10.วันที่น้ำตาร่วงดั่งสายฝน EP 1
ภาวมาลารู้สึกตัวตื่นขึ้น ยังโซฟาตัวยาว ในคฤหาสน์สถานที่กว้างใหญ่ โอ่อ่า ไฟในห้องกว้างถูกเปิดสว่างจ้า เธอค่อย ๆ ลืมตาก่อนจะรีบลุกนั่งสำรวจไปรอบห้องโถงที่กว้างใหญ่ แล้วเธอก็มองเห็นชายหญิงสูงอายุคู่หนึ่งที่ยังอยู่ไม่ห่างจากที่เธอนอนอยู่มากนัก
“ เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะแม่หนู..”
น้ำเสียงนุ่มเย็นดังขึ้นเบา ๆให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ทำให้เธอรีบหันไปหา เจ้าของเสียงนั้นทันที ภาพที่เธอเห็น คือหญิงสูงวัย หน้าตาแสดงออกถึงสภาพจิตใจที่อ่อนโยน เยือกเย็นหญิงคนนั้น หล่อนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแพรพรรณเนื้อดีสีครีมนวล
“ ที่ไหนคะ..”
“ บ้านไร่ปอยหลวงจ้ะ..”
“ หนูเดินหลงผ่านไร่ของเราเข้ามา คนงานที่ดูแลไร่พาหนูมาส่งที่นี่..”
เธอมองหน้าชายชราผู้นั้น แล้วก็ทำให้นึกได้ ตอนที่เธอถอยหลังหนีชายฉกรรจ์เหล่านั้น จนเซไปชนเขาผู้นี้เข้าให้ แล้วเธอก็แน่นิ่งไป
“ หนูเป็นอะไรไปจ๊ะคนดี ถึงได้เหม่อลอยจนมาถึงที่นี่ เป็นคนงานในไร่พิเชียรสุธีไม่ใช่หรือจ๊ะ..”
ภาวมาลาช้อนสายตามองหน้าชายหญิงคู่นี้ ทั้งคู่มีวัยไล่เลี่ยกับพ่อ แม่ของเธอ อีกทั้งสตรีสูงอายุผู้นี้ ยังมีลักษณะเป็นคนโอบอ้อมอารี จิตใจดีงาม ไม่ต่างจากแม่ของเธอสักเท่าไรเลย
หญิงสาวลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เมื่อนึกถึงแม่ของเธอ แล้งยิ่งเห็นรอยยิ้มของคุณธาริษา มันยิ่งทำให้เธอคิดถึงแม่ของเธอขึ้นมาจับใจ
“ เป็นอะไรไปจ๊ะ..”
สตรีสูงวัยผู้นั้น ลุกขึ้นเดินมานั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง ใกล้กับโซฟาตัวยาวที่เธอนั่งอยู่
“ เปล่าค่ะ ภาต้องขอโทษท่านทั้งสองด้วยนะคะ ที่ภาเดินเลยเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อน..”
ธาริษาเชยคางมนของเธอให้เงยหน้าขึ้นพลางพิศมองอย่างเอ็นดู
“ แต่ลักษณะของแม่หนู ไม่น่าจะมาเป็นคนงานในไร่เลย แม่หนูเป็นใครกันล่ะจ๊ะ..”
ภาวมาลานิ่งอึ้งพลางก้มหน้านิ่ง
“ เอาล่ะ ไม่พร้อมจะตอบก็ไม่ต้องตอบก็ได้ แต่เดี๋ยวทานอะไรสักหน่อยก่อนเถอะนะ แล้วค่อยกลับไปที่ไร่ ..”
ภวมาลาเงยหน้าขึ้นมองสบตาของหล่อน เหมือนจะนึกอะไรได้
“ภาอยากจะขอความช่วยเหลือค่ะ..”
สตรีผู้นั้นหันไปมองหน้าสามี ซึ่งก็ลุกเดินตรงมาหาเธอ แล้วนั่งลงใกล้ ๆ ภรรยาของตน
“ ว่ามาเลยนะลูก จะให้เราสองคนช่วยอะไรหนู..”
“ ใช้จ้ะ ถ้าเราพอจะช่วยแม่หนูได้ จะรีบจัดการให้ทันทีนะจ๊ะ..”
เธอยกมือไหว้ทั้งสองคนอย่างนอบน้อม
“ ขอบคุณมากค่ะ..”
หญิงสาวนิ่งอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องราวของเธอให้เขาทั้งสองฟังอย่างละเอียด โดยไม่สนใจว่าเขาทั้งสองจะเป็นใคร แต่เธอเชื่อในสายตาแล้วความรู้สึกของเธอว่าเขาทั้งสองเป็นคนดี
“ เรื่องราวทั้งหมด ก็เป็นแบบที่ภาเล่าให้ฟังค่ะ ตอนนี้ภาคิดถึงคุณพ่อ คุณแม่และน้องมากแต่ว่าภาไม่กล้าพอที่จะสู้หน้าน้องสาวของภาได้ เพราะความผิดพลาดของภา..”
เธอก้มหน้านิ่ง
“ หนูภาวมาลาจ๊ะ ฉันเห็นใจและเข้าใจหนู มันไม่ใช่ความผิดของหนูทั้งหมดหรอกนะ ผู้หญิงคนนั้นมีส่วน ที่หนูผิด เพราะว่าหลงคิด และเข้าใจในสิ่งที่ได้ยิน และได้เห็นมา..”
“ ฉันจะบอกอะไรให้หนูนะ ในฐานะที่ฉันเป็นผู้ชายคนหนึ่ง..”
ภาวมาลามองหน้านายปพนธนัย แล้วตั้งใจฟังทุกคำพูดของเขา
“ ผู้ชาย ลองเขาได้ตัดสินใจที่จะหยุดลงกับผู้หญิงคนไหนแล้ว คนอื่น ๆ ไม่มีความสำคัญทั้งนั้น และในเมื่อเขาตัดสินใจที่จะรักแล้วใช้ชีวิตคู่กับใครสักคน เขาจะต้องไม่ทิ้งเรื่องราวต่าง ๆ ค้างคาเอาไว้อย่างแน่นอน..”
“ ผู้หญิงคนนั้น อาจจะเสียดาย แล้วอยากจะจับผู้ชายอย่าง ตัถย์ธีราเอาไว้..”
ภาวมาลานิ่งเงียบ
“ หนูภาจ๋า ..ฉันน่ะนะ เป็นพี่สาวของชะเลงศักดิ์ คุณพ่อของหลานธีจ้ะ..”
ภาวมาลาเบิกตากว้าง เพราะนึกไม่ถึง
“แสดงว่า ท่านเป็นคุณลุง คุณป้าของคุณธีหรือคะ..”
“ ใช่จ้ะ..”
“ งั้นก็แสดงว่า ท่านต้องรู้จักภา..”
“ ก็ใช่อีกนั่นแหละจ้ะ..”
“ แล้วทำไม..”
“ เพราะว่าเราอยากจะรู้เหตุผลและความจริงทั้งหมด จากปากของหนู..จึงปล่อยให้หนูเดินออกมาจากไร่พิเชียรสุธี แล้วเปิดไร่นี้ออกต้อนรับหนู..”
ภาวมาลาเมินหน้าไปทางอื่น พลางหลับตานิ่ง
“ แม่หนูจ๋า อย่าโกรธเราเลยนะลูกนะ..”
ฝ่ามือนุ่มที่อบอุ่นของธาริษา ยื่นมาวางบนหลังมือบางของเธอ ซึ่งด้านแล้วหยาบกร้านพร้อมกับยกประคองขึ้นไปวางบนฝ่ามือที่อ่อนละมุนของหล่อนอย่างทะนุถนอม
“ ตอนนี้ หลานธี กลับกรุงเทพฯไปแล้วล่ะลูก ให้อธินมาแทน แม่หนูก็พักอยู่ที่นี่ให้สบายใจเถอะนะลูก..”
ภาวมาลาช้อนสายตามองหน้าหล่อน
“ ภาควรจะทำอย่างไรต่อไปดีคะ ช่วยภาคิดทีเถอะค่ะ..”
“ คนเราไม่มีใครที่จะเดินทางถูกไปทุกคน ความผิดพลาดเป็นต้นตอ เป็นหนทางไปสู่ความถูกต้องในอนาคตเสมอ แต่ก็ใช่ว่าจะต้องผิดซ้ำซาก ให้ความผิดครั้งนี้เป็นครู ที่มีค่าบทเรียนแพงที่สุดในชีวิตของหนูเถอะนะลูกนะ..”
ภาวมาลาฝืนยิ้มออกมา รู้สึกลำคอของเธอมันเริ่มชุ่มชื้นขึ้นมาบ้างแล้ว
“ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ..”
เธอกระพุ่มมือไหว้สองสามีภรรยาอย่างนอบน้อม
“เราสองคนไม่มีลูก และทันทีที่เราสองคนเห็นหน้าหนู ก็เกิดความคุ้นเคย รู้สึกเอ็นดูขึ้นมาแทบทันที ดังนั้นเราสองคนจึงปรึกษากันว่า..”
ธาริษาหันไปมองหน้าสามี
“เราสองคนต้องการจะได้หนูมาเป็นลูกสาวของเรา..”
“ใช่จ้ะ หนูจะว่าอย่างไรลูก จะยอมรับชายแก่กับหญิงแก่ คนนี้เป็นพ่อกับแม่ของหนูได้ไหมจ๊ะ..”
ภาวมาลายิ้มกว้าง หยาดน้ำตาเอ่อรื้นออกมาคลอเบ้าด้วยความตื้นตันใจ
“จริงหรือคะ..”
เธอน้อมตัวสอดมือไปกอดเอวของคุณธาริษาไว้แน่น น้ำตาพาลไหลรินออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ แม่ขา..ขอบคุณมากค่ะที่เห็นว่า ภายังมีค่า..มีค่าพอที่จะเป็นลูกของท่าน ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณค่ะ..”
สองมือบางประคองดวงหน้าหวานขึ้น มองดวงหน้าหวานของเธอที่ยิ้มทั้งน้ำตา ด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความเอ็นดูอย่างเห็นได้ชัด
“หนูคือลูกสาวของแม่กับพ่อ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป บ้านนี้ก็เป็นบ้านของหนูแล้วนะลูก..”
“ไม่ต้องออกไปทำงานในไร่อีกต่อไปแล้วด้วย..”
“ แต่ว่าภา..”
ธาริษาขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย
“ ภาทำผิดกับเขามาก เขาทำโทษภา ให้ภาทำงานในไร่ของเขาไปตลอดชีวิต ภาแค่อยากจะขอแอบไปหาแม่ แล้วก็กลับมาทำงานให้เขาต่อ..”
“ เอาไว้ ค่อยคิดดีกว่านะลูกนะ เชื่อพ่อเถอะ หนูขึ้นไปอาบน้ำ เดี๋ยวพ่อจะให้คนจัดเตรียมเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวตามขึ้นไปให้..”
“ ใช่แล้วลูกจ๋า พรุ่งนี้ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นเชื่อแม่เถอะนะคนดี..”
“พระอาทิตย์ถึงอย่างไรก็ต้องขึ้นทางทิศตะวันออกในทุก ๆ วัน ถึงแม้เวลานี้จะมืดค่ำดึกดื่นสักขนาดไหน ก็หลีกไม่พ้นที่จะต้องสว่างด้วยแสงอาทิตย์ในวันใหม่..”
“หลังฝนตก ทิ้งเวลาไว้สักพัก พื้นดินจะแข็งขึ้นนะจ๊ะลูกจ๋า..”
ภาวมาลายิ้มน้อย ๆ พลางจ้องหน้าของเขาทั้งสองคน ด้วยหัวใจที่ตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก
ภาวมาลาพักผ่อนอยู่กับครอบครัวใหม่ของเธอหลายวัน จนความรู้สึกต่าง ๆ เริ่มคลี่คลายลงบ้างใบหน้าของเธอเริ่มดีขึ้น ไม่ซีดเผือดแล้วเศร้าหมองเหมือนก่อน
“สบายใจขึ้นไหมลูก เวลาอาจจะช่วยทำให้เรามีสติขึ้น ถ้าเราปล่อยให้เวลาเดินไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่คิดจะหยุดเวลาเอาไว้กับช่วงระยะขณะใด ขณะหนึ่งเหมือนที่หลาย ๆ คน คิด..”
ภาวมาลายิ้มน้อย ๆ ก่อนจะนั่งลงยังเก้าอี้ตัวหนึ่ง กลางสนามหญ้า
“ ค่ะ ภาคิดอะไรได้หลาย ๆ อย่าง..”
นายปพนธนัย หันไปมองหน้าภรรยา
“ หวังว่าลูก คงไม่ทิ้ง พ่อกับแม่ ถึงแม้ว่า เราจะพบหนูไม่นาน แต่เราทั้งสองคนรู้สึกรัก เอ็นดูแล้วผูกพันกับหนูมากนะลูก..”
“ ใช่จ้ะลูก พ่อเขาพูดถูก แม่รักและเอ็นดูหนูมาก ตลอดเวลาที่หนูคบหากับหลานธี แม่กับพ่อก็ชอบแอบมองดูหนู ยิ่งเวลาที่หนูอยู่ที่ไร่ของหลานธี ทำให้แม่กับพ่อ มองเห็นหนูได้บ่อยขึ้น..”
ภาวมาลายื่นมือบางมาจับมือเรียวที่นุ่มของคุณธาริษาแล้วบีบเบา ๆ เหมือนกับจะให้คำมั่นอยู่กลาย ๆ
“ ไม่ทิ้งหรอกค่ะ ภามีแต่จะรักแล้วเกรงใจคุณพ่อ กับคุณแม่มากขึ้น เพราะว่าท่านทั้งสองทำให้ภามีกำลังใจ มีสติได้คิด..”
“พ่อได้ยินอย่างนี้ค่อยโล่งใจหน่อย ..”
“แต่ว่า การที่หนูมาหาพ่อกับแม่ คงไม่ใช่เพราะมานั่งคุยด้วยหรอก ใช่ไหม..”
“ ค่ะ ภาอยากจะขออนุญาต กลับไปบ้านค่ะ..”
คุณธาริษา มองสบตาของสามี ก่อนจะมองหน้าเธอ
“ คิดดีแล้วใช่ไหมจ๊ะลูก..”
“ ค่ะ ภาทำผิดก็ต้องที่จะกล้ารับผิด ถ้าภาหนี ภาต้องหนีไปตลอดชีวิต..”
“หากหนูมั่นใจว่า หนูเข้มแข็งและแกร่งพอที่จะเผชิญกับความเป็นจริง ก็ไปเถอะนะลูก เหตุเกิดที่ไหนควรดับที่นั่น อย่าให้มันฟุ้งเหมือนฝุ่นละออง มันจะต้อนไม่จน..”
“ ใช่ลูก คุณพ่อพูดถูก เราสองคนภูมิใจที่มีลูกสาวที่น่ารักอย่างหนู ไม่เสียแรงที่พ่อกับแม่เฝ้ามองหนูมานานนะจ๊ะ..”
“ แล้วหนูจะไปเมื่อไหร่..”
“ พรุ่งนี้ค่ะ..พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของอินทุพา อายุครบยี่สิบสองปี..”
“ จะต้องใช้อะไรบ้างล่ะลูก..”
เธอนิ่งไปชั่วครู่
“ ไม่หรอกค่ะ ของขวัญอะไรคงไม่มีค่าสำหรับอินทุพาอีกต่อไปแล้ว ภาไม่แน่ใจว่า จะมีงานวันเกิดหรือเปล่า เพราะว่าภาได้ทำลายชีวิตของน้องไปแล้ว..”
“ โถลูก..”
คุณธาริษาขยับร่างเข้าไปกอดเธอเอาไว้อย่างปลอบโยน
“ พ่อจะให้คนขับรถไปส่งหนูนะลูก ห้ามปฏิเสธพ่ออย่างเด็ดขาด ให้พ่อได้ทำอะไรให้ลูกสาวคนเดียวของพ่อบ้าง แล้วก็ต้องหมั่นโทรศัพท์มาหาพ่อกับแม่นะ..”
“ แม่จะรอวันที่หนูกลับมานะลูก..”
เธอเงยหน้ามองทั้งสองคนด้วยสายตาที่มาดมั่น ในขณะที่สองสามีภรรยาทอดสายตามองเธอด้วยสายตาที่เกลื่อนไปด้วยแววแห่งรักแล้วเอ็นดู มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ ความรัก ความเอ็นดูที่เธอเองสามารถที่จะสัมผัสได้ ด้วยหัวใจและความรู้สึกของเธอเอง
