บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 ผู้ไม่เกี่ยวข้อง

หลังจากฆ่าคนเสร็จ เฉิงชิวก็กลับขึ้นไปนอนเล่นกับเรือนร่างผู้อื่นบนเตียงเพื่อสร้างความทรมานให้ตัวเองตามประสาจอมมารวิปริต จนกระทั่งเช้าวันใหม่มาเยือน

ปิงปิงตื่นมาพร้อมกับความอบอุ่นทั้งบนฟูกและบนร่าง แต่นางกลับไม่ได้คิดอะไร เพียงแค่ช้อนฝ่ามืออุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมา "อื้อๆ" เสี่ยวไป๋ที่ดวงตายังไม่ลืม ทำเสียงอู้อี้ในลำคอ คล้ายไม่พอใจที่ถูกปลุก ถูไถหัวเล็กๆ ไปมาพยายามคุดเข้าไปในฝ่ามือ จนปิงปิงต้องส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู ก่อนจะกดจุมพิตลงบนขนดำสนิทอย่างแผ่วเบา "เสี่ยวไป๋ ตื่นได้แล้ว" 

"ข้ายังง่วงอยู่เลย ปิงเอ๋อ นอนต่อเถิดนะ"

"ไม่เอา อย่าดื้อสิ วันนี้พวกเรายังมีหลายเรื่องที่ต้องทำ"

ปิงปิงวางเจ้าตัวดีกลับลงบนฟูกก่อนจะลุกมาสวมเสื้อผ้า โดยไม่สนท่าทางออดอ้อนของมัน หลังจากที่จัดการตัวเองจนเสร็จ ถึงได้หันกลับไปมองบนเตียง ไม่ต้องรอให้นางเอ่ยปาก เสี่ยวไป๋ก็บินเข้าไปอยู่ในที่ของตัวเอง ส่วนเสี่ยวเฮ่ยที่ไม่รู้ว่ากลับมาเมื่อไหร่ ก็ลอยเข้ามาอยู่ในมือ

ก่อนที่มือเรียวบางจะคว้าจับที่ประตู ปิงปิงต้องนิ่วหน้าเล็กน้อย เพราะสัมผัสได้ว่ามีคนอยู่อีกฟากหนึ่ง และเหมือนว่าคนผู้นั้นจะกำลังเอาหูแนบกับบานประตู

"เปิดเลยปิงเอ๋อ หึหึ" 

ปิงปิงดึงประตูให้เปิดออกตามที่เสี่ยวไป๋บอก โครม! พลั๋ก ภาพแรกที่นางเห็น คือร่างสูงใหญ่หน้าคะมำลงไปกองกับพื้น ตามด้วยอีกหลายคนล้มลงไปทับ "บัดซบ!" จากนั้นเสียงสบถด่าก็ตามมา "สารเลวเอ๊ย! พวกเจ้าลุกออกไปเดี๋ยวนี้!"

กว่าที่นายกองมิ่งฟาจะลุกขึ้นมายืนได้ ใบหน้าก็เขียวคล้ำไปหมด แต่พอเห็นว่าปิงปิงยืนกอดกระบี่มองมา ถึงได้สติ "นี่เจ้าเหตุใดถึง..."

"หือ? ข้าทำไมหรือ?" ปิงปิงเลิกคิ้วสองข้างขึ้นด้วยท่าทางยียวน มองมิ่งฟาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะมองไปรอบๆ แทนคำถาม ทำให้ชายร่างใหญ่ต้องนิ่วหน้า มองสำรวจปิงปิงกลับมาเช่นกัน ก่อนจะมองไปรอบๆ ห้อง

"เจ้า..เอ่อ.. ท่านอยู่คนเดียว?"

"ใช่"

"แล้วเมื่อคืน ท่านได้พบใครบ้างหรือเปล่า?"

"ไม่! ว่าแต่พวกเจ้า แห่มาทำอะไรกัน หน้าห้องของข้า?"

"มะ..ไม่มีอะไร พวกเราแค่เห็นท่านแม่ทัพเป็นสตรีก็เลยนึกเป็นห่วง ก็แค่นั้น" นายกองมิ่งฟา ตอบได้ไม่เต็มเสียงนัก ก่อนจะหันไปไล่ทหารที่ยังยืนงงอยู่ "ยังมัวมายืนโง่งมอะไรกันอยู่! แม่ทัพปิงออกมาแล้ว ก็เตรียมตัวไปทำภารกิจสิ!"

"ขอรับ" ทหารที่อยู่ดีๆ ก็โดนตะคอก ตอบรับอย่างพร้อมเพรียง พากันเดินออกไปรวมตัวที่หน้าเรือน ร่างสูงใหญ่รีบตามออกไปทันที โดยไม่กล้ามองหน้าปิงปิง

ดวงตาคู่งามหรี่ตาลงมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายด้วยความสงสัย ก่อนจะก้าวตามออกไป แต่ยังไม่ทันที่ทั้งกลุ่มจะออกจากเรือนพัก พ่อบ้านตระกูลโหลวก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา

"พวกท่าน เร็วเถิด เกิดเรื่องใหญ่แล้ว นายท่านของข้าให้มาตามไปรวมตัวกันที่ห้องโถง ตะเกียงดวงจิตของท่านเซียนเฉาดับลง คงถูกปีศาจหมาในสังหารเป็นแน่"

"หา? เกิดขึ้นเมื่อไหร่" ท่าทางตกใจของมิ่งฟา ทำให้หว่างคิ้วของปิงปิงขยับเล็กน้อย "นายกองมิ่ง รู้จักเซียนผู้นั้นด้วยหรือ" พอถูกปิงปิงเอ่ยถาม มิ่งฟาก็เกิดอาการอึกๆ อักๆ "ขะ..ข้าก็แค่ แค่เคยได้ยินชื่อ! ก็แค่นั้น พวกเราอย่ามัวมาคุยกันอยู่เลย รีบไปพบท่านผู้นำตระกูลโหลวเถิด"

ปิงปิงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ เดินตามคนทั้งกลุ่มไปยังห้องโถง ในหัวก็คุยกันเสี่ยวไป๋ไปด้วย "เสี่ยวไป๋ ตะเกียงดวงจิตคืออันใดหรือ?"

ผู้ที่บรรลุขั้นเซียนตอนแก่ มักแยกดวงจิตเก็บไว้ในตะเกียง เพื่อจะใช้ทักษะคืนร่างเปลี่ยนวิญญาณ ต่อให้ร่างเดิมถูกสังหาร วิญญาณก็สามารถกลับเข้ามาพำนักอยู่ในไส้ตะเกียงรอหาร่างใหม่ 

"เข้าร่างคนอื่นเหมือนกับข้าอย่างนั้นหรือ?" พอได้ยินเสี่ยวไป๋เอ่ยเช่นนั้น ปิงปิงก็นึกถึงตัวเองขึ้นมา เพราะนางเองก็มาเข้าร่างอวี้ถิงเช่นกัน "อืม แต่ต่างจากเจ้า เพราะวิญญาณเหล่านั้น ไม่สามารถจะเข้าร่างใครได้ง่ายๆ มันต้องใช้ทั้งค่ายกล ทั้งทักษะ คาถาเวทจากผู้ชำนาญการ มาทำพิธีให้ หากตระกูลโหลวมีทักษะเก็บดวงจิต ก็แสดงว่าที่นี่ ต้องมีผู้ชำนาญการอยู่" 

"แต่เมื่อครู่ ข้าได้ยินว่าตะเกียงดับไปแล้วมิใช่หรือ"

