บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 หนี

ชายหนุ่มปล่อยให้หมอและเจ้าของบ้านล่วงหน้าไปก่อน กระทั่งสองคนนั้นทิ้งช่วงห่างพอสมควรแล้วเขาก็ดึงมือของหญิงสาวขึ้นมาพิศดูใกล้ๆ อีกครั้ง

ฝ่ามือเล็กๆ ของเธอไม่มีรอยพุพองใดๆ ราวกับปาฏิหาริย์ ทั้งๆ ที่เวลานั้นร่างกายของเขาร้อนเป็นไฟ แม้กระทั่งผักที่เคด้าถือมายังเหี่ยวเฉาลงในพริบตา

มือของเคด้าคงจะพองและแสบไปอีกหลายวัน โชคยังดีที่สัมผัสแบบถากๆ จึงได้แผลเพียงแค่นั้น คารินต่างหากที่ทำให้เขาสะกิดใจ

“ขอโทษนะที่ทำให้เจ้าต้องกังวล ข้าผิดเองที่ไม่ได้บอกเจ้าก่อนจะออกมา แล้วได้กินอะไรบ้างหรือยัง?”

“อือ...” หญิงสาวผงกศีรษะตอบรับ

“ข้อเท้าล่ะ...ยังเจ็บอยู่ไหม?”

ครานี้เธอสั่นศีรษะ ขืนบอกความจริงว่าเจ็บจนจะเดินไม่ไหว อาจจะโดนดุเอาก็ได้ว่าไม่รู้จักระวังตัว

“ยังไงก็ให้หมอดูให้หน่อยแล้วกัน ถ้าได้กินยาคงจะหายเร็วขึ้น”

“อือ...อือ!” หญิงสาวยิ้มบางๆ มองหน้าชายหนุ่มที่ไม่ใช่คนแปลกหน้าอีกต่อไป อย่างน้อยเขาก็ยังไม่ทิ้งเธอไว้

ขอแค่ช่วงเวลานี้...ที่เธอไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว...ก็เพียงพอแล้ว...

มหานครเซก้า

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

“เรเชล! เรเชล! เปิดประตูหน่อยสิ ลูกไม่ได้ออกมาจากห้องหลายวันแล้วนะ”

มิเกลทุบประตูห้องนอนของบุตรสาว หลายวันมาแล้วที่เรเชลเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ยอมออกจากห้องนี้ แม้ว่าจะถูกกักบริเวณแต่ใช่ว่าเทอร์ดัมผู้เป็นบิดาจะขังเธอไว้แต่ในห้องสี่เหลี่ยม นับแต่เรเชลต้องสูญเสียดวงตาสวรรค์จนไม่อาจพยากรณ์ได้เหมือนเก่า แม้ไม่ใช่ความผิดของบุตรสาว แต่การทำนายครั้งสุดท้ายของเรเชลทำให้ทุกคนมีความหวังและเฝ้ารอวันที่จะได้ครอบครองอสูรสงคราม แต่หลังจากวันนั้นแล้ว หญิงสาวก็ไม่สามารถมองเห็นภาพอนาคตได้อีกเลย เมื่อสูญเสียพลังนั้น เรเชลก็ถูกกดดันจากบิดาและประชาชน ส่งผลให้ต้องเก็บตัวอยู่ในห้องและปฏิเสธทุกคนที่ต้องการพบเธอ

“พังประตูเข้าไป” มิเกลร้องสั่งทหารติดตามเมื่อเห็นว่าบรรยากาศเงียบวังเวงผิดปกติและไร้เสียงขานรับของบุตรสาวดังเช่นทุกครั้ง ทหารรูปร่างกำยำสามนายพร้อมใจกันผลักและดันบานประตูเต็มกำลัง เมื่อสามารถเปิดมันได้แล้ว มิเกลก็ก้าวเข้าไปด้วยลางสังหรณ์ที่ไม่สู้ดีนักเมื่อไม่มีร่างของเรเชลอยู่ที่นี่เช่นเคย ทั้งหน้าต่างก็ถูกเปิดทิ้งไว้ ผ้าม่านปลิวไหวด้วยแรงลม ซึ่งคงจะเป็นช่องทางที่เรเชลปีนออกไปนั่นเอง

