บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 สร้างที่อยู่

ครึ่งชั่วยามต่อมา…

เนื่องจากความเร็วของลานั้นว่องไวกว่าคนเดินเท้า พอทั้งสี่มาถึงที่หมายก็เป็นช่วงเวลาสายมากแล้ว

“เอ่อ… ข้าว่ากระท่อมนี้ มันน่าจะอยู่ไม่ได้แล้วนะ”

โจวเหวินหลงมองไปที่กระท่อมหลังเก่าที่พังลงมาไม่เหลือแม้แต่ที่กำบังก็ทำหน้าเหลอหลาออกมาอย่างปิดไม่มิด

“ท่านพี่ แล้ววันนี้พวกเราจะนอนกันอย่างไรหรือเจ้าคะ”

ไป๋หลิวเหยามีสีหน้ากังวลอย่างเด่นชัดน้ำตากลุ่มหนึ่งก็พลันเอ่อล้นออกมา

“เราคงต้องสร้างมันขึ้นมาใหม่”

ไป๋ต้าผางหันไปส่งยิ้มให้กับภรรยาพลางเช็ดน้ำตาให้กับนาง

“ไม่เห็นเป็นไรเลยหนิ แค่สร้างกระท่อมเองไม่ใช่หรือ ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”

โจวเหวินหลงตีอกตัวเองหนึ่งที ก่อนจะถือมีดพร้าสองเล่มขึ้นมา แล้วดึงมือต้าผางไปที่เชิงเขาเพื่อตัดไม้ไผ่

หากจะทำกระท่อมในยามนี้เขาคงต้องแข่งกับเวลา แต่สภาพจิตใจของต้าผางย่ำแย่มาก ดังนั้นข้าก็ควรช่วยเขาคิดและออกแรงบ้างเสียหน่อย

“ขอบใจนะเหวินหลง”

ต้าผางหันไปยิ้มให้กับเพื่อนรักที่ไม่คิดจะทอดทิ้งเขา

“เจ้าต้องพึ่งข้าอีกนานเลยล่ะ”

โจวเหวินหลงยิ้มกว้างออกมา ดูท่าหากข้าไม่มาด้วย วันนี้ สามพ่อแม่ลูก คงได้แต่นั่งมองหน้ากันเพราะจิตใจดิ่งลงเหวแล้วกระมัง

“เร่งมือกันเถอะ เรามาสร้างบ้านหลังใหม่ให้เจ้ากัน”

โจวเหวินหลงยิ้มร่า

“เจ้ากับข้ามาแข่งกันหน่อยไหม เมื่อก่อนเจ้าตัดไม้ไผ่ได้เร็วมาก แต่เชื่อข้าเถอะว่าตอนนี้ความเร็วของเจ้าถดถอยลงไปมากแล้ว”

โจวเหวินหลงหัวเราะเสียงดังก่อนจะฉวยโอกาสลงมือก่อน

“เจ้ากำลังโกงข้าอยู่ไม่ใช่หรือ”

“ใครมันจะไปสน เป็นเจ้าที่เชื่องช้าเอง”

โจวเหวินหลงไม่สนใจต้าผางอีก เขาฟันต้นไผ่ไม่กี่ครั้งก็ได้ไม้ไผ่ลำงามลงมาหนึ่งท่อน ต้าผางเห็นเช่นนั้นก็เกิดความฮึกเหิมขึ้นมา แล้วลงมือตัดไม้ไผ่แข่งกับสหาย

พอต้าผางได้ออกแรง ความกังวลก่อนหน้าก็เหมือนกับว่าทุเลาลงไปไม่น้อย สองเพื่อนรักช่วยกันตัดและลากไม้ไผ่ลงมาจากเชิงเขา ไม่นานพวกเขาก็ทำเตียงไม้ไผ่ขึ้นมาได้หนึ่งเตียง

ไป๋หลิวเหยาเดินจูงลาของโจวเหวินหลงมาผูกกับต้นไม้แห้งข้างๆ เตียงไม้ไผ่แล้วนั่งลง ความเร็วแบบนี้อีกไม่นานที่อยู่อาศัยของนางคงจะเป็นรูปเป็นร่างในไม่ช้า

สองชายหนุ่ม ขุดหลุมฝังท่อนไม้สี่มุมเพื่อสร้างเป็นแกนหลักแทนเสาบ้าน หลังจากได้เสาค้ำยันแล้วพวกเขาก็ลงมือสร้างคานไม้อย่างชำนาญ

ไป๋หลิวเหยาเห็นสามีของตนและพี่โจวทำงานอย่างขยันขันแข็ง นางจึงเดินไปเก็บกิ่งไม้มา และก่อไฟเผามันหวานไว้เพื่อเป็นอาหารมื้อเที่ยงสำหรับสี่คน

“อือ!!”

ไป๋ม่านหรงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม ซึ่งร่างนี้มีชื่อและแซ่เดียวกันกับตัวเองไม่มีผิด

เมื่อลืมตาขึ้นมาได้ สายตาของม่านหรงก็มองสอดส่องไปทั่ว

‘ที่ตรงนี้ไม่ใช่หมู่บ้านที่เจ้าของร่างเดิมเคยอยู่ แต่กลับเป็นพื้นที่ที่อยู่ไม่ไกลจากตีนเขา หรือว่า… ท่านย่าคนนั้น ไล่พวกเราออกมาจากบ้าน?’

ไป๋ม่านหรงลุกขึ้นนั่ง แล้วค่อยๆ ปีนลงมาจากเกวียนลา ขณะเดียวกัน ไป๋หลิวเหยาผู้เป็นมารดาก็หันมาทางนางพอดีจึงพบว่าบุตรสาวได้ตื่นขึ้นมาแล้ว

“ม่านหรง!! เจ้าตื่นแล้วรึ? เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

หลิวเหยายิ้มอ่อนหวานแล้วเดินมาสวมกอดม่านหรงด้วยความรักใคร่

“หนู… ขะ ข้าไม่เป็นไร”

ม่านหรงเผลอพูดคำแทนตัวเองออกไป แต่ก็สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ทันควัน

“ดีแล้ว เจ้าไม่เป็นไรก็ดีมากแล้ว ดีจริงๆ”

ไป๋หลิวเหยาถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย

“ที่นี่คือ…”

ม่านหรงมองไปทางบิดากับลุงโจว ก่อนจะหันกลับมาถามผู้เป็นแม่

“เราแยกบ้านอยู่แล้ว ดังนั้นจากนี้ไปเราจะอยู่กันที่ตีนเขานี่แทน”

หลิวเหยาลูบหัวบุตรสาว ในใจก็หวังว่า นางจะไม่งอแงร้องไห้โวยวายขอกลับไปที่หมู่บ้านอีก

ม่านหรงมองซ้ายขวาหน้าหลัง ที่ตรงนี้ห่างจากหมูบ้านเป็นอย่างมาก ทางนั้นเป็นตีนเขา ทางนี้ก็มีแต่ทุ่งนาที่ถูกทิ้งร้างเพราะความแห้งแล้ง แล้วแบบนี้ตัวนางจะอยู่รอดได้อย่างไร?

“ลูกแม่ แม่รู้ว่าเจ้าอาจจะไม่ชอบที่อยู่ใหม่นัก แต่เจ้าเชื่อแม่เถอะนะ หากเราอยู่ที่นี่ เจ้าจะปลอดภัยและไม่มีใครกล้ามารังแกเจ้าอีก”

‘แหงล่ะ ไกลขนาดนี้ใครมันจะดั้นด้นมาที่นี่ เพื่อที่จะด่าข้า’

ไป๋ม่านหรงมุมปากกระตุก นางอยากจะพูดความคิดของนางออกมาเหลือเกิน แต่ก็กลัวว่ามารดาตรงหน้าจะรับไม่ไหว

“ม่านหรง ลูกหิวหรือยัง มื้อเช้าเจ้ากินน้อยมาก แม่ทำมันเผาไว้แล้ว ถ้าลูกหิวก็ไปกินสักนิดเถอะนะ”

ไป๋หลิวเหยาโอบไหล่ลูกสาว นางกลัวว่าลูกสาวจะเอะอะ หรือแม้กระทั่งระเบิดความไม่พอใจออกมา

“ท่านแม่ ข้าหิวแล้ว”

ไป๋ม่านหรงที่มีชื่อเดียวกันกับเจ้าของร่างบอกมารดาไปสั้นๆ

ไป๋หลิวเหยาถึงกับแปลกใจ ที่จู่ๆ ลูกสาวของนางก็พูดน้อยลง แถมนางยังไม่โวยวายงอแงเหมือนก่อนเก่า

“งั้นเจ้าตามแม่มาเถอะ แม่จะพาเจ้าไปกินมันเผาอุ่นๆ จะได้อิ่มท้อง”

“อืม”