"เพราะเจ้าเซียนนั่น ตายไม่เหลือซากน่ะสิ ตะเกียงถึงได้ดับ กระทั่งวิญญาณก็ไม่เหลือ ผู้ที่ลงมือคงไม่ธรรมดา" เสี่ยวไป๋ตอบเสียงนุ่มนวลราวกับตนเองเป็นผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จนเสี่ยวเฮ่ยที่รู้ทุกอย่างดีต้องส่ายหน้าในใจ ก็คงมีแต่เด็กสาวโง่งมเท่านั้นแหละ ที่จะถูกหลอก ในโลกทั้งสามนี้ ยังจะมีผู้ใดที่ฆ่าคนไม่เหลือซากได้อีกเล่า หากจอมมารผู้นี้เป็นที่สอง ก็คงไม่มีที่หนึ่งแล้ว

เรื่องความคิดของนกกับกระบี่เด็กสาวไม่ได้รับรู้ รู้แต่ว่าวันนี้ ผู้คนในตระกูลโหลวมารวมตัวกันมากมายผิดกับเมื่อวานลิบลับ นั่นแสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้น คงจะเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ กลุ่มของปิงปิงเดินผ่านผู้คนเข้าไปได้เพียงแค่ประตูชั้นที่สามก็ต้องหยุดชะงักลง เพราะคำพูดของนายกองมิ่งฟา "นั่นทหารขององค์จักรพรรดิ พวกเรารออยู่ตรงนี้แหละ"

"ทหารขององค์จักรพรรดิ?"

"ใช่ เป็นทหารหลวงที่ขึ้นตรงต่อองค์จักรพรรดิ อย่าเห็นว่าทหารเหล่านี้มีพลังแค่ปราณยุทธแล้วจะอ่อนแอนะ คนพวกนี้สามารถสังหารขั้นเซียนได้ง่ายดายเชียวล่ะ"

ปิงปิงมองไปยังทหารสวมชุดเกราะสีเงินที่ยืนกันเป็นระเบียบอยู่หน้าประตูห้องโถงอย่างนึกสงสัย "นายกองมิ่ง ไม่ใช่ว่า เรื่องพึ่งเกิดหรอกหรือ แล้วทหารหลวงเหล่านี้ ทำไมถึงได้รู้ข่าวเร็วกว่าพวกเราอีกล่ะ?"

ข้อสงสัยเกี่ยวกับการปรากฏตัวของเหล่าทหารขององค์จักรพรรดิของปิงปิงยังไม่ได้คำตอบ ผู้นำตระกูลโหลวก็มีคำสั่งให้เหล่าทหารรับจ้างรีบไปจัดการกับปีศาจ นายกองมิ่งฟา รับคำสั่งอย่างพินอบพิเทา ก่อนจะบอกให้ปิงปิงและทหารสองคน แยกไปทางตะวันตก ส่วนทหารที่เหลือ แยกกันไปสำรวจรอบๆ แต่ตนเองนั้นกลับรั้งรออยู่หน้าห้องโถง 

พอปิงปิงพ้นมาได้หน่อย เสี่ยวเฮ่ยก็เอ่ยขึ้น "ไอ้นายกองนั่น มันกำลังคิดไม่ซื่อ" 

"อืม ข้ารู้แล้ว" 

"ที่นี่ยังเหลือเซียนอีกหนึ่งคน" เสี่ยวไป๋ โผล่หัวออกมา หรี่ตามองไปข้างหน้า ก่อนจะบินขึ้นมาเกาะบนไหล่ ส่วนทหารที่ติดตามมาทั้งสอง อยู่ๆ ก็บินแยกไป 

บินมาอีกไม่ไกล ปิงปิงก็เห็นร่างของคนผู้หนึ่งลอยตัวอยู่กลางอากาศเบื้องหน้า เสี่ยวเฮ่ยจึงหยุดลงห่างจากคนผู้นั้นราวสี่สิบก้าว 

"เจ้าคงเป็นเด็กสาวที่มิ่งฟาเอามาขายให้ซือเฉาสินะ" 

คำถามของชายชรา ไม่ได้ทำให้ปิงปิงแปลกใจ เพราะรู้อยู่แล้ว ว่ามิ่งฟาต้องการให้นางมาที่นี่เพราะมีแผนชั่ว "ใครจะขายใครนั้น ข้าไม่รู้ แต่ทหารกระจอกคิดขายข้า ต่อให้เกิดชาติหน้ามันก็ยังทำไม่ได้!"

"ดี! ยโสโอหังดี! แบบนี้ ค่อยเหมาะจะเป็นเตาหลอมพลังของข้าหน่อย"

พอได้ยินคำว่าเตาหลอมพลัง ใบหน้างามก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา เพราะนางรังเกียจบุรุษที่ชอบกดขี่ข่มเหงสตรีเป็นที่สุด ฝ่ามือเรียวบางแบออก เรียกเสี่ยวเฮ่ยใต้ฝ่าเท้าเข้ามาอยู่ในมือ ชายชราเห็นเช่นนั้น รอยยิ้มก็แข็งค้างไป หว่างคิ้วเริ่มขมวดมุ่น

"ข้าคิดว่ามีแต่บุรุษโง่งมไร้ค่าที่เอาแต่ดูถูกสตรีอย่างเจ้ามิ่งฟานั่นเสียอีก ที่มีตาแต่ไร้สมอง ไม่นึกว่าขั้นเซียนอย่างเจ้าก็จะเป็นเช่นนั้นด้วย" บัดนี้ร่างของปิงปิงลอยอยู่กลางอากาศอย่างมั่นคง ไม่ต่างจากชายชรา มิหนำซ้ำยังมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูถูก

ผู้ที่ไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่บินเพื่อเหาะเหิน จะมีก็แต่ผู้ที่ตัดผ่านขั้นเซียนไปแล้วเท่านั้น และเวลานี้ ปิงปิงก็ไม่ได้ยืนอยู่บนกระบี่อีกแล้ว หากชายชราผู้นี้ยังไม่รู้อีก ก็คงโง่เต็มทน 

แต่ใครจะไปคิด ว่าเซียนผู้นี้จะโง่จริงๆ 

"ฮึ! นังหนู เจ้าคิดว่าลอยตัวได้โดยไม่ใช้กระบี่ แล้วผู้ชราอย่างข้าจะคิดว่าเจ้าเป็นเซียนอย่างนั้นหรือ อย่าทำเก่งไปหน่อยเลย เป็นแค่สตรีตัวเล็กๆ ที่ไร้ตระกูลใหญ่หนุนหลัง เจ้าคิดว่าใครจะเชื่อ มาเป็นทาสรับใช้ของข้าดีกว่าสาวน้อย ข้ารับรองว่าเจ้าจะได้อยู่ดีกินดีว่าคนอื่น อีกอย่างมีข้าคุ้มครอง ไม่มีใครกล้ารังแกเจ้า"

"นั่นก็ต้องดูความสามารถของเจ้าแล้ว ว่าจะมีปัญญาไหม" ปิงปิงเพียงแค่ปลดปล่อยพลังออกมา ก็ทำให้ชราที่ลอยตัวอยู่ถึงกับเสียหลัก แทบจะร่วง ชายชราผู้นี้ อยู่ในขั้นเซียนระดับหนึ่ง ซึ่งนับว่ามีพลังต่ำกว่าปิงปิง คราวนี้ไม่เพียงรอยยิ้มของชายชราจะเลือนหาย แต่สีหน้ายังเผยความหวาดกลัวออกมาชัดเจน 

จะว่าไปเซียนส่วนใหญ่มักตัดผ่านขั้นเซียนตอนที่มีร่างกายแก่เฒ่า หากเป็นอัจฉริยะหน่อย อย่างน้อยก็เป็นเซียนตอนร่างกายมีอายุราวสี่สิบขึ้น ซ้ำยังมีแต่บุรุษ เพราะสภาพร่างกายและจิตใจของสตรีไม่พร้อมด้วยเหตุหลายประการ 

แต่ปิงปิงไม่เพียงตัดผ่านขั้นเซียนตั้งแต่อายุสิบกว่า แต่ยังเป็นสตรี มิหนำซ้ำ พลังของนางตอนนี้ สามารถสังหารขั้นเซียนระดับหนึ่งได้สบาย จะไม่ให้ชายชราหวาดกลัวได้อย่างไร 

"นะ..นี่เจ้า! ถึงกับเป็นเซียนจริงๆ อัก!" เซียนชรา ร่างกายซวนเซ พยายามต้านแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างของเด็กสาวจนกระอักเลือด

"ยังอยากได้ข้าไปเป็นทาสอยู่ไหม?" ปิงปิงเอ่ยถามเสียงเย็น 

"มะ..ไม่แล้ว ข้าต้องขออภัย เป็นข้ามีตาหามีแววไม่" ร่างชายชรา ค่อยๆ โรยตัวลงไปที่พื้น เพราะการที่ต้องลอยตัวและต้านทานแรงกดดัน ทำให้สูญเสียพลังไปมาก 

เดิมทีปิงปิงก็คิดจะฆ่าทิ้งให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่ถูกเสี่ยวไป๋ห้ามเอาไว้ ก็เลยยอมปล่อยผ่านไป ความจริงเสี่ยวไป๋ก็ไม่ได้ใจดีอันใด แค่อยากสูบพลังชีวิตผู้คนเท่านั้นเอง เกรงว่าเซียนชราผู้นี้ คงมีชีวิตอยู่ไม่พ้นคืนนี้เป็นแน่ 

"เสี่ยวไป๋ เสี่ยวเฮ่ย พวกเจ้าว่า เจ้ามิ่งฟานั่นยังมีแผนชั่วอันใดอีก"

"ช่างมันเถิดปิงเอ๋อ พวกเราไปตามหาปีศาจหมาในก่อนจะดีกว่า"

เจตนาของเสี่ยวไป๋ ปิงปิงคงไม่มีทางเดาถูก แต่เสี่ยวเฮ่ยที่พึ่งได้รับคำสั่งมาหมาดๆ กลับรู้เป็นอย่างดี เพราะมันถูกสั่งให้วาดค่ายกลเตรียมเอาไว้ ดูท่าแล้ว คงไม่เกินสามวัน ตระกูลโหลวคงมีจุดจบเหมือนกับสำนักฉือคุน

หลังจากที่ปิงปิงจากมา ชายชราถึงค่อยหายใจโล่งขึ้น เรื่องน่าตื่นตะลึงเช่นนี้ ทำให้เซียนเฒ่าคิดหนัก อดคิดไม่ได้ว่า ปิงปิงอาจเป็นคนลงฆ่าซือเฉา พอคิดมาถึงตรงนี้ เจ้าตัวก็คิดจะขายปิงปิงให้องค์จักรพรรดิ เพราะหญิงสาวอย่างปิงปิงคงหาไม่ได้อีกแล้วในดินแดนจักรพรรดิทั้งห้านี้

ปิงปิงไม่ได้รับรู้ความคิดชั่วร้ายของเซียนชรา มุ่งหน้าไปยังป้อมที่นางเห็นความผิดปกติ ยังไม่ทันจะถึง ปิงปิงก็สัมผัสกับอะไรบางอย่าง "กลิ่นอายนี่มัน....?" 

"กลิ่นอายปีศาจระดับสูง" เสี่ยวเฮ่ยลอยออกจากมือของปิงปิง พุ่งไปทางหอสังเกตการณ์บนป้อมที่ยี่สิบ "ทหารยาม ตายหมดแล้ว"

"ถ้าอย่างนั้น ปีศาจหมาในคงอยู่แถวนี้กระมัง" ปิงปิงใช้พลังจิตกวาดมองไปรอบๆ บริเวณ แต่กลับไม่พบอะไร 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel