บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 ปีศาจ?

ปิงปิงนั่งสมาธิได้ไม่นาน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้งจากหญิงสาวคนเดิม แต่คราวนี้ นางไม่เพียงมองหน้าปิงปิง แต่ยังมองมาด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน "ท่านแม่ทัพปิง ข้าต้องขออภัยที่ก่อนหน้านี้แสดงกิริยาไม่ดีใส่ท่าน หวังว่าท่านจะให้อภัย ที่ข้าต้องมารบกวนอีกครั้ง ก็เพราะว่านายกองมิ่งฟาต้องการจะขอโทษท่านเรื่องเมื่อครู่ พอดีว่าเขาไม่รู้ว่าท่านเป็นแม่ทัพ"

ปิงปิงได้ยินเช่นนั้นได้แต่ยิ้มเย็นในใจ แต่ใบหน้ายังนิ่งเฉยไม่เปลี่ยน "มีอะไรก็ว่ามาเถิด ไม่จำเป็นต้องพูดจาให้มากความ"

น้ำเสียงเฉยชาของปิงปิง ทำให้ใบหน้าที่ปั้นยิ้มของสตรีตรงหน้าแข็งค้างไปเล็กน้อย แต่ก็เพียงครู่เดียว รอยยิ้มเสแสร้งก็กลับมาดังเดิม "กลุ่มของนายกองมิ่งฟายังต้องการให้ท่านไปเป็นผู้บัญชาการ ไม่รู้ว่าแม่ทัพปิงยินดีที่จะรับงานหรือไม่ ถ้าหากรับ ก็ออกเดินทางได้เลยเจ้าค่ะ นายกองมิ่งฟาจะอธิบายเกี่ยวกับภารกิจให้ฟังที่หลังเอง"

ปิงปิงไม่ได้ตอบคำถามในทันที แต่กลับปรึกษากับเสี่ยวไป๋ในใจ "เสี่ยวไป๋ เจ้าว่าข้าควรไปดีไหม?"

"ดีสิ เจ้าจะได้หาประสบกาณ์ ปีศาจหมาในหางเม่นนั่นนับเป็นปีศาจระดับสูง ยิ่งถ้าพวกที่มีตบะแก่กล้า พลังของมันเทียบเท่าขั้นเซียนของมนุษย์เลยด้วยซ้ำ และมันยังกลายร่างเป็นมนุษย์ได้อีกด้วย"

"อืม ก็ดีเหมือนกัน เพราะตั้งแต่เลื่อนขั้นมาเป็นเซียน ข้ายังไม่เคยต่อสู้จริงๆ จังๆ สักที" หลังจากที่คุยกับเสี่ยวไป๋จบ ปิงปิงก็เรียกเสี่ยวเฮ่ยเข้ามาถือไว้ในมือ ก้าวออกจากห้องโดยไม่เอ่ยอะไรเหมือนกับครั้งแรก

ในห้องโถงด้านล่าง เวลานี้มีผู้คนไม่มากนัก เหลือเพียงพวกที่มารับภารกิจ กับกลุ่มของนายกองมิ่งฟาที่ยังอยู่ที่เดิม ปิงปิงไม่ได้สาวเท้าเข้าไปหาเหมือนครั้งก่อน เพียงยืนกอดกระบี่พิงโต๊ะรับงานของสามสาว 

ไม่นานมิ่งฟาก็ต้องลุกจากเก้าอี้เป็นฝ่ายเดินมาหานางเอง "ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพ พร้อมหรือยัง" ชายร่างสูงใหญ่ เอ่ยถามปิงปิงทันที ที่เดินมาใกล้ ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้แสดงความเคารพนบนอบ แต่ปิงปิงก็ไม่คิดสนใจ ตอบออกไปด้วยเสียงเฉยชา "นำทางไป"

มิ่งฟายกยิ้มมุมปาก ผายมือให้ปิงปิง ก่อนจะเดินนำไป ตามด้วยทหารทั้งกลุ่ม พอพ้นออกมาจากหน้าประตู ถึงได้เอ่ยขึ้น "ท่านแม่ทัพคงรู้กฎของที่นี่กระมัง พวกเราต้องออกจากประตูเมืองก่อน ถึงจะใช้กระบี่บินได้"

ปิงปิงพยักหน้าแทนคำตอบ สายตามองไปยังแสงอาทิตย์ด้านนอก เพื่อกะเวลาในใจ ทั้งกลุ่มเดินออกจากหอภารกิจ ตรงไปยังประตูเมืองทิศเหนือ 

"หลังจากออกจากเมือง พวกเราจะเข้าไปยังเขตปกครองของอุปราชโหลวที่อยู่ห่างจากเมืองไปสองร้อยลี้ ตระกูลโหลวเป็นผู้ว่าจ้างให้ทำภารกิจนี้ ว่ากันว่าปีศาจหมาในหางเม่นที่อาละวาดที่นั่นเป็นปีศาจระดับสูง พลังน่าจะเทียบเท่าเซียนระดับสอง พวกเราถึงต้องการแม่ทัพ ไม่รู้ว่าท่านแม่ทัพจะไหวหรือไม่" ระหว่างทางมิ่งฟาก็เริ่มอธิบายถึงภารกิจให้ปิงปิงฟัง

"ไปถึงก่อนแล้วค่อยว่ากัน"

"แต่ข้าขอเตือนไว้ก่อน ไม่เพียงปีศาจเท่านั้นที่ร้ายกาจ แต่ตระกูลโหลวของท่านอุปราชก็หาใช่ธรรมดา ซ้ำยังเป็นตระกูลขุนนางใหญ่ พอไปถึงที่นั่น ต่อให้เป็นแม่ทัพอย่างท่านก็ห้ามทำหยิ่งผยอง เพราะพวกเขาเป็นตระกูลขุนนาง แต่พวกเรามันแค่ทหารรับจ้าง ข้าพูดเช่นนี้ ท่านคงพอเข้าใจกระมัง" ปิงปิงพยักหน้ารับรู้เหมือนเช่นเคย จากนั้นมิ่งฟายังอธิบายเพิ่มเติมอีกหลายประโยค จนกระทั่งพวกเขามาถึงประตูเมือง

พอเดินพ้นประตูเมืองออกมาได้หน่อย แต่ละคนก็เรียกกระบี่บินออกมา ความจริงพลังของปิงปิงจะใช้กระบี่หรือไม่ก็ได้ แต่นางคร้านจะเป็นจุดสนใจ จึงเรียกเสี่ยวเฮ่ยมาใช้เหมือนคนอื่น

ความคิดชั่วช้าของทหารรับจ้างกลุ่มนี้ ต่อให้โง่แค่ไหนก็ต้องมองออก และเหมือนว่าเสี่ยวไป๋จะรู้สึกชอบใจเป็นพิเศษ 'ปิงเอ๋อ เจ้าอย่าพึ่งรีบฆ่าเจ้าพวกนี้เร็วนักนะ ข้าจะใช้พวกมันเป็นเหยื่อล่อปีศาจหมาใน'

"อืม ได้ ว่าแต่ ปีศาจหมาในที่ว่าโหดร้ายแค่ไหนหรือ?"

"มันก็ตอบยากนะ ขึ้นชื่อว่าปีศาจความโหดร้ายย่อมมีอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว ส่วนจะมากจะน้อยก็แล้วแต่สภาวะแววดล้อม ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์"

ปิงปิงสอบถามข้อมูลของปีศาจกับเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเฮ่ยไปตลอดทาง จนกระทั่งเข้าเขตพื้นที่ของตระกูลโหลว เมื่อมาถึงหน้าป้อม ทุกคนก็ต้องพากันลงเดินเท้าเข้าไปรายงานตัวไม่ต่างจากในเมือง

พอองครักษ์หน้าป้อมรู้ว่าทั้งกลุ่มเป็นทหารรับจ้างที่มารับภารกิจ ถึงได้อนุญาตให้เหาะเหินได้ เพราะที่ดินในเขตปกครองของตระกูลโหลก็ไม่ต่างอะไรกับเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง ประตูป้อมทิศใต้ ห่างจากทิศเหนือราวสองร้อยลี้ ตลอดเส้นทางไปยังจุดศูนย์กลาง มีสวนไร่นาไปตลอดทาง และยังมีป้อมปราการที่ใช้ดูแลความสงบถึงสี่สิบจุด พร้อมค่ายกลสองชั้นล้อมรอบ

นับว่าการป้องกันไม่ใช่ธรรมดา ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ปีศาจที่จะเข้ามาอาละวาดที่นี่ได้ ต้องมีพลังสูงพอควร และที่ปิงปิงคิดว่าแปลกที่สุดก็คือ เสี่ยวไป๋บอกว่าที่นี่มีผู้ที่มีพลังขั้นเซียนอยู่ถึงสองคน แล้วเหตุไฉนยังต้องไปจ้างหอภารกิจ

