกเป็นปีศาจเรอะ!?”
