เพลงนี้เพราะนัก
2
เพลงนี้เพราะนัก
หญิงสาวนั่งเขียนลำดับเหตุการณ์ในอดีต เพื่อดูว่าตนเองจะสามารถแก้ไขสิ่งใดได้อีก โดยไม่ลืมว่านางจะแก้แค้นคนผู้นั้นให้ได้ ถึงพวกนั้นจะไม่รับรู้ว่าเคยทำสิ่งใดบ้าง แต่ทุกสิ่งนั้นนางสัมผัสมาด้วยตนเองทั้งสิ้นอย่างไรก็ต้องเอาคืน
เดิมคิดว่าตนเองอาจต้องเริ่มฝึกวรยุทธ์ วิชาดาบเสียบ้างแต่ผ่านมาหลายปีแล้ว มาฝึกยามนี้เกรงว่าคงไม่ไหว จึงคิดหาองครักษ์เสียยังดีกว่า
จริงอยู่ที่ตระกูลนางเป็นตระกูลนักรบแต่มารดาไม่อยากให้นางมีจุดจบเช่นตนเอง จึงไม่ยอมให้บุตรสาวฝึกยุทธ์ หลังจากมารดาสิ้นบิดาจึงขึ้นเป็นเจ้าบ้าน บิดานางแต่งเข้าสกุลต่ง
สองสามปีหลังมารดาตายก็ให้อนุภรรยาขึ้นเป็นฮูหยิน และบิดานางก็หลงมารดาเลี้ยงผู้นี้เสียยิ่งกว่าสิ่งใด ทำให้นางที่ไม่มีผู้สนับสนุนได้แต่ทนถูกรังแกมาตลอดหลายชาติที่ผ่านมา แต่ไม่ใช่ยามนี้ มารดานางมิใช่สตรีอ่อนหวานยามไปรบจึงให้สามีมีอนุภรรยาคอยดูแล
“คุณหนู หงอิงให้พ่อบ้านติดประกาศแล้วเจ้าค่ะ ยามอู่คุณหนูจะไปดูหรือไม่เจ้าคะ” สาวใช้ถาม ขณะผู้เป็นนายกำลังนั่งจรดหมึกลงบนกระดาษผ้า นางกำลังใช้ความคิดอย่างหนักในการคัดเลือกองครักษ์ ผู้มีฝีมือหาไม่ยากนักเช่นนั้นนางจึงอยากให้องครักษ์ทำได้มากกว่าการใช้กำลัง
“ไปสิ เจ้าว่าองครักษ์ที่ดีต้องเป็นเช่นไร”
“ต้องเก่งสิเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นจะมีองครักษ์ไปทำไม” หงอิงตอบอย่างใสซื่อ มือก็ค่อย ๆ รินชา หญิงสาวพยักหน้าเห็นด้วยกับสาวใช้ แต่กลับยังรู้สึกว่าตนเองต้องการมากกว่ากำลังกาย
ยามนี้นางมีเพียงตนเองเท่านั้นหากจะเป็นองครักษ์ของนางย่อมต้องซื่อสัตย์ต่อนาง สำคัญคือต้องเฉลียวพอจะช่วยอย่างอื่นนางได้ด้วย คิดไปก็กลัดกลุ้มไปนางจะหาองครักษ์เช่นนั้นได้ที่ใด
เข้ายามซื่อแล้วนางยังไม่รู้ว่าจะทดสอบอย่างไรดี กระทั่งเหลียวไปเห็นฉินตัวแรกของตนเองตรงมุมห้อง จึงเกิดความคิดขึ้นมา นางให้หงอิงหอบมันตามไปที่ลานประลองของสกุลต่งด้วย รอครึ่งชั่วยามผู้คนที่มารับเลือกก็เริ่มมากขึ้น
ชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำมากมายเดินเผ่นผ่านอยู่ในลานประลอง ซูเหวินนั่งอยู่หลังม่านผ้าบางพริ้ว คอยดูผ่านม่านว่าผู้ใดเข้าตาพอจะเป็นองครักษ์ของตนเองได้บ้าง
นางสะดุดตากับบุรุษผู้หนึ่งหน้าตาสะอาดสะอ้าน รูปร่างเพรียวบาง ท่าทีฉลาดเฉลียว หากเลือกจากหน้าตาบุรุษผู้นี้คงได้รับตำแหน่งนี้โดยไม่มีผู้ใดกล้าแข่ง
“วันนี้ท่านหญิงจะมาชมการประลองคัดเลือกองครักษ์ด้วยตนเอง ผู้ชนะจะได้รับตำแหน่งองครักษ์ของท่านหญิงขึ้นตรงต่อท่านหญิง เบี้ยหวัดมากกว่าองครักษ์ในจวน เตรียมตัวกันให้ดี ผู้ใดมาก่อนหยิบไม้จับคู่ตรงนั้นแล้วขึ้นไปยืนรอบนลานประลองได้เลย” พ่อบ้านต่งกล่าวกับบรรดาผู้ร่วมประลอง ระหว่างแนะนำก็ชี้ให้ดูว่าก้านไม้เลือกคู่อยู่ที่ใด กระบอกไม้ไผ่ทั้งสองบนโต๊ะภายในมีก้านไม้บอกลำดับ เลขลำดับซ้ำกันทั้งสองกระบอก ผู้ใดจับได้เหมือนกันต้องสู้กันจนมีผู้ชนะ
รอบสอง รอบสามและรอบถัดไปผู้ชนะทั้งหมดต้องมาจับอีกครั้งเพื่อประลองกันจนเหลือห้าคนสุดท้าย จึงจะใช้การคัดเลือกพิเศษจากต่งซูเหวินที่นั่งรออยู่ด้านใน
