บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 ปีศาจหมาใน

"ปิงเอ๋อ ข้าว่าพวกเราแยกกันหาจะดีกว่า" 

"อืมก็ดีเหมือนกัน" 

หลังจากที่ค้นหามาพักใหญ่ แต่ไร้วี่แววของปีศาจ ทั้งสามก็พากันแยกย้าย เสี่ยวเฮ่ยแยกไปทางประตูทางเข้า เพื่อวาดค่ายกลกักขังตามคำสั่งของเฉิงชิว ส่วนเจ้านกน้อยบินไปทิศตรงข้าม 

 ป้อมที่สามสิบ

ข้างป้อม มีสุนัขตัวเล็กกำลังแทะน่องไก่อย่างตะกละตะกลาม มิหนำซ้ำยังแทะเสียจนปากมันเลื่อม เดิมทีรูปร่างของมันก็ดูตลกขบขันอยู่แล้ว ก็เลยยิ่งตลกไปใหญ่ แต่นั่นกลับทำให้ผู้คนที่พบเห็นมัน ต่างพากันเอ็นดู เหล่าทหารยามที่ดูแลป้อมปราการ มักเอาอาหารดีๆ มาให้มันกินเสมอ โดยเฉพาะน่องไก่ เวลานี้เลยแยกไม่ค่อยออกว่ามันเป็นหมูหรือว่าหมากันแน่ เพราะรูปร่างของมันเริ่มจะอ้วนกลม

"นี่! เจ้าจะช่วยทำตัวให้สมเป็นข้ารับใช้ของข้าหน่อยได้ไหม หา! เจ้าหมาพันทาง!"

อยู่ๆ เจ้าหมาน้อยก็ทำตาโตจนแทบจะปูดโปนออกมานอกเบ้า เลี้ยวซ้ายแลขวาไปรอบๆ ทำจมูกฟุดฟิดๆ คล้ายกำลังหาอะไรบางอย่าง จนกระทั่งนกสีดำตัวเล็กบินลงมาเกาะบนหัวของมัน มันถึงได้หยุด

"ไอ่ย๊ะ!ๆ ๆ ๆ นายท่าน ๆ ๆ ๆ ท่านออกมาได้แล้ว โว๊ะ ๆ ๆ" ดวงตากลมโตเหลือกมองบนยังไม่พอ ยังพยายามจะเงยหน้า กระโดดไปมา จนเสี่ยวไป๋แทบจะร่วง "เจ้าบ้า! จะโดดโลดเต้นอะไรนักหนา กลัวพวกเทพบนสวรรค์ไม่รู้หรือไง ว่าข้าอยู่ที่นี่"

"อ่า ขออภัยขอรับ ข้าดีใจไปหน่อย" พอถูกดุ เจ้าหมาน้อยก็ทำหน้าลู่หูตกขึ้นมาทันที "ว่าแต่นายท่าน ท่านออกมาตั้งแต่เมื่อใด เหตุไฉนถึงพึ่งมาหาข้าเล่า ข้าต้องลำบากลำบน รอท่านอยู่ที่นี่มาตั้งนานแหนะ"

เสี่ยวไป๋ได้ยินมันพูดเช่นนั้น ตาเล็กๆ ก็เหลือบมองต่ำ ก่อนจะแค่นเสียงใส่ "เฮอะ! เจ้าน่ะหรือ ลำบาก ข้าเห็นครั้งแรก ยังนึกว่าเจ้าเป็นลูกสุกรที่ไหนเสียอีก"

"แหะๆ แหม! นายท่านก็ มนุษย์พวกนี้เอามาให้ข้ากินเองนะ ข้าไม่ได้ขอสักหน่อย"

"พอเถิด ข้าขี้เกียจฟังเรื่องไร้สาระของเจ้า เรื่องที่ข้าสั่ง เจ้าจัดการไปถึงไหนแล้ว"

"ข้าหาทางขึ้นสวรรค์เจอตั้งนานแล้วขอรับ มันอยู่ด้านหลังรูปปั้นห้าจักรพรรดิ ในสุสานจักรพรรดิ"

"หึหึ ดี! จะได้ไม่ต้องรอ!"

ปีศาจหมาในหางเม่นที่ทุกคนกำลังตามหา ที่แท้ก็คือเจ้าหมาน้อย ที่วิ่งเล่นไปมาอยู่แถวๆ ป้อม เฉิงชิวรู้ว่าเป็นมันตั้งแต่เห็นป้ายภารกิจ ความจริงก่อนจะเกิดศึกกับเทพสวรรค์ สี่องครักษ์ปีศาจของราชามาร ถูกสังหารไปเพียงสามตน ยังเหลืออีกหนึ่ง นั่นก็คือปีศาจหมาในหางเม่นตนนี้ พอรู้ว่าเทพสวรรค์จะบุกมา เฉิงชิวได้มอบภารกิจให้มันหลายอย่าง  และด้วยความที่มันสามารถเปลี่ยนร่างเป็นอะไรก็ได้ ทำให้มันรอดหูรอดตามาจนถึงทุกวันนี้

 

ส่วนทางด้านปิงปิงที่แยกไปอีกทาง เวลานี้กำลังเผชิญหน้ากับผู้คนมากมาย

เซียนชราที่พึ่งจากไปเมื่อครู่ เวลานี้กำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ พร้อมกับผู้นำตระกูลโหลวและกองทหารขององค์จักรพรรดิ รวมถึงนายกองมิ่งฟาและเหล่าทหารรับจ้าง

"เป็นนางขอรับ ที่อยู่กับเซียนเฉาเมื่อคืน" มิ่งฟาเอ่ยรายงานทันที ที่ทุกคนลงมายืนบนพื้น 

ที่แท้ ที่นายกองมิ่งฟารอผู้นี้รั้งอยู่ ก็เพราะต้องการรายงานเรื่องที่เซียนเฉาหายเข้าไปในห้องของปิงปิงก่อนตาย กอปรกับเซียนชราเมื่อครู่กลับไปรายงานเรื่องขั้นพลังของนาง จึงทำให้ทุกคนพากันแห่มาที่นี่ 

"ท่านเซียนหลู ท่านแน่ใจหรือ ว่านางมีพลังขั้นเซียน?" ผู้นำตระกูลโหลว หันไปถามเซียนชรา เพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ทำให้เหล่าทหารขององค์จักรพรรดิต้องหันมองตาม 

"ข้าแน่ใจ และพวกเราต้องช่วยกันจับนางไปส่งให้องค์จักรพรรดิ"

ถึงแม้จะได้ยินเช่นนั้น ผู้นำตระกูลโหลวก็ยังอดที่จะนิ่วหน้ามองเด็กสาวด้วยความสงสัยไม่ได้ "ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ มิ่งฟา เจ้าเข้าไปทดสอบนางก่อน แล้วข้าจะยกโทษ เรื่องที่เจ้าทำให้เซียนเฉาตายให้"

"ได้เลยขอรับ หึหึ"  มุมปากของนายกองมิ่งฟายกยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะมองมาทางปิงปิง ร่างสูงใหญ่ขยับวูบเดียวก็หายไป มาปรากฏตัวอีกทีพร้อมทวนในมือ ห่างจากเด็กสาวเพียงสิบก้าว "ว่าไงท่านแม่ทัพ ฮึ! สำนึกบ้างหรือยัง หากยอมอ้อนวอนข้า บางที ข้าอาจจะใจอ่อน ไม่ทำรุนแรงกับเจ้ามากไปก็ได้นะ ฮ่าๆ"

ปิงปิงได้ยินเช่นนั้น ก็ได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยเสียงเนิบนาบ "มิ่งฟา เจ้าตัวใหญ่เสียเปล่า แต่กลับไร้สมองจริงๆ เจ้าเคยคิดบ้างไหม ว่าหากตาเฒ่านั่นสู้ข้าได้ จะกลับไปตามคนมาช่วยทำไม? ขนาดตาแก่นั่นมีพลังเซียนระดับหนึ่ง ยังต้องหนี แล้วอย่างเจ้า นับเป็นตัวอันใด?!"