“ท่านมิเกล ท่านเทอร์ดัมมาครับ” ทหารที่ยืนเฝ้าตรงประตูร้องบอกหน้าตื่น แล้วพวกเขาก็ถอยออกไปยืนข้างนอกเมื่อร่างสูงใหญ่ของเจ้าเมืองเดินหน้าตึงเข้ามา

“เกิดอะไรขึ้น ข้าได้ยินว่าเรเชลหายตัวไป” เทอร์ดัมมองสำรวจไปรอบๆ ห้อง แม้ทุกอย่างจะดูเรียบร้อยดีแต่คนที่เขาต้องการพบกลับไม่อยู่ ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยออกจากห้องนี้เลยนับตั้งแต่เกิดเรื่องครานั้น

“ค่ะ...ข้าให้คนตามหาอยู่”

เพียะ!

เขาตบภรรยาจนหน้าหัน เสียงฝ่ามือหนากระทบผิวแก้มของนาง ดังจนทหารและคนรับใช้ที่ยืนอยู่หน้าประตูต้องหันมามอง ก่อนจะรีบหันกลับไปทำหน้าที่ของตนเมื่อสบตาคมเข้มของท่านเจ้าเมือง ที่ขึ้นชื่อว่าชอบใช้กำลังกับภรรยาและลูก อันเป็นภาพที่พวกเขาเห็นอยู่เนืองนิตย์ กระนั้นสตรีทั้งสองก็ไม่เคยตอบโต้ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวเลยสักครั้ง

“เฝ้ากันยังไงถึงปล่อยให้เธอหนีไปได้ หรือเพราะข้าไม่ได้ล่ามโซ่นางไว้!”

“เรเชลเป็นลูกของเรานะคะ ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงถึงต้องทำกับเธอแบบนั้น” มิเกล โต้กลับเป็นครั้งแรก ดีใจลึกๆ ที่ลูกสาวของนางหนีไปได้ แม้จะเป็นห่วงแต่นางก็เตรียมแผนสำรองไว้แล้ว

“ข้าหรือที่เป็นต้นเหตุ! ลูกของเจ้าต่างหากที่ทำตัวเอง ฮึ่ม! คอยดูนะ ได้ตัวกลับมาเมื่อไหร่ข้าจะรีบส่งเธอไปให้ท่านอัลเชอร์ทันที ไม่ต้องทำพิธงพิธีมันแล้ว!”

“เรเชลยังไม่พร้อมท่านก็รู้ นางไม่อาจรับตำแหน่งนั้นได้ตราบใดที่ยังไม่ได้ดวงตาสวรรค์กลับคืนมา”

มิเกลพยายามหาเหตุผลมาหว่านล้อมสามี เพราะสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกสิบห้าวันข้างหน้า คือพิธีแต่งงานของท่านอัลเชอร์ ผู้ปกครองนครเซก้า กับเรเชล บุตรสาวของนาง ซึ่งสิ่งที่เจ้าของประเทศต้องการก็คือพรสวรรค์ของเรเชลซึ่งมีค่ามหาศาล แลกกับการขึ้นสู่อำนาจทางการเมืองของเทอร์ดัม

“พร้อมหรือไม่ตอนนี้มันก็ไม่สำคัญแล้ว ทุกประเทศกำลังเคลื่อนไหว ไม่มีใครรู้ว่าเราล้ำหน้าไปหนึ่งก้าว เราเท่านั้น!...ที่รู้ว่าร่างทรงเป็นมนุษย์และอยู่ที่ไหน แค่นี้ก็เพียงพอที่ท่านอัลเชอร์จะยกตำแหน่งภรรยาให้นางโดยไม่ต้องพึ่งพรสวรรค์นั้นอีกแล้ว!”

เจ้าเมืองเซก้ากระซิบเสียงดุดันจับไหล่ทั้งสองข้างของภรรยาเขย่าแรงๆ จนร่างผอมบางของนางเซถลาไปชนผนังห้อง ส่วนตัวเขาเองเดินกระแทกส้นเท้าออกไป ทิ้งให้หล่อนนั่งตัวสั่น พยายามสะกดกลั้นอารมณ์จากการกระทำหยามเกียรติของสามีครั้งแล้วครั้งเล่า นับตั้งแต่แต่งงานอยู่กินด้วยกันมากว่าสามสิบปี

