บทที่ 2-2 : ความคิดถึงไม่มีที่สิ้นสุด
“อยู่ที่พักแล้วค่ะคุณป้า... ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ” เสียงหวานใสบอกพลางยกมือขึ้นดึงเครื่องมือสื่อสารเล็ก ๆ ออกจากหู เธอเก็บมันลงกระเป๋าเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มตัดกางเกงยีนสีซีด ที่คงจะซีดเจื่อนเหมือนหน้าตาคนฟัง
“ไม่ได้ตั้งใจจะให้ได้ยินเลย เธอโทรมาพอดี ขอโทษด้วยนะคะคุณตาณ”
“ฮะ... มะ แม่ผมโทรหาคุณ?”
“ค่ะ คงได้เบอร์มาจากพี่แป๋วเพราะเป็นห่วงลูกชายน่ะค่ะ ยังไงฉันขอตัวก่อน...”
ตาณวีร์ไม่ต่างจากเด็กน้อยทำความผิด แต่มันก็ช่วยไม่ได้หากว่าเธอจะรู้จักกับคุณแม่ของเขาโดยบังเอิญหรืออาจจะเป็นแม่ของเขาเองที่โทรถามเลขานุการถึงสารทุกข์สุกดิบของลูกชายและได้เบอร์ของเปมนีย์...
ถามว่าเขาควรโกรธไหม...?
ดวงตาประกายกร้าวมองตามแผ่นหลังบางผ่านเสื้อเชิ้ตสีครีมหวานของคนที่สะบัดหน้างอนไปพร้อมความแค้นในใจ...
สุดก้นบึ้งของหัวใจ...
2 เดือนที่แล้ว
“คุณตาณทำบริษัทส่งออกอะไรหรือคะ ฉันพอจะถามได้ไหม...?”
ทั้งน้ำเสียงและแววตาแสนอ่อนหวานทำผู้ชายตัวโตชะงักนิ่ง เขาหันกลับไปมองคนข้างกายหลังจากที่มัวแต่สนใจวงดนตรีบนเวที เพลงโรแมนติกเคล้าคลอไปกับบรรยากาศแสนเศร้าในร้านอาหารหรูหรา
“ส่งออกสินค้าก่อสร้างครับ แค่บริษัทเล็ก ๆ ในเมืองเอง ผมเป็นผู้บริหารฐานะกลาง ไม่ร่ำรวยถูกใจสาว แต่ถ้าหน้าตาล่ะไม่แน่อาจถูกใจใครบ้าง”
“ฉันไม่ได้สนใจเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ของคุณตาณขนาดนั้นซะหน่อย แหม... รีบบอกเชียว”
“ใครจะไปรู้ล่ะครับ ผมแค่ต้องปกป้องตัวเอง บางคนอาจไม่มีโอกาสนั้น”
แม้ว่าเขาจะหยอดเธอด้วยคำหวานทอดสะพานให้เต็มที่ว่าจีบ! เธอกลับรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ขณะยืนแกว่งแก้วไวน์ทรงสวยในมืออย่างผู้ดี
ร้านอาหารแห่งนี้กำลังจะปิดตัวในไม่ช้า เมืองทั้งเมืองจะเงียบสงัด ผู้คนออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น
“คนไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน คงไม่คิดอะไรกับพายุลูกเล็ก ๆ นะคะ ฉันเองก็พอจะมีเงินเก็บไว้เที่ยวเปย์กับเพื่อน ๆ น่าเสียดายที่คงไม่ได้เที่ยว...”
นัยน์ตาสวยใสสีน้ำตาลอ่อนประกายสะท้อนแสงสีทองจากโคมไฟระย้ามองดูเลื่อนลอย อาจเพราะเธอดื่มไปพอสมควรในวันส่งท้าย...
แน่ล่ะว่าคงไม่ใช่สังสรรค์เทศกาลขึ้นปีใหม่ แต่เป็นล็อกดาวน์ ตามมาตรการควบคุมโรคระบาด
“มันคงไม่เลวร้ายขนาดนั้นมั้งครับผมว่า... มีธุระพอออกนอกบ้านได้อยู่ในตอนกลางวัน ว่างอยู่บ้านหาหนังสืออ่าน หาอะไรทำแก้เซ็งไปก่อน แค่งดรวมกลุ่มกันชั่วคราว โลกเราหนีเรื่องแบบนี้ไม่พ้นหรอกครับ วันหนึ่งมันก็มีอีก”
หญิงสาวส่ายหน้าไปมา “สำหรับคนมีเงินนะคะคงไม่เลวร้าย... แต่จะให้ทำยังไง ไม่ล็อกก็คงไม่ไหว”
“มนุษย์เราก็ต้องปรับตัวกันไปครับ ไม่มีทางเลือกมาก ชั่วโมงนี้เรื่องส่วนรวมต้องมาก่อน”
เขาไม่ได้พูดไปเพราะอยากเอาใจเธอ แต่เห็นด้วยกับเหตุผลนั้น ในสายตาของตาณวีร์ยังมองว่าเธอมีฐานะระดับหนึ่ง ไม่ยากจน ถึงอาจไม่รวยมาก จากนาฬิกาเรือนเล็กบนข้อมือและกระเป๋าหนังสีขาวงานแบรนด์เนมรถ CAMRY ที่ขับมาส่งเพื่อนฝูง
เปมนีย์ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนไปกับคนอื่น ๆ เลย แต่เธอก็รู้จักเห็นอกเห็นใจ
นั่นคงเป็นเหตุผลที่เขาให้ความสนใจแม่สาวเอวบางร่างน้อยเป็นพิเศษ ตั้งแต่แรกเดินเข้าผับมาพร้อมสายเดี่ยวสีดำ กางเกงยีนสีซีด ทาปากสีแดงแปร๋นอย่างสาวเปรี้ยวที่มี Sex Appeal สูง ซึ่งเด็กนอกอย่างเธอไม่ใช่สเปคเขาเลย
“คุณล่ะ...? ไม่มีแฟนจริง ๆ หรือว่าหลอกให้คุณตาณตายใจ...”
“เคยมีค่ะแต่ดี ๆ เลิก ๆ เพราะฉันงานยุ่งมาก ไม่มีเวลาให้ใครเลย อีกอย่าง...” พูดพลางเลิกคิ้วขึ้นรอให้เขาถาม
“ครับ?”
“ว่าจะหาใหม่อยู่ค่ะเบื่อฝรั่งละ เขาว่าหนุ่มไทยเอาใจเก่ง ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่านะคะ”
เธอให้ท่าเขาเต็ม ๆ! ตาณวีร์หัวเราะชอบใจ ปรับน้ำเสียงเข้มขึ้น “จริงสิครับ... ผมทำอาหารเป็นทำงานบ้านได้ แม่ผมสอนว่าให้ดูแลเมียให้ดีเหมือนที่ดูแลแม่ ปัญหามันอยู่ที่หาเมียไม่ได้สักคน ผมเป็นพวกเลือกเยอะน่ะ”
“แล้วตอนนี้เลือกได้ไหมคะ?”
“ได้แล้ว... คนนี้แหละ ผมเลือกคนนี้ ไม่รู้ว่าเธอจะเลือกผมหรือเปล่า?”
คราวนี้เขาได้ยินเสียงหัวเราะจากเรียวฟันขาวสวยบนใบหน้าหวานงาม เปมนีย์ยกมือป้องปากกลบเกลื่อนอาการเก้อเขิน แก้มแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ยิ่งแดงขึ้นไปอีก
ต่างคนคงลืมไปแล้วจริง ๆ ว่าความผิดพลาดของการพบกันครั้งนี้คืออะไร...
