7.ดั่งดวงใจที่หลุดลอย EP1.
ภาวมาลากลับมาถึงห้องพัก ก็รีบอาบน้ำให้สบายตัว ด้วยความเหนื่อยเพลีย มันทำให้เธอลืมแม้แต่ความหิว เธอปูที่นอนแล้วก็ล้มตัวลงนอน เผลอหลับใหลจนไม่ได้สติ ไม่รู้แม้กระทั่งว่า มีใครคนหนึ่ง ก้าวมาหยุดยืนมองเธออย่างสะใจ
สายตาคมกล้าทอดมองดูดวงหน้าหวานใส ที่บัดนี้หมองคล้ำลงจนเห็นได้ชัด เขามองดูเรือนกายงามของเธอที่นอนเงียบอย่างไม่ได้สติ
เขาขบ ฟันแน่น เมื่อใจทรยศ มันบังคับให้เขานั่งลงแล้วยื่นมือไปลูบไล้เส้นผมนุ่มของเธอ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่รักเขา เธอเกลียดเขา หนีเขามากับชายคนอื่น มันก็ทำให้เขาลุกขึ้นยืน พลางกำมือแน่น
“ ภาวมาลา ภาวมาลา..”
เสียงเรียกของเขา มันไม่อาจจะทำให้เธอลืมตาตื่นขึ้นมาได้ ทำให้เขานึกฉุนจัด กระชากมุ้งออกแล้วยื่นมือไปคว้าคอเสื้อของเธอหมายจะรั้งให้ร่างบางลุกขึ้น แต่ทว่าไอร้อนจากร่างของเธอทำให้หัวใจของเขาอ่อนยวบ ฝ่ามือใหญ่ที่แข็งแรง พลิกแตะไปที่หน้าผากมน ก่อนจะไล้มาตามนวลแก้มที่เนียนกริบ อย่างเบามือ
“ ภาวมาลา ..ภา .. ภา..”
เขาเขย่าร่างบางเบา ๆ แต่เธอกลับไม่รู้สึกตัว เขาไม่รอช้ารีบช้อนร่างบางขึ้นสู่วงแขนก้าวออกไปจากที่นั่น ตรงกลับไปยังบ้านหลังใหญ่ พร้อมกับสั่งคนให้ไปรับหมอมาด่วน
ร่างเล็กบางถูกวางลงบนที่นอนนุ่มอย่างทะนุถนอม ท่ามกลางสายตาของส้มหวานและป้านุ่ม ที่แอบมองดูอยู่เงียบ ๆ
“ นี่น่ะหรือไม่รัก แม่ดูนายสิจ๊ะ..”
ป้านุ่มผ่อนลมหายใจยาว
“ ไปดูผ้ามาเช็ดตัวให้เธอสิไป..”
“ แต่แม่จ๋า..”
ป้านุ่มมองหน้าบุตรสาวนิ่ง
“ ถึงอย่างไรก็เป็นคนที่นายรัก..”
“ ก็ได้จ้ะแม่..”
ส้มหวานหายไปสักครู่ก็กลับมาพร้อมกับภาชนะใบย่อม หล่อนเดินตรงไปยังร่างบางของภาวมาลาแล้ววางลงยังโต๊ะตัวหนึ่ง
“ หมอมาหรือยัง..”
“ ยังค่ะนาย ส้มหวานจะเช็ดตัวให้นายหญิงนะคะ..”
เขาค่อย ๆ ลุกขึ้น แล้วก้าวห่างออกไป แต่สายตายังคงทอดนิ่งอยู่ที่ใบหน้าของเธอ
“ โอ้โห ตัวร้อนมากเลยนะนาย ..แล้วนี่นายดูสิจ๊ะ..”
ส้มหวานพลิกฝ่ามือบางของเธอออกให้เขามอง แล้วไล่ตรวจดูไปตามเนื้อตัว จนไปหยุดอยู่ที่ฝ่าเท้าน้อย ๆ ที่บางแดงระเรื่อของเธอที่มีเลือดซืมออกมา
“ มือก็แตกยับเลย เท้าก็เยินเลยนะนาย คงจะไม่สบายเพราะพิษบาดแผลพวกนี้ โถ คงไม่เคยลำบากแบบนี้สินะ..”
เขากำมือแน่น
“ เสร็จหรือยัง เสร็จแล้วก็ออกไปรอหมอข้างนอก..”
เขารีบตัดบทเพราะไม่อยากให้ส้มหวานรำพันมากไปกว่านี้
“ จ้ะนาย..”
ส้มหวานก้าวออกไปจากห้องนั้น แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะแอบมองดูเขา เพียงแค่ส้มหวานออกไปจากห้อง เขาก็เดินมาแล้วนั่งลงยังขอบเตียงกว้าง ก่อนจะรวบมือบางมาวางบนฝ่ามือใหญ่ของเขาแล้วพลิกขึ้นมอง
“ ผมทำร้ายคุณมากไปหรือเปล่าจ๊ะภา..”
เขาเอ่ยออกมาเบา ๆ พลางทอดสายตามองดวงหน้าหวานของเธอนิ่ง
“ แต่มันยังคงน้อยกว่าความเจ็บปวดในหัวใจของผม ทำไมคุณกล้าทำกับผมได้ถึงขนาดนี้ ภาวมาลา..”
แววตาของเขาเริ่มเปลี่ยนไป ฝ่ามือใหญ่ที่รองรับมือบาง เริ่มบีบกระชับมือเรียวของเธอจนแน่นอย่างลืมตัว
“ โอ๊ย..”
เสียงร้องของเธอทำให้เขาได้สติ แล้วคลายมือออกจากมือเรียวของเธอ พร้อมกับถอยห่างออกมาซึ่งเป็นจังหวะที่หมอมาถึงพอดี
“ หมอมาค่ะนาย..”
ส้มหวานร้องบอกเขา เมื่อพาหมอเข้ามา
“ เชิญครับ..”
เขาหลีกทางให้หมอแล้วยืนมองอยู่ห่าง ๆ
“ มีไข้สูงนะครับ ส่วนตามบาดแผลนี่ ผมไม่ได้เตรียมยามา แต่จะฝากมากับคนขับรถนะครับ ตอนนี้ผมจะฉีดยาแก้ไข้ให้ แล้วก็จัดยาไว้ให้ทาน..”
หมอหันมาบอกเขา ก่อนจะรีบฉีดยาให้เธอ พร้อมกับเตรียมยาเม็ดสำหรับทานเอาไว้ให้ แล้วทำแผลให้เธอจนเรียบร้อย
“ จะมียาทาให้อีกนะครับ จะฝากคนขับรถมา ส่วนคนไข้ให้พักผ่อนเยอะ ๆ มือเท้าอาจจะระบมอย่างมาก หมั่นคอยใช้น้ำอุ่นประคบบ่อย ๆ ...”
“ ขอบคุณมากครับหมอ..”
เมื่อหมอกลับออกไป เขาหันมาหาเธอ ก่อนจะยื่นมือมาดึงผ้าห่มคลุมให้ แล้วปิดไฟกลางห้องเหลือไว้เพียงโคมไฟที่หัวเตียง
เขาหายเข้าห้องน้ำไปสักพัก จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับออกมา เดินไปที่โซฟาตัวยาวอาศัยมันเป็นที่หลับนอนในค่ำคืนนั้น
ภาวมาลาค่อย ๆ ขยับเปลือกตาในตอนฟ้าสาง เธอทอดสายตามองเพดานห้องกว้าง แต่เหมือนนึกอะไรได้ทำให้เธอเหลียวซ้ายแลขวา ก่อนจะทะลึ่งพรวดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า กลับรู้สึกปวดหัวอย่างหนัก อีกทั้งเนื้อตัวยังรู้สึกเจ็บระบมไปหมด
“ ตื่นแล้วหรือ..”
น้ำเสียงทุ้มดังกังวานขึ้น ทำให้เธอหันขวับไปมองด้านหลังของเขา ซึ่งเธอสามารถที่จะจดจำได้ไม่ว่าหลับหรือตื่น เขายืนหันหลังให้เธอ โดยยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบอย่างใจเย็น สายตาทอดนิ่งไปไกลสุดตา
“ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร..”
เขาค่อย ๆ หันกลับมาช้า ๆ แล้วจ้องดวงหน้าหวานที่ดูเผือดซีดของเธอด้วยหัวใจที่สั่นไหว ซึ่งมันก็ไม่ต่างจากความรู้สึกของเธอยามที่ได้มองเห็นหน้าเขานัก
“ คนงานชายคนหนึ่ง เขาคงจะพิศวาสเธอ ถึงได้ขึ้นไปหาเธอที่เปิดห้องไว้รอ แต่คงเห็นว่าเธอตัวร้อนหนักเลยพาเธอมาที่นี่ หึ เสน่ห์แรงดีนี่..”
เขาทิ้งน้ำหนักเสียงอย่างจงใจที่จะเย้ยหยันเธอ ทำให้หญิงสาวกำมือแน่น จนมือที่แตกบวมเปล่งขึ้น
“ ฉันจะกลับบ้าน ไปหาคุณแม่ของฉัน..”
เขาแค่นหัวเราะ แล้วเดินเฉียดมาหาเธอ
“ กลับบ้าน ไปหาแม่อย่างนั้นหรือ ภาวมาลา..”
เขายื่นฝ่ามือใหญ่มาแตะที่ปลายคางมนของเธอเบา ๆ ก่อนจะบีบเอาไว้แน่นจนเธอต้องรีบยกมือจับมือของเขาไว้แล้วพยายามผลักออก แต่ไร้ประโยชน์ เมื่อเขาวางมือทั้งสองลงที่บ่าของเธอแล้วบีบกระชับไว้แน่น พร้อมกับโน้มใบหน้าต่ำลงมาหา
“ ก่อนที่เธอจะทำระยำด้วยการฝ่าวงล้อมของความรัก ความปรารถนาดีของคนหลาย ๆ คนออกมากับชายชู้ ทำไมเธอไม่คิด เวลานี้อยากกลับบ้าน กลับไปทำไม..”
นัยน์ตาที่คมกล้าดูแกร่งแข็งขึ้นมาในบัดดล ฝ่ามือที่บีบกระชับบ่าไหล่แบบบางเลื่อนลงมาหาลำคอฝังปลายนิ้วที่แข็งราวคีมเหล็กมายังลำคองามระหงของเธอ แล้วขยุ้มเอาไว้เต็มแรง
“ เอาสิ ฆ่าฉันเลยไอ้คนใจร้าย คนเลว ฉันเกลียดคุณ เกลียด ขยะแขยง ไอ้คนทุเรศ คนหลอกลวง คุณคงคิดว่าตัวคุณดีนัก..ถ้าคนอย่างคุณดีจริง..มีหรือที่ฉันจะหนีมากับคนอื่นได้ ..”
คำพูดของเธอมันยั่วโทสะเขาชนิดที่ไม่อยากจะห้าม เขาขบฟันแน่น ก่อนจะกระชากร่างเล็กบางของเธอให้ปลิวมาตามแรง แล้วลากเธอให้ก้าวมายังประตูห้องอย่างทุลักทุเล ทั้งที่เธอรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์กาย
เขากึงหิ้วกึ่งลากเธอลงมายังด้านล่างของคฤหาสน์หลังงามบนพื้นที่กว่าสิบไร่ แล้วผลักเธอไปยังพื้นหญ้าที่เขียวขจีอย่างสุดแรง ร่างบางของเธอเซถลาตามแรงเหวี่ยงของเขาจนใบหน้าคะมำลงแทบพื้นดีที่ยังยกฝ่ามือที่แตกยับยันพื้นไว้ทัน
“ ไปนะ ไปที่ไร่ ไปตายอยู่ที่นั่นแล้วอย่าได้หวังว่าจะได้เหยียบมาที่นี่..อย่าหวัง อย่าฝันว่าจะได้ออกไปจากที่นี่ได้ ..จำไว้.”
ภาวมาลายิ้มกว้างก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวเราะ เมื่อเธอสะบัดหน้ากลับมามองจ้องหน้าของเขา
“คนอย่างคุณก็อย่าหวังว่าฉันจะญาติดีด้วย ต่อให้แผ่นดินกลบหน้า ฉันก็จะไม่ลืมความเลวของคุณคนหลอกลวง.. โอ๊ย..”
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ฝ่ามือใหญ่ก็กระชากเส้นผมนุ่มสลวยบนศีรษะได้รูปของเธอให้หงายเงยขึ้นหมายจะเสยกำปั้นที่หนักหน่วงเข้าที่กลีบปากบางของเธอ แต่เมื่อมองดวงหน้าหวานที่แหงนเงยขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน หัวใจของเขาก็อ่อนยวบ
“เอาสิ ฆ่าฉันเลย แน่จริงฆ่าฉันซะเลย ฉันจะได้ไปอยู่กับเรวัต จะได้ไม่ต้องทนเห็นหน้าผู้ชายชั่ว ๆ อย่างคุณ..”
เขากำมือแน่นเมื่อมองสบตาของเธอที่ฉายแววชิงชังอย่างเห็นได้ชัด
“ตัถย์ธีรา..”
เสียงของนายชะเลงศักดิ์ผู้เป็นพ่อแท้ ๆ ของเขาดังขัดจังหวะขึ้นทำให้เขาหยุดแล้วหันกลับมามอง
“ พ่อขอเถอะนะลูก..”
เขามองสบตาของพ่อ ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอแล้วเงยหน้าสูดลมหายใจเข้าปอดลึก เมื่อหันหลังก้าวห่างออกไป
“ นึกถึงความรัก ความโหยหาอาลัยอาวรณ์สิลูกพ่อ..”
“ เมื่อรักมาก มันก็แค้นมาก ..เมื่อรักทำให้ทุกข์อย่างแสนสาหัส มันเจ็บปวดทรมานจนแทบคลั่ง รักกลายเป็นความเกลียดชัง ขยะแขยง”
“นึกถึงความรัก ความเอื้ออาทรและความห่วงใย เมื่อครั้งที่ยังรักกันเอาไว้ อย่าให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผล หนูภาเป็นผู้หญิงนะ แล้วก็กำลังป่วย..ไว้หนูภาหายป่วยแล้ว ค่อยตกลงกันใหม่ ค่อยคุยกันอีกทีก็ยังไม่สายนี่ลูก..”
“เมื่อน้ำที่เคยใสสะอาด เราอาศัยดื่มกิน กลับเน่าเหม็น..จะต้องกลั่นกรองสักกี่ครั้งถึงจะเหมือนเดิม ..มีโอกาสหรือครับพ่อ..”
“ ถ้าอย่างนั้นก็ ปล่อยเขาไป..”
เขาส่ายหน้าไปมา รู้สึกหัวใจมันหนักอึ้ง
“ พ่อมีธุระอะไรครับ..”
เขาเปลี่ยนเรื่องทั้ง ๆ ที่ยังยืนหันหลังนิ่งอยู่
“ ส้มหวาน พาคุณไปพัก.”
นายชะเลงศักดิ์ เรียกส้มหวานมาแล้วเดินเข้าไปหาลูกชายของเขา พร้อมกับกอดไหล่ของเขาหายกลับเข้ายังห้องนั่งเล่น
