ไพรสัณฑ์ พนาลี

67.0K · จบแล้ว
ลายมะลิ
54
บท
1.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

"พนาลี...ถ้าคุณยังพอมีสติ โปรดทำอะไรก็ได้ให้ผมรู้ว่าคุณอยากได้ความช่วยเหลือจากผม" ลมหายใจของพนาลีอ่อนลงจนใจของไพรสัณฑ์หวาดหวั่น มือหนาลูบที่แก้มนวล เห็นเปลือกตาของคนที่นอนอยู่บนฟูกขยับเพียงนิดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลหยดลงข้างแก้ม ...พนาลีได้ยินที่เขาพูด เจ้าป่า เจ้าเขา ขุนเขาและสายหมอก โปรดเป็นพยาน ผ่านคืนนี้ไป... ผม 'ร้อยตำรวจเอกไพรสัณฑ์ วลัยพร' ขอให้คำสัตย์สาบานจะซื่อสัตย์และมั่นคงต่อพนาลีเพียงคนเดียว...

นิยายรักโรแมนติกตำรวจรักหวานๆ18+

1

ม่านหมอกหนาทึบปกคลุมไปทั่วผืนป่ากว้าง เหล่าต้นไม้ใบหญ้าต่างเปียกชุ่มด้วยน้ำค้างสีใส แมลงตัวเล็กเกาะอยู่ลำต้นของต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมผืนป่า ความหนาแน่นของเหล่าต้นไม้ใหญ่หลากหลายสายพรรณยืนต้นทั่วทุกอณูของพื้นดิน ท่ามกลางขุนเขาที่มีแต่ป่ารกทึบมีหมู่บ้านเล็ก ๆที่มีประชากรอาศัยอยู่ไม่กี่สิบครัวเรือน

‘หมู่บ้านกลางดง’ ถูกล้อมรอบไปด้วยผืนป่าใหญ่ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆที่มีมานานกว่าหลายสิบปี สืบทอดสายเลือดกันเป็นทอด ๆตั้งแต่สมัยรุ่นทวด ประชากรส่วนมากเป็นคนพื้นเมืองโดยแท้ ทุกคนในหมู่บ้านต่างใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติที่แสนสวยงามและเต็มไปด้วยความสงบ ทำไร่ทำสวนปลูกพืชผักและเลี้ยงสัตว์ไว้เพื่อเลี้ยงชีพ ด้วยความที่หมู่บ้านอยู่กลางป่า ความสะดวกสบายไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา แสงสว่างที่ใช้ในบ้านเรือนก็มาจากแสงของตะเกียงพายุเพียงเท่านั้นส่วนน้ำดื่มน้ำใช้ก็เอามาจากบ่อน้ำที่ชาวบ้านช่วยกันขุด

ทุกคนในหมู่บ้านต่างช่วยเหลือกันและกัน ยามถึงฤดูทำไร่ทำสวนก็ช่วยเหลือกันและกันเป็นอย่างดี ทุกคนในหมู่บ้านต่างอยู่ร่วมกันอย่างเป็นมิตร รักใคร่ปรองดองกันเหมือนญาติพี่น้อง

‘ลุงคำ’ ชายชราที่มีอายุร่วมแปดสิบปี เขาเปรียบเสมือนหัวหน้าหมู่บ้าน ชาวบ้านทุกคนต่างให้ความเคารพนับถือเพราะเป็นผู้อาวุโสเพียงคนเดียวที่มีอายุมากที่สุดในหมู่บ้าน อีกทั้งยังเป็นพ่อครูที่คอยทำหน้าที่เป็นผู้นำในการทำพิธีความเชื่อของหมู่บ้านอีกด้วย

ชาวบ้านกลางดงนับถือทั้งพระและผี ทุกปีจะมีการบวงสรวงเหล่าภูตผีที่ชาวบ้านเคารพและศรัทธาโดยเชื่อว่าการทำพิธีบวงสรวงจะเป็นการแสดงถึงความนอบน้อมและเป็นการแสดงความขอบคุณที่สิ่งลี้ลับทั้งหลายคอยช่วยปกป้องให้ทุกคนในหมู่บ้านอยู่อย่างปลอดภัย