"นี่เจ้า! นังโสเภณีชั้นต่ำ! เจ้าคิดว่าคนที่นี่เขาจะเชื่อหรือ ว่าเจ้ามีพลังขั้นเซียนจริงๆ เจ้าคงแค่ใช้สมบัติมาหลอกลวงผู้คนน่ะสิ วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าสตรีที่ทำตัวสูงส่งและหยิ่งยโสจะมีจุดจบเช่นไร!!!" มิ่งฟาเอ่ยจบ ก็หมุนทวนในมือ จนเกิดกระแสลมแรงกระทั่งแท่งทวนเริ่มเปล่งแสง ลอยขึ้นมาช้าๆ  

 ถึงแม้จะเป็นครั้งแรกของปิงปิง ในการต่อสู้จริงๆ แต่นางกลับไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว บางทีอาจเป็นเพราะมองเห็นขั้นพลังของแต่ละคน อีกอย่าง การที่อยู่ใกล้ราชามารมากๆ ทำให้ความคิดความอ่านของปิงปิงเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว 

ทวนสีดำพุ่งตรงมาที่ร่างบอบบางราวกับพายุ จนเกิดเป็นเงาดำสายหนึ่ง สายลมพัดเอาเส้นผมและเสื้อผ้าของปิงปิงปลิวไสว แต่ร่างกายกลับมั่นคง

เกราะปราณระดับเซียนปรากฏขึ้นทันที ที่มีอันตรายเข้าใกล้ ซึ่งทักษะเกราะปราณของปิงปิง แตกต่างจากคนทั่วไป เพราะมันไม่ได้ใช้พลังในร่าง แต่กลับใช้พลังจากภายนอก เรื่องนี้นับว่านางได้เปรียบคู่ต่อสู้เป็นอย่างมาก แต่จะว่าไปทักษะที่ราชามารเป็นผู้สอน ก็ล้วนเป็นทักษะขี้โกงทั้งนั้น ไหนเลยจะมีทักษะที่มีเกียรติ

ปั้ง! ทวนสีดำปะทะเข้ากับเกราะปราณ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว 

แคร๊ก! จากนั้นก็เกิดรอยร้าว ก่อนจะแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย 

อัก! นายกองมิ่งฟาถึงกับกระอักเลือด ทรุดตัวลงกับพื้น มองปิงปิงตาค้าง คล้ายไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น

เกิดความเงียบไปทั่วบริเวณ จากที่ก่อนหน้านั้น ผู้นำตระกูลโหลวและอีกหลายคน ไม่เคยให้ความสนใจในตัวของเด็กสาว พอเห็นเช่นนั้น ก็พากันแข็งค้าง "นะ..นี่นาง!!!"

"ข้าบอกพวกท่านแล้ว ว่านางมีพลังขั้นเซียน ทีนี้เชื่อข้าหรือยังล่ะ เด็กสาวอายุแค่นี้มีพลังขั้นเซียน ซ้ำยังมีรูปร่างงดงาม ท่านว่าองค์จักรพรรดิจะทรงพอพระทัยเพียงใด ถ้าได้นางเป็นเตาหลอมพลัง"

คำพูดของเซียนชราทำให้แววตาของผู้นำตระกูลโหลวทอประกาย ในหัวบังเกิดความคิดชั่วร้าย มองสำรวจร่างบอบบางตั้งแต่หัวจรดเท้า "หึหึ จริงด้วย งานนี้พี่ชายข้าคงได้หน้าไม่น้อย"

"ใช่แล้ว แต่ตอนนี้ พวกเราคงต้องร่วมมือกัน จับนางเด็กนี่ให้ได้........."

"อ๊ากกกกก!!!" เซียนชรายังเอ่ยไม่ทันจบประโยค เสียงกรีดร้องของมิ่งฟาก็ดังขึ้น ทำให้ทุกคนต้องรีบหันไปมอง 

ภาพที่เห็น คือศีรษะของมิ่งฟา หลุดออกจากร่างลงมากองอยู่ที่พื้น "ตุ้บ" เรือนกายสูงใหญ่ล้มกระแทกพื้นเสียงดังอยู่เบื้องหลังของเด็กสาวใบหน้างดงาม  

หลังจากตัดคอคนด้วยปลายนิ้ว ฝ่าเท้าของปิงปิงก็ไม่ได้คิดจะหยุด ร่างบอบบางก้าวขาอย่างเนิบนาบ ค่อยๆ เดินเข้าไปหากลุ่มของผู้นำตระกูลโหลวอย่างช้าๆ "คิดจะเอาข้าไปเป็นเตาหลอมพลัง พวกเจ้าเคยถามข้าสักคำไหม ว่าข้าเต็มใจหรือไม่" เด็กสาวเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง น้ำเสียงไร้อารมณ์ "มีหญิงสาวมากมายเท่าใดแล้วที่ต้องถูกพวกเจ้ากดขี่ข่มเหง"

พลังขั้นเซียนในร่างเริ่มแผ่กระจายออกมา สร้างแรงกดดันไปทั่วบริเวณ ทหารหลายคนถึงกับยืนไม่อยู่ ทรุดตัวลงกระอักเลือด 

"นะ..นี่ นางมีพลังลำดับใดกันแน่! ท่านเซียนหลู?" สีหน้าของผู้นำตระกูลโหล ออกอาการหวาดผวา ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว หากไม่มีป้ายทองคุ้มกายขององค์จักรพรรดิ ป่านนี้คงมีสภาพไม่ต่างจากทหารเหล่านั้น 

"ขะ..ข้าคิดว่า นางน่าจะมีพลังเซียนระดับหนึ่งเหมือนข้า แต่สูงกว่าข้านิดหน่อย แต่ตอนนี้ ขะ..ข้าเองก็ไม่รู้" ท่าทางของเซียนชรา ก็ไม่ได้ต่างจากผู้นำตระกูลโหลว เพราะคนอื่นไม่รู้ แต่ตาเฒ่าผู้นี้ย่อมรู้ดี ว่าเด็กสาวตรงหน้า สามารถฆ่าเขาได้สบาย "มะ..ไม่ได้การแล้ว!" ใบหน้าเหี่ยวย่นรีบหันไปทางทหารขององค์จักรพรรดิที่เหลือ ทันทีที่ปิงปิงห่างเพียงห้าก้าว "รีบใช้ค่ายกลปราบเซียนเร็วเข้า นางเด็กนี่มีพลังเหนือกว่าข้า!"

พูดไปเหมือนช้า แต่ความจริงใช้เวลาไปไม่ถึงอึดใจ ร่างบอบบางไม่แม้แต่จะหยุดก้าวเดิน กองกำลังทหารระดับสูงขึ้นมายืนเบื้องหน้า ก่อนจะเรียกโล่เหล็กออกมาจากมิติเก็บของ 

โล่เหล็กกว่ายี่สิบอันถูกโยนขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อเป็นรูปร่างสัตว์ยักษ์ที่มีลักษณะคล้ายเสือผสมกับงู ครึ่งลำตัวและหางของมันมีเกล็ดมันเลื่อม  อักขระไหลวนรอบร่างเป็นชั้นๆ 

ตุ้บ!  เมื่อสี่เท้าของมันเหยียบลงบนพื้น ถึงกับทำให้ผืนดินยุบ แรงลมปะทะเข้ากับร่างของปิงปิง ทำให้นางต้องหยุดฝีเท้าลง

ส่วนคนทั้งกลุ่ม บัดนี้ถอยร่นไปหลายร้อยก้าว เหลือเพียงทหารขององค์จักรพรรดิราวยี่สิบกว่าคนที่เป็นผู้ควบคุมค่ายกล 

ปิงปิงมองไปยังสัตว์ร่างยักษ์ที่สูงกว่านางสองช่วงตัวคนด้วยใบหน้าเย็นชา ในหัวคำนวณอย่างเร็วรี่ แค่แรงลมปะทะร่างเมื่อครู่ ก็ทำให้นางรู้ว่าค่ายกลนี้ไม่ธรรมดา หากบุกเข้าไปส่งเดช ไม่แน่ว่าจะตกเข้าไปในกับดัก อีกอย่าง นางไม่โง่พอที่จะต่อสู้กับอะไรที่นางยังไม่รู้จักแน่ 

ฝ่ามือเรียวบาง แบออก ไม่นานกระบี่สีดำคลิบเงินก็ปรากฏขึ้นใจกลางฝ่ามือ "หึ! ไอ้พวกนี้ มันจะรีบตายไปไหนเนี่ย!" พอเสี่ยวเฮ่ยมาถึง ก็บ่นออกมาทันที 

"เสี่ยวเฮ่ย ถ้าข้าฆ่าคนพวกนี้ทั้งหมด จะเกิดปัญหากับองค์จักรพรรดิหรือไม่?"

"ปัญหาน่ะ ต้องมีแน่!" แต่ไม่ใช่กับเจ้าจักรพรรดินั่น เสี่ยวเฮ่ยเอ่ยประโยคหลังต่อในใจ เพราะผู้ที่จะโวยวายมากที่สุดถ้าคนพวกนี้ตายก่อนเวลาอันควร คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจากราชามารเฉิงชิว 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel