๒ รักหวานชื่น (๓)
เพิ่งเจอกันเมื่อวานแต่สิ่งที่เขาทำให้มันช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน ไม่ถือโทษโกรธกันในเรื่องอดีต ทั้งยังใจดีชดใช้หนี้สินทั้งหมด ไม่รู้ว่าจะขอบคุณโมกข์อย่างไรถึงจะเพียงพอกับความดีของอีกฝ่าย มีเพียงเธอเท่านั้นที่ร้ายต่อเขา
ทำลายชายหนุ่มมาโดยตลอด...
“พี่โมกข์!” เขาเดินกลับเข้ามาในห้องของหญิงสาวอีกครั้ง ร่างบางรีบเข้าไปสำรวจเพื่อหาบาดแผลก่อนถอนหายใจโล่งอกที่เขาไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน...ค่อยยังชั่วหน่อยที่ชายหนุ่มไม่ถูกทำร้าย
ยิ้มกว้างแล้วโผเข้ากอดเขาทันที ขณะที่ชายหนุ่มเลือกจะกอดตอบเธอเอาไว้เช่นเดียวกัน ขนาดความสูงที่ต่างทำให้เขาสามารถเกยคางที่ศีรษะมนได้ถนัด ใบหน้าหวานแนบอกกว้างได้ยินเสียงหัวใจของโมกข์ที่เต้นรัว
ความอบอุ่นเช่นนี้เองที่เธอตามหามาตลอด คิดถึงเขามากเหลือเกิน
“เอย...น้องเอย พี่หายใจไม่ออก” อาจจะกอดแน่นเกินไปจนชายหนุ่มต้องบอกคนตัวเล็ก หล่อนรีบผละออกแล้วถามเขาด้วยสีหน้ากังวล
“เอยขอโทษ พี่โมกข์เจ็บหรือเปล่า พวกนั้นทำอะไรไหมคะ”
ภายนอกอาจไม่มีบาดแผล ไม่แน่ว่าข้างในอาจบอบช้ำก็ได้ จึงสำรวจเขาทั่วตัวอีกครั้งจนดาราหนุ่มต้องตรึงไหล่เล็กเอาไว้ แล้วเงยคางมนให้เงยหน้าขึ้นสบตากัน
“ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้เจ็บตรงไหนหรอก แค่เอาเงินให้พวกนั้นจะได้ไม่มายุ่งกับเอยเท่านั้นเอง” พอพูดจบก็โดนเธอบ่นเสียงดัง
“พี่โมกข์! ทำไมทำแบบนี้คะ เอยหาเงินคืนเองได้” เกรงใจเขาที่ต้องมาจ่ายเงินหลายแสนเพื่อชดเชยหนี้ให้ตัวเอง
ทั้งที่เคยทำร้ายเขาเอาไว้อย่างเจ็บปวด ชายหนุ่มแทบเอาชีวิตไม่รอดก็เพราะเธอ แล้วเหตุใดเขาถึงได้แสนดีไม่เปลี่ยนเช่นนี้ จิรัศยายิ่งรู้สึกว่าตัวเองช่างเป็นคนเลวเหลือเกินที่ทำร้ายเขาได้อย่างเลือดเย็น
“แต่เอยเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ถ้ามันบุกมาทวงเงินแบบเมื่อกี้อีกจะทำยังไง พี่ไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ ห้องพักก็ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัย...เอาอย่างนี้ดีกว่า” ว่าจบก็ทำสายตาเจ้าเล่ห์ขณะมองหล่อน จนเธอเริ่มสงสัยว่าเขาต้องการจะทำอะไร
“คะ”
“พี่มีห้องว่างไม่มีคนเช่า เอยมาเช่าห้องของพี่ไหม รับรองว่าปลอดภัยไม่มีปัญหาคนตามทวงหนี้อีก พี่ไม่ค่อยไว้ใจพวกมันเท่าไหร่ ขนาดจ่ายเงินไปแล้วยังเล่นตุกติก ไปเถอะนะครับ เก็บของแล้วไปอยู่ห้องของพี่ตอนนี้เลย”
คำพูดของเขาเล่นเอาหล่อนถึงกับตกตะลึง นอกจากจ่ายเงินใช้หนี้ให้แล้วยังหาที่พักให้อีกต่างหาก หล่อนนึกเกรงใจเกินกว่าจะตอบตกลงในทันที ชายหนุ่มก็มองหล่อนนิ่งพร้อมพยักหน้าเพื่อให้ร่างบางคล้อยตามตัวเอง
สองคนสบตากันนิ่งในห้องที่ข้าวของภายในเละเทะกระจัดกระจาย ดวงตากลมกระพริบปริบค่อยเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่
“พี่โมกข์...เอาจริงเหรอ”
“จริง พี่เป็นห่วงเอย” พยักหน้าแล้วตอบเสียงหนักแน่น
“เอยไม่อยากรบกวน...”
“ไม่รบกวน พี่ทำเพราะเต็มใจ รีบเก็บของได้แล้ว”
ไม่ฟังคำทัดทานของเธอ เลือกจะหยิบกระเป๋าบนพื้นเพื่อมาเก็บเสื้อผ้าที่มีน้อยนิดของเธอ หญิงสาวไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าหรูหราแบรนด์ดังอย่างในอดีต เน้นที่ใช้งานได้จริงสะดวกในการขนย้ายมากกว่า หล่อนไม่ค่อยได้อยู่ติดที่เท่าไหร่
เขาเก็บของทุกอย่างก่อนหยิบตุ๊กตาที่มีเพียงตัวเดียวในห้องขึ้นมาถามเธอ จิรัศยารีบปรี่เข้ามากอดเจ้าขนนุ่มเอาไว้ พร้อมพูดถึงความสำคัญของมันให้เขาได้ฟัง ถึงแม้ว่าโมกข์จะทราบแล้วก็ตามเพราะในอดีตก็ฟังเธอพูดถึงมันบ่อยครั้ง
“ตุ๊กตาตัวนี้”
“คุณแม่ซื้อให้ค่ะ ชื่อน้องพิ้งค์ ที่เอยเคยเล่าให้พี่โมกข์ฟังไงคะ”
เขาพยักหน้าทันทีเป็นการบอกว่าจำได้
“เอาไปด้วยไหม”
“ค่ะ เอยค่อยซ่อมก็ได้” ตาของมันหลุดออกมาข้างหนึ่งจึงต้องเอาไปซ่อม
เจ้าตัวกอดตุ๊กตาไว้แนบอกแล้วค่อยเดินตามเขามาที่รถยนต์เมื่อเก็บของทุกอย่างเรียบร้อย ชายหนุ่มบอกจะให้คนมาจัดการยกเลิกสัญญาเช่า
แล้วหล่อนก็ใจง่ายยอมทำตามที่เขาบอกไม่โต้แย้งสักอย่าง มองว่าโมกข์คืออัศวินที่เข้ามาช่วยเหลือตัวเอง ไม่มีข้อสงสัยสักนิดจนเขาแอบยิ้มกริ่มที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของตัวเอง
ขับรถไปยังคอนโดมิเนียมหรูที่เปิดห้องให้คนอื่นเช่า แต่ตอนนี้ยังหาผู้เช่าไม่ได้ห้องจึงว่าง ช่างประจวบเหมาะเสียเหลือเกินเมื่อเธอก็มีปัญหาพอดี เขาสวมหน้ากากอนามัยปิดบังหน้าตาพร้อมใส่หมวกเอาไว้
จอดรถที่อาคารจอดรถของคอนโดมิเนียมก่อนขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นห้องพักของตัวเอง เธอก็เดินตามเขาโดยในมือถือตุ๊กตาเอาไว้แน่น กระทั่งถึงห้องพักขนาดสี่สิบสองตารางเมตรซึ่งค่อนข้างกว้างขวางพอสมควร เปิดมาก็เจอกับห้องรับแขกที่มีโซฟานุ่มวางไว้ตรงข้ามกับจอโทรทัศน์ขนาดห้าสิบห้านิ้ว
ถัดไปด้านซ้ายเป็นห้องครัวและห้องซักล้าง มีระเบียงสำหรับตากผ้าหรือนั่งมองวิวเมืองหลวงได้สบาย ส่วนทางขวาเป็นห้องนอนทั้งยังมีห้องน้ำในตัวอีกต่างหาก เห็นเพียงเท่านี้เธอก็ชอบห้องจนแสดงออกทางสายตา
คิดถึงห้องเก่าครั้งที่อยู่บ้านหลังใหญ่...
แม้ว่าห้องนี้จะไม่ใหญ่เทียบเท่าแต่ก็สะดวกสบายกว่าหอพักหลายแห่งที่เธออาศัยระหว่างหลบหนีคนทวงหนี้
“ห้องสวยจังเลยค่ะพี่โมกข์ แบบนี้น่าจะแพงนะคะ พี่โมกข์จะคิดเงินเอยเท่าไหร่คะ” เขาอุตส่าห์ให้ที่อยู่แล้ว
เธอจึงไม่คิดจะอยู่ฟรีอย่างน้อยต้องจ่ายเงินซึ่งเขาก็รู้ดีว่าหญิงสาวจะไม่ยอมอยู่ที่นี่ฟรีเป็นอันขาด จึงเลือกจะเลี่ยงคำตอบไปทำอย่างอื่น
ระหว่างทางได้ยินเสียงท้องของเธอร้องจึงคิดว่าน่าจะหิวเหมือนกัน เพราะตอนนี้เขาหิวมากเนื่องจากเร่งถ่ายละครจนไม่ได้กินข้าวเที่ยง
“เอาไว้ค่อยคิดแล้วกัน ตอนนี้เอยเก็บของจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ก่อนดีกว่า พี่จะไปทำอาหารให้กินเพราะพี่ก็เริ่มหิวแล้ว”
“ค่ะ” พยักหน้าก่อนจะเข้าครัวมาช่วยเขาทำอาหาร
มีของเต็มตู้เย็นเพราะระหว่างทางเจ้าของห้องได้โทรสั่งแม่บ้านให้เตรียมไว้โดยเฉพาะ เขาโชว์ฝีมือการทำอาหารให้เธอได้เห็นอีกครั้ง
จำได้ว่าตอนเป็นแฟนกันอีกฝ่ายมักทำอาหารมาให้ชิม เธอจึงทำขนมให้ชายหนุ่มเป็นการตอบแทน
ทุกอย่างในอดีต...มันดีมากจริงๆ
“ทำไมทำใส่กล่อง...” อาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทว่าเขากลับเลือกจะจัดใส่กล่องพลาสติกแทนที่จะเป็นจาน หล่อนสงสัยจึงได้ถาม
“พี่จะพาไปเที่ยว”
“คะ!” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันพร้อมสีหน้าที่ค่อนข้างอึ้ง
สามทุ่มแล้วเขาจะพาเธอไปไหนอีก...
“ไปทะเลกัน”
แล้วคำตอบกับรอยยิ้มของคนตรงหน้า ก็ทำให้เธอไม่อาจปฏิเสธเขาได้ลง จึงจับจูงมือกันไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่อาคารข้างเคียง ส่วนตุ๊กตาแสนรักของเธอก็นอนอย่างเดียวดายบนโซฟาห้องนั่งเล่น เพราะเจ้านายหนีไปกับชายที่เธอรักแล้ว
การมาทะเลครั้งนี้ไม่อาจเปิดเผยตัวตนของดาราดังได้ เขาจึงเลือกจะเปิดห้องพักสุดหรูที่มีระเบียงกว้างเห็นวิวทะเล แล้วเดินเข้าไปด้านในกับหญิงสาวสองคน วางกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอไว้บนเก้าอี้ค่อยถือถุงที่ใส่อาหารมานั่งกินอยู่ระเบียง
มองวิวทะเลยามค่ำคืน ฟังเสียงคลื่นที่เบาบางจนแทบไม่ได้ยิน ลมพัดผ่านกายพอให้เย็นในช่วงกลางคืน ข้างกายมีคนที่รักอยู่ด้วยก็พอสำหรับเธอแล้ว
“สวยจังเลยค่ะพี่โมกข์” เริ่มลงมือรับประทานอาหาร เพราะกะเพราที่เธอไปซื้อได้กลายเป็นขยะเรียบร้อยแล้ว และมื้อนี้ก็ถือเป็นกับข้าวมื้อแรกของวันสำหรับจิรัศยา จึงกินเข้าปากไม่หยุดพร้อมเอ่ยชมบรรยากาศแสนงามยามมองภาพตรงหน้า
เป็นความสุขแรกในรอบหลายปีของเธอก็ว่าได้...โดยที่เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะกลับเข้ามาในชีวิตของตนอีกครั้ง
ไม่เคยคิดหรือคาดหวัง เพราะรู้ดีว่าทำกับโมกข์เอาไว้หนักเหลือเกิน ไม่มีทางที่ชายหนุ่มจะยอมให้อภัยหรอก
“คนข้างพี่สวยกว่าอีก” คำหวานหูทำให้คนฟังยิ้มกริ่ม เธอตีเข้าที่แขนหนาแล้วชี้ไปยังทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา
“เอยให้ดูทะเลไม่ได้ให้ดูเอยสักหน่อย พี่โมกข์มองทะเลสิคะจะมองเอยทำไมล่ะ” รีบจับหน้าเขาหันไปทางทะเล แต่กลายเป็นว่ามือบางถูกเขาคว้าไปกุมเอาไว้ กินอาหารก็ไม่ถนัดเพราะชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยมือเธอเสียด้วยสิ
“ก็เอยของพี่สวยกว่าทะเล...”
แก้มนวลร้อนผ่าวกับสายตาและคำพูดของอีกฝ่าย อยู่ดีๆ ก็อิ่มขึ้นมาเสียอย่างนั้น จึงนั่งนิ่งให้เขาจับมือโดยไม่ปัดทิ้ง ก่อนที่โมกข์จะใช้แรงทั้งหมดอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนตัก ใบหน้าหวานถึงกับเหวอไม่คิดว่าเขาจะทำเช่นนี้กับตัวเอง
เราเพิ่งเจอกันเมื่อวาน ทุกอย่างมันดูจะรวดเร็วไปหมด...แต่ถ้าเทียบกับระยะเวลาที่ต้องห่างทั้งที่หัวใจยังรัก
เธอก็รู้ว่ามันไม่ได้เร็วเลย กลับช้าเสียด้วยซ้ำ
“น้องเอยครับ พี่ไม่เคยลืมน้องเอยได้เลยสักวัน เรื่องในอดีตที่ผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะนะ เรามาเริ่มต้นด้วยกันใหม่ได้ไหม ความรักของพี่ที่มีให้น้องเอยมันยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง” ถ่ายทอดความรู้สึกให้เธอได้รับรู้ คนฟังนั่งนิ่งกระพริบตาปริบ น้ำตาคลอเบ้าไม่คาดฝันว่าเขาจะกลับเข้ามาในชีวิตของตนอีกครั้ง
แถมยังไม่ถามถึงอดีตหรือเรื่องที่หล่อนเคยทำเขาเจ็บช้ำด้วยซ้ำ ช่างน่าเหลือเชื่อจนต้องยกมือขึ้นประคองดวงหน้าคม กลัวว่าจะเป็นเพียงภาพหลอนของตัวเอง
ก่อนพบว่าเขาคือตัวจริงและกำลังของโอกาสจากเธออีกครั้ง ทั้งที่ความจริงหล่อนต่างหากที่ควรเป็นคนพูด
“กลับมาคบกันได้ไหมครับ” น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลออกจากดวงตากลมเพียงแค่ถูกเอ่ยขอคบกับคนที่ตนรักมาตลอด
“พี่โมกข์...”
“พี่รักเอย เป็นแฟนพี่นะ”
ไม่มีเหตุผลใดที่ต้องปฏิเสธ แขนเรียวโอบรอบลำคอหนาแล้วตอบตกลงเสียงดัง ยิ้มกว้างแล้วซุกใบหน้าที่ซอกคอของเขา มีความสุขจนไม่อาจเก็บเอาไว้คนเดียวได้ นั่งบนตักอุ่นแล้วกอดเขาไว้อย่างนั้นพร้อมตอบตกลงเสียงดังฟังชัด
“ค่ะ!”
แก้มของเธอเปื้อนน้ำตาแห่งความสุข เช็ดเท่าไหร่มันก็ไม่หยุดไหลสักที ยิ้มกว้างกับความสมหวังครั้งนี้ ไม่ทันเห็นว่าคนที่ตัวเองกอดก็กำลังยิ้มเช่นกัน แต่เป็นการแสยะยิ้มสมเพชให้คนที่ตกอยู่ในอุ้งมือของเขาอย่างไม่รู้ตัว
ต่อจากนี้...จะทำอะไรกับเธอก็ได้ทั้งนั้น!
“กินข้าวกันดีกว่า พี่เริ่มหิวแล้ว” ปล่อยร่างบางเป็นอิสระแล้วชวนรับประทานอาหารที่เหลือ เล่นเอาจิรัศยาถึงกับงุนงง คิดว่าเขาจะชวนคุยเรื่องของเราเสียอีก หลายเป็นถูกชวนกินข้าวเสียอย่างนั้น จึงพยักหน้าตามน้ำไม่ได้ว่าอะไร
“ค่ะ...พรุ่งนี้พี่ไม่มีถ่ายละครเหรอคะ”
“ไม่มี อีกไม่นานพี่ก็ปิดกล้องแล้วเลยสบายหน่อย เอยมีงานหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ” ถึงมีแต่งานของเธอทำที่ไหนก็ได้จึงไม่ได้กังวล เขาได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าทันที พร้อมกับเริ่มแผนที่ตัวเองเตรียมเอาไว้
นั่นคือการครอบครองจิรัศยาทั้งตัว...และหัวใจ
“ถ้าอย่างนั้นเรานอนอีกคืนค่อยกลับกรุงเทพฯ แล้วกัน พี่อยากอยู่กับเอยที่นี่ จำได้ไหมตอนคบกันเราเคยบอกว่าอยากมาทะเลกับพี่” เอ่ยถึงอดีตอีกครั้งแล้วหล่อนก็พยักหน้าทันที ช่วงที่ได้คบกับเขาคือความสุขจึงจำได้หมดทุกอย่าง
“ค่ะ แล้วเอยก็ได้มากับพี่โมกข์”
ถึงจะเป็นในอีกหลายปีต่อมา แต่ความฝันของเราที่ได้มาทะเลด้วยกันก็เป็นจริงขึ้นมาแล้ว...
“ออกมาอยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอ” เริ่มถามเรื่องเธอในปัจจุบันบ้าง หญิงสาวเคี้ยวอาหารแล้วเล่าโดยไม่ปิดบัง
“ถึงจะเหงาแต่ก็ไม่มีใครแล้วนี่คะ คุณพ่อเป็นลูกคนเดียว ญาติพี่น้องก็ไม่ค่อยอยากให้เอยเข้าไปอาศัยด้วยเท่าไหร่ อีกอย่างอยู่คนเดียวก็สบายจะตาย อยากทำอะไรก็ทำตามใจตัวเองได้เลย” ไม่ได้บอกว่าเจ้าหนี้ตามทวงเงินจนคนรอบข้างขยาดไม่กล้าเข้าใกล้เธอด้วยซ้ำ
สร้างความเศร้าให้หญิงสาวที่ต้องอยู่ตัวคนเดียว ทั้งที่ความจริงก็โหยหาความอบอุ่นจนคนรอบกาย
แล้วเขาก็เข้ามาเป็นคนคนนั้นให้เธอ...โมกข์คือโลกใบใหม่และจะกลายเป็นโลกทั้งใบของจิรัศยา
“ครับ”
เขาตอบรับแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยระหว่างรับประทานอาหาร เมื่อกินจนหมดก็แยกย้ายไปอาบน้ำชำระร่างกาย เขามีเสื้อผ้าติดรถจึงลงไปเอามาสวมแก้ขัด ขณะที่เธอนำเสื้อผ้าของตัวเองมาด้วยจึงเปลี่ยนเป็นเสื้อตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อ มองผิวเผินเหมือนหญิงสาวไม่ได้ใส่กางเกง
พออยู่กันสองคนในเวลากลางคืนก็เริ่มไม่ชิน เห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ใบหน้าก็แดงซ่าน คิดถึงเรื่องที่ไม่ควรจนต้องหันไปมองทางอื่น ชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าครบชิ้นแต่เธอเองที่คิดอกุศล
“นอนเลยไหม”
“เอ่อ บนเตียงเหรอคะ”
“เราเป็นแฟนกันแล้วนะ นอนเตียงเดียวกันไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่ครับ หรือเอยรังเกียจพี่...ถ้าอย่างนั้นพี่ลงไปนอน...” พูดเสียงน้อยใจแล้วหยิบหมอนจะนอนข้างล่าง เธอจึงรีบขึ้นเตียงพลางคว้ามือหนาเอาไว้
“ไม่ค่ะ เอยไม่ได้รังเกียจแค่กลัวว่าพี่จะอึดอัดเท่านั้นเอง”
“ไม่อึดอัด พี่อยากนอนกอดเอย” พูดจบก็กอดร่างบางแนบอก
ทั้งสองนอนบนเตียงเดียวกันรับรู้ถึงลมหายใจและการเต้นของหัวใจซึ่งกันและกัน เธอเม้มปากแน่นไม่อยากคิดไปไกลเกินกว่านั้น ทว่ามือหนาที่สอดเข้ามาในเสื้อตัวโคร่ง ลูบไล้แผ่นหลังของหล่อนเป็นการบอกกรายๆ ว่ากำลังทำอะไร
และเขาต้องการอะไร...
“พี่โมกข์” เรียกชื่อคนตัวสูงเสียงแหบพร่า มวนท้องจนไม่เป็นอันจะนอน เงยหน้าขึ้นสบตาเขาทำให้ชายหนุ่มได้โอกาสขยับใบหน้าเข้ามาใกล้เธอ ก่อนถามเสียงเบา
“ให้พี่...ได้ไหม”
เธอรู้ดีว่าความหมายของเขาคืออะไร ทั้งที่ควรหักห้ามใจตัวเอง ต้องบอกปฏิเสธเขาทันทีแต่สิ่งที่ทำคือผงกศีรษะพร้อมกับเอ่ยตอบรับการกระทำของชายหนุ่ม
“ค่ะ”
ด้วยความเต็มใจ...