“ตะวันจะตกดินแล้ว เร่งมือกันหน่อยพวกเอ็ง” เสียงแหบแห้งของชายชราที่เป็นผู้นำของหมู่บ้านตะโกนมาจากใต้ต้นพะยอมต้นใหญ่ ในขณะที่ดวงตาฝ้าฟางมองไปยังกลุ่มชาวบ้านที่กำลังช่วยกันมุงหลังคากระท่อมไม้ไผ่ สองมือก็ยังคงจับลำต้นและใบหญ้าคาพับทบซ้อนกัน ดึงตอก รัดรอบใบคากับไม้ไผ่ท่อนยาวให้แน่นแล้วผูกปมตอกให้แน่นหนา “เสร็จละ”

“หนูเอาไปเลยนะตา”

เด็กชายหยิบไพหญ้าคาที่ใช้มุงหลังคาที่ผู้เป็นตาทำแล้วยกแบกขึ้นเหนือบ่า เดินไปยังกลุ่มชาวบ้าน ชายสูงวัยใช้ไม้เท้าคู่กายยันบนพื้นดินแล้วพยุงตัวลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเดินตามหลานชายไปสมทบกับชาวบ้าน มือเหี่ยวย่นจับไปที่บันไดไม้ไผ่พร้อมกับหลับตาอยู่ในอาการนิ่งสงบเพียงชั่วครู่

“ขอบใจพวกเอ็งมากที่มาช่วยกันทำกระท่อม แยกย้ายกันไปพักเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

“แล้วพรุ่งนี้ครูจะมาถึงกี่โมงล่ะลุงคำ พวกฉันจะได้เตรียมกับข้าวไว้ให้”

“น่าจะช่วงบ่ายแก่ ๆหมู่บ้านเราอยู่ไกล เดินทางก็ลำบาก ต้องเดินเท้าหลายชั่วโมง” ลุงคำตอบด้วยถ้อยคำเรียบง่าย การเดินทางมาที่หมู่บ้านไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะสามารถนั่งรถมาจากในเมืองได้แต่ก็ต้องเดินเท้าอีกตั้งหลายสิบกิโล ฯ ลัดเลาะมาตามทางเดินที่เป็นดินโคลน สองข้างทางก็เป็นแต่ป่าเขา ยิ่งช่วงนี้เป็นฤดูหนาว ยามรุ่งเช้าและใกล้ค่ำ หมอกก็เริ่มลงหนา วิสัยทัศน์ในการมองก็ยิ่งยากมากขึ้น แม้แต่คนในหมู่บ้านถ้าจะลงเขาไปในช่วงฤดูหนาวก็ยังนับว่ายาก ถ้าไม่ชินเส้นทางก็อาจจะทำให้พลัดหลงเข้าไปในป่าได้ “พวกเอ็งเตรียมของเอาไว้เนิ่น ๆก็แล้วกันเผื่อว่าครูมาถึงเร็ว กับข้าวจะได้พร้อมให้ครูทานเลย”

“เห็นว่าครูที่จะมาเป็นครูอาสายังสาวอยู่เลยแล้วจะทนอยู่ในหมู่บ้านกลางป่าแบบนี้ได้เหรอลุงคำ น้ำไฟก็ไม่มี กลัวจะอยู่ได้แค่วันสองวันก็หนีกลับเมืองกรุงน่ะสิ”

ชายกลางคนพูดกลั้วหัวเราะ ไม่บ่อยนักที่จะมีครูอาสาที่เป็นผู้หญิงมาประจำการอยู่ชั่วคราวเพื่อสอนเด็ก ๆในโรงเรียน โดยปกติแล้วเด็ก ๆในหมู่บ้านจะได้รับการสอนจากครูที่เป็นตำรวจตระเวนชายแดน นอกจากจะทำหน้าที่สอนหนังสือเด็ก ๆตามตะเข็บชายแดนแล้ว ยังทำหน้าที่เสมือนเป็นตำรวจ พ่อ แม่ หมอ พยาบาลที่คอยดูเด็กนักเรียนในแทบทุก ๆเรื่องรวมไปถึงผู้ปกครองของนักเรียนอีกด้วย