เรเชลขยับตัวทันทีที่ได้ยินเสียงม้าและเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา ตามด้วยเสียงตะโกนโหวกเหวกของคนที่บิดาส่งออกมาตามล่าเธอ หญิงสาวนั่งอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ลำต้นสูงและมีพุ่มไม้ที่เตี้ยกว่าบังไว้จนคนข้างล่างไม่อาจมองลอดขึ้นมาเห็นได้ คนพวกนั้นจะต้องตามรอยเท้าที่เธอทำไว้ตั้งแต่ทางออกของเมืองไปยังท่าเรือ ต้องเจอเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่เมื่อวานนี้อยู่ในพงหญ้า ซึ่งพวกเขาจะต้องลงเรือออกตามหาจนสุดหล้าฟ้าเขียวแน่นอน หรืออย่างน้อยก็หลงทางเสียเวลาไปอีกหลายวันโดยไม่รู้ว่าเธอแอบหลบอยู่ที่นี่

อีกสิบห้าวัน เธอจะต้องเข้าพิธีแต่งงานกับท่านอัลเชอร์ ชายที่เธอไม่เคยรัก และเขาก็อ่อนแอเกินไปจนถูกบิดาของเธอควบคุมอำนาจทางอ้อม และคิดจะครองเซก้าโดยใช้เธอเป็นสะพานไปถึงดวงดาว

เสียงร้อง เสียงตะโกนโหวกเหวก และความชุลมุนวุ่นวายเริ่มห่างออกไป ความเงียบสงบของผืนป่ากลับมาดังเดิมและท้องก็เริ่มร้องจ๊อกๆ ก่อนหน้าที่จะหนีออกมา เธอตุนอาหารแห้งที่มารดายกไปให้ที่ห้องไว้มากโข แล้วก็เริ่มทำตัวเป็นคนเกเร แสร้งเทมันทิ้งไว้ในถุง ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นถุงใส่เสบียงที่มิเกลรู้เห็นเป็นใจนำมาให้ตั้งแต่ถูกกักบริเวณวันแรก

มิเกล มารดาของเธอช่างน่าสงสารนัก นางต้องแสดงบทบาทของมารดาที่ร้ายกาจให้คนในคฤหาสน์เชื่ออย่างสนิทใจ เพื่อมิให้ถูกสงสัยโดยคนของท่านพ่อที่มีอยู่เต็มเมือง ชีวิตของแม่และเธอเหมือนไม้ประดับ เป็นเพียงเครื่องมือแสวงหาอำนาจของบิดาเท่านั้น

หญิงสาวคลี่ถุงย่ามออก หยิบอาหารแห้งที่ห่อมาด้วย แล้วเริ่มต้นกินอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่ต้องห่วงภาพพจน์หรือวางมาดเป็นกุลสตรีเหมือนตอนที่อยู่ในเมือง เธออึดอัดจะแย่ที่ต้องวางมาดเป็นนางพญาสูงส่ง โดยที่ไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเองเลย

เมื่อท้องอิ่ม เรี่ยวแรงก็เริ่มมา อาหารที่ตุนไว้เพียงพอที่จะทำให้มีชีวิตอยู่ได้อีกอย่างน้อยสามวัน แต่หลังจากสามวันนี้แล้ว เธอคงจะหาอะไรประทังชีวิตในเซก้าไม่ได้อีก มีทางเดียวคือต้องออกจากที่นี่เร็วที่สุด

เธอสะพายย่ามด้วยความฮึกเหิม การแต่งกายทะมัดทะแมงซ่อนรูปร่างงดงามไว้ภายในแต่ก็ทำให้คล่องตัว และพร้อมสำหรับการเดินทางไกล แม้จะไม่เก่งกาจเทียมเท่านักรบ ก็คงจะสามารถเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์คับขันได้บ้าง

หญิงสาวค่อยๆ ไต่กิ่งไม้ลงมา เพราะความสูงของมันทำให้เธอต้องใช้เวลาพอสมควร ทันทีที่เท้าถึงพื้นดิน ร่างงามก็ถูกดึงด้วยมือของใครคนหนึ่งจนเซถลา ปากก็ถูกมืออีกข้างหนึ่งตะปบไว้ไม่ให้ส่งเสียงร้อง

“อุ๊บ! อึก!” เธอดิ้นด้วยความตระหนก ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา เมื่อร่างกายเป็นอิสระเธอก็หันไปเล่นงานอีกฝ่ายทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel