8.ดั่งดวงใจที่หลุดลอย EP2.
น้ำเย็น ๆ ถูกยกมาวางลงตรงหน้าของนายชะเลงศักดิ์ และเขา ตัถย์ธีรา แต่ทว่า เขาหาได้เย็นลงเหมือนน้ำตรงหน้าไม่
“ พ่อมาเรื่อง ตลาดที่ลูกไปติดต่อเอาไว้..”
เขาช้อนสายตามองหน้าพ่อ
“ ญี่ปุ่นกับสิงคโปร์ครับพ่อ เขาตกลงรับซื้อกาแฟของเรา แต่ว่า..”
“ ธีไม่มีกระจิตกระใจที่จะทำงานใช่ไหม..”
เขานิ่งเงียบไปชั่วครู่
“ สองประเทศ ต้องการกาแฟ ไม่เหมือนกันครับพ่อ..”
นายชะเลงศักดิ์ยกน้ำเย็นขึ้นดื่ม
“ อย่างไรล่ะ แล้วเป็นปัญหาไหม มีปัญหาอะไรที่ลูกหนักใจหรือเปล่า..”
เขาส่ายหน้า พร้อมกับยกมือข้างหนึ่งพาดวางยาวไปตามพนักพิงของโซฟาตัวหนึ่ง แล้วทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง
“ ญี่ปุ่นสั่งกาแฟอาราบิก้า คั่วแบบอ่อน ประเภทซินนะมัน หรือสีอบเชย ส่วนสิงคโปร์สั่งแบบการคั่วเป็นสีน้ำตาลเข้ม การคั่วที่มีน้ำมันเคลือบติดผิวเมล็ดกาแฟ ที่เรียกว่า แฟร็นซ์โรสท์..”
“ ก็นับว่ายากพอสมควรสำหรับขั้นตอนการคั่ว เพราะคนงานถนัดคั่วกาแฟเอสเปรสโซ ส่งให้สหรัฐฯ..”
นายชะเลงศักดิ์สังเกตสีหน้าและแววตาของลูกชายคนนี้ ซึ่งเขาเป็นลูกคนที่สองของครอบครัว คนโตเป็นผู้หญิง สาวสังคมชั้นสูง ชื่อ มณีมณฑ์ คนที่สองก็เขานี่แหละ ส่วนลูกคนที่สาม ชื่อ อธิน เอาการเอางานไม่แพ้นายตัถย์ธีราคนนี้หรอก แต่ต่างกันที่ตรงนิสัย ตัถย์ธีรา นิ่งขรึม ยากที่จะเดาใจ อธิน โผงผางเปิดเผย
และคนที่สี่คือชโยทิต เป็นหนุ่มเจ้าสำราญไม่ชอบทำกิจการของครอบครัว ชอบอยู่ในวงการมายา แล้วหลงใหลการแต่งหน้า การปลอมแปลงใบหน้า
การที่นายชะเลงศักดิ์ชวนตัถย์ธีราพูดคุยเรื่องงานเป็นเพียงส่วนประกอบ เป้าหมายจริง ๆ ของการมาที่ไร่ก็คือเรื่องของภาวมาลานั่นเอง
“ พ่อมานี่ เพื่อมารับภาวมาลาไปส่งให้พ่อกับแม่ของเธอ..”
เขาหันขวับกลับมามองหน้าพ่อของเขาแทบทันท่วงที
“ ผู้หญิงเลว ๆ คนนี้เป็นสิทธิ์ขาดของผม ไม่มีใครมีสิทธิ์ ถ้าหากยุ่งกับผมอีก ผู้หญิงคนนี้จะต้องกลายเป็นศพ..”
นายชะเลงศักดิ์ถอนใจเฮือก
“ พ่อจะพักอยู่ที่นี่สัก สอง สามวัน พ่อได้ยินคนงานบอกว่า ธีสั่งโค่นต้นกาแฟทิ้งเป็นสิบ ๆ ไร่..”
เขาเองชักไม่ค่อยเข้าใจพ่อของเขาเองนัก เพราะไม่รู้ว่า การที่พ่อของเขาพูดวกไปวนมานี่เพื่ออะไร
“ สิบกว่าปีแล้ว ผลผลิตมันลดน้อยลง ผมก็ให้เขาเพาะพันธุ์ขึ้นมาใหม่ บางส่วนก็อายุได้ 1 ปีแล้ว ก็ย้ายจากแปลงอนุบาลไปลงแปลงที่เตรียมไว้ ส่วนอีกที่หนึ่งอายุ 4 ปีแล้วสามารถที่จะเก็บผลผลิตแทนต้นที่โค่นลงได้ ผมก็สั่งเก็บส่งเข้าโรงงาน คัดผลแล้วนำไปล้าง ลอกเปลือกแล้วก็คัดเลือกเมล็ดอีกครั้งก่อนคั่วส่งขายต่อไป..”
“ เหนื่อยไหมล่ะลูกที่ไร่นี่ กลับไปที่บริษัทดีกว่า พ่อจะให้อธินมาอยู่ที่ไร่เอง..”
เขาส่ายหน้าช้า ๆ
“ พ่อครับ ภาวมาลา เป็นผู้หญิงของผม ผมมีสิทธิ์ที่จะทำอย่างไรก็ได้ เพื่อให้สมกับสิ่งที่เธอทำกับผม เมื่อผมสะใจแล้ว รับรองจะส่งคืน แต่ถ้าพ่อห้ามผม ขัดขวางผม ผู้หญิงคนนั้นจะถูกทำร้ายอย่างสาหัสก่อนถูกส่งกลับ..”
“ แล้วที่ลูกทำอยู่นี่ไม่ทำร้ายเธออย่างสาหัสหรือธี..”
เขาตัดบทด้วยการก้าวจากไปอย่างรวดเร็ว ทำให้นายชะเลงศักดิ์ได้แต่ยืนมองด้วยความกลัดกลุ้มใจ ส่วนเขาเดินมาหาส้มหวานพร้อมกับถามหาเธอ แล้วลากตัวเธอขึ้นรถกลับไปส่งที่ไร่ ใช้เธอทำงานตามเขากำหนดต่อไป อย่างไม่คิดจะใส่ใจดูแลอีกเลย
ฝ่ามือใหญ่บีบแก้วเหล้าในมือกำแน่น เมื่อนึกถึงภาพในอดีตที่แสนหวาน แล้วก็ต้องกล้ำกลืนกับความเสียใจอย่างหนักกับการกระทำของผู้หญิงที่เขามองเห็นอยู่ไกล ๆ เหล้าในแก้วถูกสาดลงคออย่างรวดเร็วก่อนที่ปลายเท้าหนัก จะก้าวเดินไปเบื้องหน้า
“ ฉันให้เธอมาทำงาน ไม่ได้ให้มาเดินสูดดอมดมกลิ่นของดอกกาแฟ..”
ภาวมาลา วางมือมาข้างลำตัวแทนการเชยชมดอกของกาแฟที่มีสีขาว แล้วหอม มันมีดอกออกมาตามกิ่ง แต่ว่าแต่ละแปลงจะออกดอกไม่พร้อมกัน บางแปลงที่เธอเห็นดอกมันเริ่มร่วงแล้วมีผลสีเขียวขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟโผล่ออกมา แต่ผลของกาแฟ จะค่อย ๆ โตขึ้น แต่เมื่อใกล้สุก จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองบ้างแดงบ้าง
เธอจึงรู้สึกเพลิดเพลินเดินชมมาเรื่อย จนกระทั่งไม่ได้สังเกตดูว่า มีสายตาคมของเขาคอยจับจ้องมองดูเธออยู่ แทบจะทุกฝีก้าว
“ หายดีแล้วหรือ ถึงได้มาเดินเอ้อระเหยแบบนี้ ฉันไม่ต้องการเห็นเธออยู่ที่นี่อย่างสุขสบาย..”
“ ฉันทราบดีค่ะคุณตัถย์ธีรา พิเชียรสุธี..”
“ ทราบดีแล้วไง มาเดินเล่นทำไม ตามีไหม คนอื่นเขาทำงานกัน..”
“ ฉันพักเหนื่อยก็เท่านั้น..”
“ ฉันไม่ต้องการให้เธอพัก..”
เขากระแทกเสียงสวนมาทันควัน ทำให้เธอกำมือแน่น ก่อนจะเมินหน้าไปทางอื่น ปล่อยให้เขาทอดสายตาคมมองสำรวจดวงหน้าที่งามผุดผาดของเธอนิ่ง และไม่รู้ด้วยเหตุใด เมื่อเขาได้เข้าใกล้เธอ หากเธอไม่พูดคำที่ไม่ดีเกี่ยวกับเขาออกมา หัวใจของเขามันก็อ่อนยวบยาบลง
“ จะไปไหน..”
เธอหยุดเมื่อเตรียมจะหันหลังก้าวจากเขามา
“ ฉันจะไปทำงานต่อ..”
เขาเดินวนมาจ้องดวงหน้าหวานของเธอ ซึ่งบัดนี้เปลี่ยนจากขาวนวลเป็นสีแทนไปแล้ว เนื่องจากแสงแดดที่แรงกล้าแต่ความงดงามก็ไม่ได้ลดน้อยลงแม้แต่น้อย
“ ฉันอยากจะรู้นักว่า ถ้าไอ้หมอนั่นมันมีชีวิตอยู่แล้วเห็นสภาพของเธอตอนนี้ มันยังกล้าที่จะเป็นชู้กับเธอไหม..”
เขาแค่นเสียงหัวเราะออกมาก่อนจะก้าวหนีเธอไป ปล่อยให้ภาวมาลามองตามไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง
“ ฉันก็อยากจะรู้นักว่า เด็กในท้องของสุคนธา จะโตขึ้นมาน้อยแค่ไหนแล้ว..”
เธอกำมือแน่นก่อนจะรีบเดินกลับไปทำงานที่ละมือมาเพื่อผ่อนคลาย ทั้งที่ในใจของเธอจะคุกรุ่นอยู่กับคำพูดและท่าทีของเขา
“ เก่งนะ..”
บัวชุมเอ่ยออกมาเบา ๆ เมื่อพิศมองเธออยู่พักใหญ่
“ ลูกสาวคนมีสตางค์ เป็นผู้ดีเก่า มีทรัพย์สมบัติมหาศาล เพียงแค่เผลอตัวทำตัวเลวทรามเลยต้องตกมาอยู่ในฐานะคนงาน แต่ก็ยังสามารถที่จะทานทนได้ เก่งมากทีเดียว..”
หญิงสาวเงยหน้ามองบัวชุมนิ่ง
“ ฉันยกนิ้วให้คุณเลย เกิดมาไม่เคยเห็นสาวสังคมที่เรียนจบสูง ๆ มานั่งทำงานตากแดดแบบนี้..”
บัวชุมว่าพลางยื่นมือมาจับมือของเธอที่เริ่มแข็งด้านมากขึ้น พร้อมกับดึงเสื้อแขนยาวที่ขาดวิ่นมองดูสีผิวของเธอ
“ มือไม้ที่เคยเรียวบางนุ่มนวล เป็นสีแดงเรื่อ กลับด้าน กระด้าง ดูผิวพรรณหน้าตา หมองคล้ำ เป็นสีแทน..แต่ก็ดูสวยไปอีกแบบ..”
ภาวมาลา ดึงมือกลับมาทำงานต่อ
“ ฉันอยากเห็นคุณ อยู่ในฐานะที่ดีกว่านี้..”
หญิงสาวหยุดงาน พลางมองหน้าบัวชุม
“ นายน่ะ เขารักคุณมากนะ เพียงแค่คุณยอมทำดีกับนาย อ่อนหวานกับนายสักหน่อย คุณก็จะได้อยู่อย่างสุขสบายเป็นนายหญิงของที่นี่ หรือไม่ก็กลับกรุงเทพฯ นั่งอยู่ในห้องแอร์..”
“ เป็นไปไม่ได้หรอกบัวชุม..”
“ ทำไม คุณไม่รักนายของพวกเราหรือ แสดงว่าคุณหลอกลวงนายของพวกเราจริง ๆ น่ะสิ..”
ภาวมาลานิ่งไปสักพัก ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้ากว้าง แล้วก้มหน้ามองที่มือเรียวของเธอ
“ อาหารมันบูด ถึงเอาไปอุ่นได้ ก็เปล่าประโยชน์..”
“ คุณไม่รักนาย..”
เธอส่ายหน้าช้า ๆ แทนคำตอบ
“ ไม่จริง สายตาของคุณยามที่แอบมองนาย มันเจือแววขมขื่นอย่างบอกไม่ถูก มีแววน้อยใจปนอยู่ด้วย บอกได้ไหมว่ามีเหตุผลอะไรถึงทำร้ายนายแบบนั้น..”
“ เธอเคยบอกฉันว่าจะไม่ถามเหตุผลเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวไง..”
บัวชุมนิ่ง
“ ฉันขอโทษ แต่ฉันอยากรู้..”
ภาวมาลานิ่งชั่วอึดใจ
“ ขอเถอะนะบัวชุม ฉันอยากจะเก็บเอาไว้ในใจ..”
“ งั้นก็..”
บัวชุมถอนใจเฮือก ก่อนจะเดินจากไป ภาวมาลาเพียงแค่มองตามหลังไปเงียบ ๆ ก่อนจะหันกลับมาทำงานตรงหน้า โดยที่พยายามที่จะปัดความรู้สึกต่าง ออกไปจากใจเสียให้หมด