ม่านหรงพยักหน้าเบาๆ หลิวเหยาจึงเดินจูงมือนางไปที่เตียงไม้ไผ่

พอเดินไปได้ไม่นานผู้เป็นพ่อก็หันมาสบตากับนางเข้า ตอนแรกต้าผางอยากจะเดินมาต่อว่านางสักสองสามประโยค แต่เรื่องมันก็ได้ผ่านมาแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว เขาจึงหันกลับไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ ถึงแม้ว่าในใจอยากจะถามว่านางดีขึ้นหรือยังมากแค่ไหนก็ตาม

“กินช้าๆ ดื่มน้ำตามด้วยจะได้ไม่ติดคอ”

ไป๋หลิวเหยาคอยมองบุตรสาวเหมือนกับว่านางกำลังเฝ้าดูเด็กน้อย

“อือ”

ม่านหรงที่อายุพอๆ กันกับแม่เจ้าของร่างได้แต่พูดโต้ตอบเล็กน้อยแล้วดื่มน้ำตามลงไปอย่างว่าง่าย

“เด็กดี”

ไป๋หลิวเหยาลูบหัวบุตรสาว

‘ทำไมเจ้าของร่างถึงคิดว่าไม่มีคนรัก แม่ของนางก็เอาใจใส่ดีอยู่ไม่ใช่หรือ?’

ม่านหรงแอบลอบสังเกตท่าทีของอีกฝ่าย แล้วพบว่านางไม่ได้เสแสร้งหรือแกล้งทำ เป็นไปได้ว่าม่านหรงคนเดิมเอาแต่ใจเกินไป และมีความคิดตื้นเขิน

“ที่นี่มีแหล่งน้ำไหมเจ้าคะ”

ทันทีที่ม่านหรงเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ใจของหลิวเหยาก็เต้นแรงเหมือนมันจะหลุดออกมาให้จงได้

ม่านหรงคงไม่คิดจะจบชีวิตด้วยการกระโดดน้ำอีกใช่หรือไม่? หลิวเหยากำมือแน่นจนสั่นไปหมด

“ลูกถามหาแหล่งน้ำไปทำไมหรือ”

หลิวเหยาแกล้งทำเป็นนิ่งนอนใจแล้วถามบุตรสาวอย่างเอาใจใส่มากขึ้น

“ข้ารู้สึกเหนียวตัว อยากอาบน้ำ”

ม่านหรงเงยหน้าขึ้นแล้วตอบชัดถ้อยชัดคำ พอเห็นใบหน้าไร้เดียงสาของบุตรสาว หลิวเหยาก็ค่อยรู้สึกเบาใจ

“ลูกแม่ แถวนี้ไม่มีแหล่งน้ำหรอก ถ้าเจ้าอยากเช็ดตัวเดี๋ยวแม่จะเอาผ้าชุบน้ำหมาดๆ มาให้”

“เจ้าค่ะ”

ม่านหรงตอบไปเพียงสั้นๆ พร้อมกับผงกหัว เมื่อเห็นดังนั้นหลิวเหยาจึงเดินอมยิ้มไปที่เกวียนลาเพื่อนำผ้าเปียกมาเช็ดเหงื่อไคลให้ลูกสาว

ข้อความจากระบบ : ท่านได้รับรางวัลในการเริ่มต้นชีวิตใหม่

ยอมรับ/ไม่ยอมรับ

จู่ๆ ม่านหรงก็เห็นหน้าต่างสีฟ้าอ่อนปรากฏขึ้นมากลางอากาศ

ที่แท้การเกิดใหม่ก็มีระบบติดตัวมาด้วย แบบนี้ฉันค่อยเบาใจขึ้นมาหน่อย

ม่านหรงยื่นมือไปกดที่หน้าจอ แต่ว่ามือของนางกลับทะลุผ่านหน้าจอไปดื้อๆ

“เอ้า แล้วฉันจะกดยอมรับยังไงล่ะเนี่ย”

ทันทีที่ม่านหรงพูดคำว่า ‘ยอมรับ’ หน้าต่างแสดงผลก็ปรากฏกล่องปริศนาสีฟ้าเข้มขึ้นมา

ข้อความจากระบบ : ท่านต้องการเปิดกล่องปริศนาหรือไม่

เปิด/ไม่เปิด

“เปิดสิ ทำไมข้าจะไม่เปิดล่ะ”

หลังจากได้รับคำยืนยันจากม่านหรงกล่องปริศนาก็เปิดออกมา

ข้อความจากระบบ : ยินดีด้วย ท่านได้รับ คันโยกน้ำบาดาล

คุณสมบัติ : เมื่อติดตั้งแล้วท่านสามารถปั๊มน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ได้โดยไม่จำกัด

ติดตั้ง/ไม่ติดตั้ง

“คันโยกน้ำบาดาลงั้นเหรอ เหมือนกับระบบมันรู้ว่าฉันกำลังต้องการน้ำอยู่เลยแฮะ”

ไป๋ม่านหรงนั่งขมวดคิ้วเข้าหากัน

‘แล้วถ้าฉันติดตั้งคันโยกน้ำจริงๆ พ่อกับแม่จะไม่สงสัยงั้นเหรอ?’

ม่านหรงได้แต่คิดในใจไม่กล้าพูดออกมา เธอกลัวว่าหากพลั้งปากพูดไป ระบบจะทำการติดตั้งโดยไม่บอกกล่าว

“เอาไงดี ที่ตรงนี้ไม่มีแหล่งน้ำด้วยสิ”

ม่านหรงบ่นงึมงำก่อนจะชะงักไปเพราะแม่เจ้าของร่างเดินกลับมาพอดี

“มีอะไรหรือเปล่าลูก”

เมื่อเห็นสีหน้าคิดไม่ตกของบุตรสาวไป๋หลิวเหยาจึงเอ่ยถามออกไป

“ข้าแค่คิดว่า หากที่นี่มีแหล่งน้ำคงจะดี ท่านแม่จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา เพื่อแบกหามน้ำมาใช้สอยในที่ห่างไกลเช่นนี้”

ม่านหรงยิ้มบางออกมา

“โถลูกแม่ เจ้ารู้จักเป็นห่วงเป็นใยแม่แล้วสินะ”

หลิวเหยาเดินไปสวมกอดลูกสาว ในที่สุดลูกสาวของนางก็รู้จักเป็นกังวลเหมือนลูกบ้านอื่นเสียที

‘ฉันรู้จักเป็นห่วงคนอื่นที่ไหน ฉันกำลังหาทางเอาตัวรอดอยู่ต่างหาก’

ไป๋ม่านหรงมุมปากกระตุกเล็กน้อย

ถึงจะคิดไปแบบนั้นก็เถอะ สุดท้ายนางก็เลี่ยงความจริงไม่ได้อยู่ดี ว่า ตอนนี้นางได้กลายมาเป็นเด็กน้อยวัยเพียงสิบปีไปแล้ว

‘ในเมื่อข้าต้องอยู่ที่นี่อีกนาน งั้นก็ติดตั้งมันเลยเถอะ อีกอย่าง น้ำบาดาลคงจะสะอาดมากกว่าน้ำในบ่อของหมู่บ้านแน่ๆ’

เมื่อคิดได้ดังนั้นม่านหรงจึงได้ตัดสินใจแล้วว่าจะหาทางติดตั้งคันโยกน้ำบาดาลนี่ แต่ว่านางจะติดที่ไหนล่ะถึงจะเหมาะสม และสะดวกในการใช้สอยมากที่สุด

เด็กสาวมองไปรอบๆ แต่แล้วก็หันกลับมาถามมารดาว่า…

“ที่ของเรามีกี่หมู่หรือเจ้าคะ”

“ท่านย่ายกที่ทางทำกินให้เราห้าหมู่ แต่ถึงจะได้มามากเพียงใด ในยามนี้มันก็ไร้ค่าอยู่วันยังค่ำ ลูกดูที่ดินทั้งสองแปลงตรงนั้นสิ หน้าดินแห้งจนแตกระแหงไปหมด แม้กระทั่งหญ้ายังล้มตาย ต้นไม้รอบๆ นี้ก็แห้งเหลือแต่กิ่งก้าน”

ไป๋หลิวเหยาพูดไปถอนหายใจไป แถมนางยังช่วยบุตรสาวเช็ดเหงื่อไคลไปด้วย

‘ที่ห้าหมู่เท่ากับที่สองไร่เศษๆ งั้น… ถ้ามีน้ำก็สามารถปลูกผักไว้กิน หรือขุดบ่อน้ำเลี้ยงปลาได้ เผลอๆ ถ้าขยันหน่อยบางทีอาจจะปลูกข้าวได้ด้วย’

เมื่อคิดได้ดังนั้น ม่านหรงจึงหาที่เหมาะๆ แล้วเลือกตำแหน่งที่จะติดตั้งคันโยกน้ำบาดาลทันที

‘เอาตรงนั้นก็แล้วกัน’

“ติดตั้ง”

ม่านหรงเล็งเป้าหมายเสร็จก็บอกให้ระบบติดตั้งคันโยกน้ำบาดาลทันที

“ลูกว่าอะไรนะ”

หลิวเหยาคิดว่าบุตรสาวพูดกับตนจึงเอ่ยถามซ้ำเพราะนางฟังไม่ทันว่าม่านหรงพูดอะไร

“เปล่านะเจ้าคะ”

ม่านหรงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“สงสัยแม่จะหูฝาดไป ว่าแต่เจ้าเถอะ รู้สึกดีขึ้นมาบ้างหรือยัง”

หลิวเหยาเช็ดใบหน้า ลำคอ ตามด้วยแขนให้ลูกสาว พอนางเช็ดตัวให้ม่านหรงเสร็จจึงถามว่านางหายเหนียวตัวหรือยัง

“ดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ”

ม่านหรงส่งยิ้มให้มารดา เมื่อเห็นลูกสาวพอใจแล้วหลิวเหยาจึงนำผ้าไปผึ่งแดดให้แห้ง

ข้อความจากระบบ : ติดตั้ง ‘คันโยกน้ำบาดาล’ สำเร็จ ขอให้ท่านมีความสุขกับการใช้น้ำที่ไม่มีวันหมด

หมายเหตุ : กล่องสุ่มปริศนาจะมีทุกๆ เจ็ดวัน

ข้อความจากระบบ : ท่านได้รับพรหนึ่งข้อ

ยอมรับ/ไม่ยอมรับ

“ฉันได้พรอะไร?”

ม่านหรงดวงตาลุกวาว นางดีใจจนเนื้อเต้น นอกจากนางจะสุ่มกล่องปริศนาได้ทุกๆ เจ็ดวันแล้ว นางยังได้รับพรอีกหรือนี่

ข้อความจากระบบ : ท่านต้องการใช้ ‘ปากสาปแช่ง’ หรือไม่ หากท่านเปิดใช้งาน ‘ปากสาปแช่ง’ แล้ว คำที่ท่านพูดออกไปจะเป็นจริง

หมายเหตุ : ปากสาปแช่งใช้งานได้วันละครั้ง โปรดคิดให้ดีก่อนใช้งาน

“ปากสาปแช่งงั้นหรือ ถ้าฉันได้มาแล้วไม่ใช้งานมันล่ะ จะเป็นไรไหม?”

ม่านหรงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะถามออกไป

บางทีปากสาปแช่งอาจจะมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่สามารถใช้งานมันพร่ำเพรื่อได้

ข้อความจากระบบ : หนึ่งวันใช้งานได้หนึ่งครั้ง หากท่านไม่ใช้งาน ก็ไม่ส่งผลอะไร เพียงแต่ว่า ท่านจะสูญเสียสิทธิ์ในการใช้งานของวันนั้นไปโดยเปล่าประโยชน์

คำแนะนำจากระบบ : ท่านควรใช้งานมันอย่างคุ้มค่า

“แล้วแกจะให้ฉันไปแช่งใครมั่วซั่วได้เหรอยะ แบบนั้นฉันก็ไม่ต่างจากคนบาปหนาหน่ะสิ”

ระบบนี่ก็แปลก อยู่ดีๆ มันก็อยากให้ฉันไปสาปแช่งคน จะให้ฉันแช่งให้ใครตาย หรือจะให้ฉันแช่งให้คนคนหนึ่งรวยแบบข้ามคืนดีล่ะ

“เอ๊ะ! นี่ระบบ ฉันแช่งให้คนรวยอย่างกะทันหันได้หรือเปล่า?”

ทันทีที่คิดขึ้นมาได้ ม่านหรงก็ถามระบบไปอย่างตื่นเต้น

ข้อความจากระบบ : นั่นเป็นสิทธิ์การใช้งานของท่าน

“โอ้ แปลว่าได้สินะ หึหึหึ”

ม่านหรงยิ้มกว้างอย่างชั่วร้ายพร้อมกับเสียงหัวเราะหึหึในลำคอ

หลังจากรู้คำตอบของระบบแล้ว ม่านหรงก็เอ่ยปากยอมรับพรข้อนั้นด้วยความเต็มใจ

ไป๋หลิวเหยาเดินกลับมาที่เตียงไม้ไผ่ นางเห็นบุตรสาวยิ้มเหมือนกับว่ากำลังวางแผนชั่วร้าย ใจที่นิ่งสงบไปแล้วของหลิวเหยาพลันหวาดกลัวขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจอีกครั้ง

“ลูกแม่ หวังว่าเจ้าจะคิดได้เสียทีนะ”

ไป๋หลิวเหยาถอนหายใจออกมาเบาๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel