ตอนที่ 6
พิภพปลุกเร้าด้วยปลายนิ้วที่ซอกซอนสู่ความงดงามของดอกไม้ที่กายสาว ริมฝีปากผ่อนคลายให้ภาริตาได้ปลดปล่อยเสียงคร่ำครวญปานจะขาดใจออกมาได้บ้าง และวกเข้าจู่โจมที่ยอดอกอิ่มสลับไปมากับการตีตราประทับลงบนเนื้อนิ่มทั่วทุกพื้นที่
เนื้อตัวของภาริตาหอมไปหมด ไม่ว่าจะสัมผัสตรงหน้าแตะต้องที่ใด มันก็ยิ่งปลุกไฟแห่งเสน่หาของพิภพให้ลุกโชนขึ้นอย่างง่ายดาย
ให้ตายซิ ...
เขาไม่เคยพบเจอใครที่ทำให้ความปรารถนาพุ่งพล่านได้ขนาดนี้ ไม่เคยมีเรือนร่างใดที่เขาปรารถนาตีตราประทับ และอยากจะเป็นเจ้าของได้มากมายเท่านี้มาก่อน
กลีบดอกไม้งามที่ถูกรุกล้ำทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี การตอบสนองตามธรรมชาติ ปลุกเร้าไฟแห่งโลกีย์ของทั้งสองให้เดือดดาลจนไม่อาจหยุดได้
ภาริตาไม่ต้องพูดถึง หมดคำว่าต่อต้านและไม่ยินยอมตั้งแต่ที่ถูกปลุกเร้ารุกรานอย่างต่อเนื่อง เธอทรมานด้วยอารมณ์เสน่หา ปรารถนาจะดับมันด้วยเพลงสวาทซึ่งก็ไม่รู้ว่าหน้าตาอย่างไร รู้เพียงแค่ว่าผู้ใดปลุกผู้นั้นต้องดับ และต้องดับมันด้วยบทเพลงแห่งราคะเพียงเท่านั้น
อารมณ์ที่พุ่งจนถึงขีดสุด ความโกรธเกรี้ยวที่มีอยู่ในใจ กลายเป็นความปรารถนา ปรารถนาจะครอบครองเนื้อนิ่มใต้ร่าง รสเสน่หาของผู้หญิงมารยาคนนี้จะร้อนแรงเพียงใด อีกสักพักคงได้รู้กัน พิภพพร้อมสำหรับการลองลิ้มชิมรสเสน่หาของผู้หญิงมารยาคนนี้แล้ว
สัมผัสพิศวาสที่ก่อตัวรุนแรง สายตาแห่งความปรารถนาที่ต่างมองกันและกันอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว คนหนึ่งเว้าวอนเพราะไม่เคยรู้จัก อีกคนมุ่งมาดเพราะต้องการครอบครอง
พิภพก้มลงจูบอีกครั้งที่กลีบปากสาวแระเล็มเบาๆ คลายกับจะบอกให้รู้ว่าใกล้เวลาที่จะมาถึงแล้ว เรือนกายงามบิดส่ายเล็กน้อยตามแรงธรรมชาติ เมื่อดวงใจชายที่พร้อมด้วยหน้าที่เดินหน้าทักทายเบาๆ อย่างมีจังหวะ
พิภพคาดผิดเมื่อสัมผัสสวาทที่เขาคาดว่าจะได้รับกลับมาจากภาริตาคือความเร่าร้อน ที่เกิดจากประสบการณ์มารยาของผู้หญิงที่เต็มไปด้วยจริตเช่นเธอ
แต่เปล่าเลย ... ทุกอย่างไม่ใช่อย่างที่คิด ...
ภาริตาไม่ใช่ผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นที่เขาคิดไว้แต่ต้น เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ทำตัวไม่งดงามสมเป็นกุลสตรี ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะให้ใครมาถูกเนื้อต้องตัวได้ตามอำเภอใจ
ตรงกันข้าม ...
เธอบริสุทธิ์หอมหวานดั่งดอกไม้แรกแย้ม เธอไม่ประสาใส่ซื่อน่าทะนุถนอม และเธอเป็นกุลสตรีเหมาะสมในฐานะคู่หมั้นที่รอคอยมาอย่างยาวนานถึงห้าปีเต็ม
เธอทำให้หัวใจที่บ้าคลั่งดั่งทะเลที่มีพายุ กลายเป็นสายน้ำที่เย็นฉ่ำพร้อมรดลงที่กลางใจของทั้งคู่
"พาย" เขาจูบเบาๆ ที่ข้างขมับ ซับคราบน้ำตาที่ไหลซึมอยู่ที่หางตาอย่างถนอม
ภาริตาเจ็บเจียนแทบขาดใจ เมื่อเธอและเขากลายเป็นคนเดียวกันในเวลาต่อมา ร่างเล็กสั่นสะท้านเพราะความเจ็บปวด เรือนกายแทบแตกสลายเมื่อความใหญ่โตนั้นบดเบียดเข้าไปถึงที่สุด เสียใจที่ถูกคนใจร้ายรังแกโดยไม่มีทางสู้ ทว่าทุกสิ่งก็เดินหน้าต่อ
พิภพเปลี่ยนเป็นคนละคนอย่างไม่น่าเชื่อ ความอ่อนโยนเข้ามาแทนที่แต่ก็ยังคงแฝงด้วยความเร่าร้อนตามรสนิยม เขาหยุดตัวเองไม่ได้เมื่อครอบครองร่างนี้ พยายามบอกตัวเองว่าอย่ารุนแรงตามความชื่นชอบ เธอยังใหม่และไม่ประสากับความปรารถนาที่รุนแรงของตน ทว่า พิภพก็ทำไม่ได้
"พาย"
เขากลายเป็นคนที่ทรมานแทน เมื่อความต้องการของธรรมชาติดำเนินตามหน้าที่ของมัน
ภาริตาไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด ต้องทำเช่นไรกับสิ่งที่ธรรมชาติร้องขอ กายสาวโบกสะบัดพลิ้วไหวอย่างไม่ประสา และกลายเป็นเร่งเร้าให้พิภพอดกลั้นไม่ได้
เขามีความสุขยิ่งนัก เมื่อรู้ว่าคนใต้ร่างตอบสนองในอารมณ์ของตนได้ ภาริตาไม่ประสาไม่รู้ว่าการวิ่งตามตนนั้น เสมือนส่งเสริมให้พิภพทำได้ตามอำเภอใจ
แม้เป็นครั้งแรกของสาวน้อย แต่เธอก็ไม่หวั่นต่อสนามราคะ ยังคงเดินหน้าและพร้อมจะก้าวไปกับชายหนุ่มอย่างไม่หวาดหวั่น ถูกใจเสียเหลือเกิน
แรกรักที่รุนแรงแต่มอบความอิ่มเอมให้สุดหัวใจ หลอกล่อให้หัวใจสาวเตลิดในสนามแห่งราคะอย่างกู่ไม่กลับ ภาริตาแปลงร่างเป็นสาวร้อนรักเมื่อพิภพเชื้อเชิญให้ลงสนามด้วยกันอย่างบ้าคลั่ง
แรงมาแรงตอบ ร้อนมาร้อนตอบ เย้ายวนมายั่วยวนไป ผลุดรุกผลัดรับ ไม่มีการปฏิเสธไม่มีคำถามไม่มีการร้องขอให้หยุด มีเพียงเสียงครวญครางความสุขสมจากสนามราคะ
และไม่ช้า ทั้งคู่ก็พร้อมจับมือกันในก้าวสุดท้ายที่สำคัญ ...
สะโพกแกร่งนำหน้าส่งให้คนที่อยู่ใต้ร่างเดินนำไปก่อนหนึ่งก้าว เร่งจังหวะให้เร็วตามขึ้น คล้ายกับส่งสัญญาณให้พร้อมวิ่งไปพร้อมๆ กันอย่างสมานสามัคคี ภาริตากรีดร้องเมื่อความสุขสมของแรกสาวบังเกิดขึ้น ดวงดาวนับร้อยนับพันเปล่งประกายอยู่ตรงหน้า รับถ้วยรางวัลจากสนามแห่งราคะได้อย่างสวยงาม
เช่นเดียวกับพิภพก็ไม่แตกต่างกัน เสียงคำรามแห่งความสุขติดตามมาพร้อมกับโค้งสุดท้าย ที่ส่งให้แม่สาวน้อยได้ถ้วยที่สองไปในเวลาไม่นานนัก
ใบหน้าคมซุกลงที่ซอกคอหอมสองร่างกอดก่ายกันไม่ยอมห่าง เสียงหอบหายใจรดกันและกันเบาๆ ภาริตาหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ทิ้งทุกอย่างไว้รอให้รุ่งอรุณของวันใหม่
พิภพพลิกตัวลงจากร่างเล็กที่หลับตาลงแล้ว โอบเธอเข้ามาในอ้อมแขนไม่ห่างยังไม่อยากข่มตาหลับ เพราะปรารถนาจะชื่นชมความสดใหม่นี้อีก แต่ก็ต้องอดใจไว้เมื่อคนในอ้อมแขนหลับไปเสียแล้ว