เกือบสองชั่วยามที่นางนั่งดูบุรุษประลองกันไม่วางตา ทั้งที่สาวใช้ตนเองยกมือปิดตาครั้งแล้วครั้งเล่า นางยังจะกลัวสิ่งใดได้อีกในเมื่อตนเองตายมาแล้วถึงสามรอบ
“พวกเจ้าทั้งห้าคนมายืนทางนี้” พ่อบ้านต่งเรียกบุรุษห้าคนสุดท้ายให้มายืนเรียงกัน หน้าห้องที่ต่งซูเหวินรออยู่ ทั้งห้าคนอยู่ในสภาพเปรอะเปื้อนไม่ต่างกัน ใบหน้ามีรอยฟกช้ำ รอยเลือด หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงหอบเหนื่อยกันไม่น้อย
นางไม่คิดว่าบุรุษผู้นั้นจะยังอยู่จนถึงรอบสุดท้าย ทั้งที่ดูเจ้าสำอางไม่เหมือนผู้ฝึกยุทธ์แม้แต่น้อย
“ท่านพ่อบ้านจะให้พวกข้าทำสิ่งใด” ชายหนุ่มหนึ่งในห้าถามเสียงเข้ม พวกเขาล้วนไม่รู้ว่าตรงหน้าคือต่งซูเหวิน รู้เพียงว่านางจะมาดูการประลอง แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางอยู่ที่ใด ผู้อื่นเองก็รอฟังว่าพ่อบ้านต่งจะให้ทำสิ่งใดต่อ
ยังไม่ทันได้ตอบสิ่งใด พวกเขาพลันได้ยินเสียงฉินแผ่วเบา ท่วงทำนองไพเราะแต่เศร้าสร้อยไม่น้อย เมื่อฉินบรรเลงก็ไม่มีผู้ใดกล่าวต่อ รอจนเพลงฉินจบลง ชายหนุ่มทั้งห้าจึงหันมองหน้ากันด้วยความงุนงง
“พ่อบ้านต่ง นี่หมายความว่าอย่างไร” หนึ่งในห้าบุรุษหน้าห้องถามขึ้น พวกเขามาเพื่อประลองคัดเลือกองครักษ์ เหตุใดอยู่ ๆ ก็มีผู้มาบรรเลงฉินในลานประลอง
“เพลงนี้เพราะนักแต่เหตุใดผู้บรรเลงจึงบรรเลงเศร้าสร้อยเช่นนี้” บุรุษรูปงามหนึ่งในห้าผู้ชนะถามขึ้น เขาไม่สงสัยเช่นผู้อื่นแต่กลับตะหงิดใจกับทำนองเพลงฉินเมื่อครู่ พ่อบ้านยิ้มให้เขาก่อนจะหันกลับเข้าไปในห้องว่าง ยกมือประสานกัน ค้อมตัวถามบอกกล่าวแก่ซูเหวิน
“ท่านหญิง ให้ข้าทำอย่างไรต่อดีขอรับ” เขาถามคุณหนูของบ้านสกุลต่งที่นั่งอยู่หลังม่าน พอนางลุกเดินออกาจากหลังม่านเขาก็ยืดตัวเต็มความสูง ยื่นมือไปให้นางใช้ประคองเดินบนทางต่างระดับ
“ขอบคุณผู้กล้าที่มาร่วมประลองวันนี้ ผู้ที่มาประลองในวันนี้ข้าจะมอบค่าเสียเวลาให้ทุกท่านคนละสามตำลึง ส่วนผู้ที่ไม่ผ่านรอบสุดท้ายข้าจะมอบค่าเสียเวลาให้ห้าตำลึง”
“ขอบคุณท่านหญิง” นางว่าจบผู้ที่มาร่วมประลองก็กล่าวขอบคุณแล้วพากันเดินไปรับเงินจากผู้ช่วยพ่อบ้านตรงทางออก เหลือเพียงบุรุษห้าคนตรงหน้า ต่งซูเหวินยิ้มให้ทั้งห้าคน ถามชื่อผู้ที่ถามเรื่องทำนองเพลงฉิน
“เจ้ามีชื่อแซ่ว่าอย่างไร”
“ข้าน้อยหลันอันฉี” เขาตอบนางด้วยน้ำเสียงเรียบทุ้ม ใบหน้าเรียบนิ่งมองหน้าสตรีสูงศักดิ์ตรงหน้าไม่หลบสายตาไปไหน สายตารสวกับว่าเขารู้จักนาง แต่ต่งซูเหวินไม่ได้เข้าใจสายตานั้น นางเพียงพยักหน้าให้บุรุษผู้นั้น
“เช่นนั้น ข้าเลือกเจ้า ท่านทั้งสี่ไปรับค่าเสียเวลาจากผู้ช่วยพ่อบ้านได้เลย ขอบคุณที่มาวันนี้” ทั้งสี่คนโค้งคำนับแล้วจากไป เหลือเพียงหลันอันฉีที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เขาสงสัยว่าเหตุใดนางจึงเลือกตนเอง เพราะการประลองยังไม่เสร็จสิ้น แต่ก็มิได้เอ่ยถามออกไป
“เจ้าสงสัยหรือไม่ว่าเหตุใดข้าเลือกเจ้า”
“ขอรับ”
“เช่นนั้นตามมาทางนี้”
