บทที่ 1 แต่งงาน! (1)
กิ่งดาวเงยหน้าขึ้นจากหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์เมื่อเสียงช้อนคนกาแฟกระทบแก้วเนื้อดีดังขึ้น
“วันนี้พ่อตื่นเช้าจังเลยนะคะ” หญิงสาวชวนคุยเสียงใส พลางทอดสายตามองใบหน้าของชายกลางคนซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาชงกาแฟ ก่อนหันมาสนใจหนังสือพิมพ์ต่อ
คนถูกทักทายไม่สนใจลูกสาวนอกจากสนใจในสิ่งที่ตนเองทำ อึดใจเดียวเท่านั้นกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นจึงโชยทั่วห้อง จากนั้นคนชงจึงยกแก้วกาแฟส่งให้บุตรสาวพร้อมทิ้งตัวนั่งข้าง ๆ หญิงสาวขยับตัวแบ่งพื้นที่โซฟาให้แล้วสนใจหนังสือพิมพ์ต่อ
สายตาของผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากยังคงจับจ้องที่ใบหน้าของบุตรสาว และคนถูกมองที่ยังสนใจหน้าหนังสือพิมพ์ก็รับรู้ถึงความรู้สึกนี้ได้
“มองหน้าหนูอย่างนี้มีอะไรหรือเปล่า?” กิ่งดาวเงยหน้าเลิกคิ้วขึ้นขณะถาม ก่อนรับถ้วยกาแฟจากคุณสมพลมาวางลงบนโต๊ะกระจก พอคนได้ที่เธอจึงสูดกลิ่นหอมด้วยสีหน้ามีความสุข
“พี่ปองโทร ฯ มาบอกว่าคู่หมั้นของกิ่งเดินทางมาไทยแล้ว ทางนั้นต้องการเจอหน้าเราโดยเร็วที่สุด เพื่อคุยเรื่องแต่งงาน” คุณสมพลบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังเป็นการเป็นงาน คนฟังที่อารมณ์ดีแต่เช้าจึงชะงัก
“พ่อว่าอะไรนะ?” หญิงสาวมองหน้าผู้เป็นบิดาด้วยสายตาจริงจังเลิกสนใจกาแฟร้อน ๆ ทันที
“อย่างอแงเลยน่าลูก ปีที่แล้วเราก็ผลัดเอ็ดเวิร์ดไปแล้วครั้งนึง” คุณสมพลปรามเสียงดุขณะสบตาบุตรสาวซึ่งกำลังกัดริมฝีปากของตัวเองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ปีที่แล้วหนูไม่ได้ผลัดงานแต่งงานนะคะ” กิ่งดาวเสียงแข็ง “แต่หนูบอกให้คุณพ่อยกเลิกการหมั้นหมายต่างหาก อีกอย่างเงินที่คุณป้าพิมพ์ใจให้ยืมมา ทางเราก็ใช้ให้เขาหมดแล้วไม่ใช่เหรอ?”
คุณสมพลเงียบไป ก่อนพยักหน้ารับ “ใช่ พ่อกับลุงปองไม่มีหนี้สินติดค้างคุณพิมพ์ใจแล้ว แต่เราสองคนพี่น้องยังค้างหนี้บุญคุณคุณพิมพ์ใจอยู่นะกิ่ง”
กิ่งดาวย่นจมูกไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ แล้วหยิบแก้วกาแฟมาคนให้หายร้อนก่อนยกขึ้นจิบ “งั้นเราก็หาวิธีตอบแทนคุณป้าพิมพ์ใจด้วยวิธีอื่นสิ”
“วิธีอะไร คุณพิมพ์ใจต้องการหลานสะใภ้นะกิ่ง” คุณสมพลขัดคอให้อีก
“ก็จัดไปสิคะ ง่ายนิดเดียว หาสาวสวยเอ๊าะๆ สักคนแต่งงานแทนหนูไป”
ข้อเสนอแนะของบุตรสาวทำเอาคุณสมพลถึงกับกุมขมับเหนื่อยใจ เพราะทางฝ่ายชายเจาะจงตัวเจ้าสาวมาอย่างชัดเจนแล้วนั่นเอง คุณพิมพ์ใจป้าของเอ็ดเวิร์ดนั้นสนิทสนมกับสมปองพี่ชายของเขามาก เรียกว่าผูกสมัครรักใคร่เพราะต้องอัธยาศัยกัน มีเรื่องเดือดร้อนอะไรก็จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันตลอด
ครั้งหนึ่งมรสุมชีวิตได้ถาโถมเข้ามาในชีวิตของสมปองผู้เป็นพี่ชายและตัวเขา บริษัทการท่องเที่ยวที่พี่น้องในตระกูลสิริวรรณลงทุนร่วมกันเพื่อชวนชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวประเทศไทยได้รับความเสียหายเพราะภัยพิบัติทางธรรมชาติ ครานั้นถือเป็นวิกฤตที่หนักหน่วงและยิ่งใหญ่นัก
แต่นั่นยังไม่เลวร้ายมากไปกว่า การถูกพนักงานยักยอกทรัพย์สินของบริษัทไปจำนวนมาก เรียกว่าสิ้นเนื้อประดาตัวจนถึงขึ้นต้องปิดกิจการเลยก็ว่าได้
ตอนแรกพี่ชายของเขาตั้งใจจะวางมือและขายกิจการให้หมดเพื่อใช้หนี้ แต่คุณพิมพ์ใจก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ โดยให้เงินบริษัทยืมจำนวนหนึ่งเพื่อพยุงสภาพคล่องทางการเงินแล้วพูดทีเล่นทีจริงว่า...
‘เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย คิดซะว่าฉันขอหมั้นลูกสาวของคุณพลไว้ให้หลานชายคนโปรดของฉันก็ได้ เราทั้งคู่จะได้สบายใจ’
แม้เป็นคำพูดปากเปล่าไม่เป็นพิธีการอะไร และหนี้สินทั้งหมดได้ชดใช้ให้คุณพิมพ์ใจไปแล้ว แต่ทั้งเขาและสมปองผู้เป็นพี่ชายก็ถือคำพูดนี้เป็นจริงเป็นจัง เรื่องเงินไม่สำคัญเท่ากับบุญคุณ และการตอบแทนบุญคุณของผู้มีคุณ คือสิ่งสำคัญที่เขาต้องหาวิธีชดใช้ให้จงได้
“เฮ้อ แกก็รู้อยู่เต็มอกว่าพ่อทำอย่างนั้นไม่ได้” คุณสมพลค้านเสียงเข้ม ติดจะหัวเสียกับไอเดียแสบไส้ของบุตรสาวจอมดื้อด้วยซ้ำ