ผู้นำตระกูลโหลวมีนามว่าโหลวฟางเหมี่ยน เป็นน้องชายแท้ๆ ของอุปราชโหลว ในพื้นที่ตระกูลโหลวแห่งนี้ นับว่าสมแล้วที่เป็นที่ดินในเขตปกครองของขุนนางใหญ่ เพราะความเจริญไม่ต่างอันใดกับในเมือง ขนาดผู้คนในปกครองระดับล่างสุดอย่างพวกข้ารับใช้ยังมีพลังขั้นต่ำอยู่ที่ขั้นปราณยุทธระดับเจ็ด 

ในตอนที่นายกองมิ่งฟาแนะนำปิงปิงกับผู้นำตระกูล เด็กสาวยังถูกมองด้วยสายตาดูถูกเหมือนอย่างเคย โหลวฟางเหมี่ยนไม่แม้แต่จะเสวนากับนาง เพียงพูดคุยกับนายกองมิ่งฟาเท่านั้น

"เจ้าแน่ใจหรือ ว่านางคือแม่ทัพของพวกเจ้า นี่หอภารกิจสิ้นบุรุษมีฝีมือไปหมดแล้วหรือ?" ไม่เพียงแค่สายตาเท่านั้นที่ดูถูก กระทั่งวาจายังไม่ไว้หน้า มิ่งฟาได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มกว้างอย่างนอบน้อม "ไม่ใช่ไม่มีขอรับ แต่แม่ทัพทั้งสี่ ต่างมีพลังไม่พอที่จะรับภารกิจนี้ ส่วนบรรดาท่านนายพลเวลานี้กำลังยุ่งอยู่กับภารกิจของท่านเจ้าเมืองที่สั่งตรงมาจากองค์จักรพรรดิขอรับ"

ผู้นำตระกูลโหลวถอนหายใจออกมา คล้ายจะไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่ได้ยินเท่าไหร่ ปิงปิงนั่งฟังบทสนทนาของทั้งสองอยู่เงียบๆ ไม่คิดจะเอ่ยวาจา อีกทั้งยังไม่ได้มีท่าทางนอบน้อมเหมือนเช่นมิ่งฟา เพียงแต่ใช้พลังจิตกวาดมองไปรอบๆ เขตปกครอง 

"เอาล่ะๆ ช่างเถิด นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว เดี๋ยวข้าให้คนพาพวกเจ้าไปพัก พรุ่งนี้ก็รีบๆ จัดการให้เสร็จ" 

"ขอรับ"

โหลวฟางเหมี่ยนโบกมือด้วยความรำคาญให้ทั้งสองถอยออกมา ปิงปิงเป็นคนที่เดินนำออกมาเป็นคนแรก ตามหลังมาด้วยมิ่งฟา จากการใช้พลังจิตสำรวจเมื่อครู่ นางพบความผิดปกติบางอย่าง ระหว่างป้อมที่ยี่สิบถึงป้อมที่ยี่สิบเอ็ด 

"เสี่ยวไป๋ เสี่ยวเฮ่ย พวกเจ้าคิดเช่นไร" 

"ปล่อยไปก่อน เล่นสนุกกับคนพวกนี้อีกสักหน่อย เดี๋ยวค่อยจัดการ"

"อืม"

เมื่อเสี่ยวไป๋ว่ามาอย่างนั้น เสี่ยวเฮ่ยยังจะพูดอะไรได้อีก 

เมื่อมาถึงห้องพักที่ถูกเตรียมไว้ มิ่งฟาทิ้งสายตามาทางปิงปิงนัยน์ตาเป็นประกาย ก่อนจะพากันแยกย้ายกันเข้าห้องของตัวเอง ซึ่งสกุลโหลวไม่ได้ส่งข้ารับใช้มาดูแลทหารรับจ้างเหมือนแขกคนอื่นๆ กระทั่งที่พัก ยังเป็นที่พักรวมของพวกองครักษ์ ปะปนกันทั้งชายและหญิง มองดูก็รู้ ว่าคนตระกูลนี้ไม่ได้ให้ค่ากับพวกทหารรับจ้าง

ปิงปิงเข้าห้องได้ ก็เหมือนว่าจะก้าวเข้าไปอีกโลกหนึ่งทันที เรื่องปีศาจ เรื่องตระกูลโหลว เรื่องทหารใต้บังคับบัญชา ล้วนไร้ความหมาย 

"ปิงเอ๋อ พวกเรารีบอาบน้ำนอนกันดีกว่า ข้าเหนื่อยจะแย่แล้ว"

"__" ปิงปิง

เพ้ย! ท่านเหนื่อยอะไรนักหนา เห็นเอาแต่นอนซุกอยู่ในอกผู้อื่น เป็นข้าต่างหากที่เหนื่อย! เสี่ยวเฮ่ยได้แต่สบถในใจ ทันที ที่ได้ยินคำพูดของเสี่ยวไป๋ 

หลังจากนั้นอีกไม่นาน กระบี่ไม้ก็ถูกเขวี้ยงออกนอกหน้าต่างไปหลายร้อยลี้อีกตามเคย

ร่างบอบบางที่ไร้ซึ่งเสื้อผ้าอาภรณ์ นอนหลับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ปล่อยให้ชายหนุ่มผมแดงสำรวจไปทั่วเรือนร่าง ดวงตาสีแดงของเฉิงชิว เปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว เมื่อฝ่ามือสัมผัสลงต่ำ ยิ่งพลังเซียนในร่างเลื่อนระดับ ร่างกายของปิงปิงก็ยิ่งงดงามขึ้นอีกเท่าตัว ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาขาวใสไม่ต่างจากทารกแรกเกิด 

ใบหน้าหล่อเหลาซุกอยู่บนซาลาเปาสองลูก ที่เริ่มโตตามตัวอย่างหลงใหล ปากก็พร่ำบ่นเสียงแหบพร่าด้วยความทรมาน "ปิงเอ๋อ ข้าอยากออกมาแล้ว ทำไงดี" พอคิดไปถึงต้นเหตุที่ทำให้ตนเองต้องถูกขัง เฉิงชิวก็เกิดหัวเสียขึ้นมา จนต้องรีบผละออกจากร่างเล็ก "ไอ้พวกเทพบัดซบ! ออกมาได้เมื่อไหร่ ข้าจะทำให้สวรรค์ลุกเป็นไฟเลยคอยดู!"

อยู่ๆ ดวงตาแดงเข้มของท่านราชามารก็เปลี่ยนเป็นสีเลือด ขยับผ้าห่มคลุมร่างของปิงปิงจนมิดชิด ก่อนจะลุกขึ้นมายืนเอามือไพล่หลัง รอผู้ที่กำลังจะเปิดประตูเข้ามา ส่วนปิงปิงที่สะกดด้วยเวทยังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว

เฉิงชิวแสยะยิ้มชั่วร้าย คล้ายอารมณ์โกรธเกรี้ยวเมื่อครู่กำลังจะได้ที่ระบาย

"ท่านเซียนขอรับ นางเด็กนั่นพักอยู่ในห้องนี้ขอรับ ข้ารับรองว่านางงดงามมากจริงๆ หากท่านเจ้าเมืองเห็นก่อน เกรงว่าคงจะไม่เหลือ อีกอย่าง นางจะพึ่งมาจากดินแดนชั้นต่ำ รับรองว่าเบื้องหลังไม่มีคนสนับสนุนแน่นอนขอรับ"

"ดี! ดีมาก! เจ้าทำได้ดี! หากพลังของนางอยู่ที่ปราณยุทธระดับหกระดับเจ็ดอย่างที่เจ้าว่าจริง ข้าจะมอบทักษะทวนระดับกลางให้เจ้าเป็นรางวัล" 

"ขอบพระคุณขอรับท่านเซียน เชิญท่านเข้าไปได้เลยขอรับ ข้าน้อยไม่รบกวนแล้ว" มิ่งฟารีบเอ่ยขอบคุณด้วยความดีใจ ก่อนจะกลับเข้าห้องด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม "ฮึ! นางตัวดี กล้าดูถูกข้าหรือ นี่มันแค่เริ่มต้น พวกเรายังได้สนุกกันอีกเยอะ!"

ทุกการกระทำและคำพูดคำจาของคนทั้งสองตกอยู่ในสายตาของราชามาร ทำให้มุมปากสีแดงสดยกสูงขึ้นไปอีก นัยน์ตาสีแดงคล้ายจะฉ่ำไปด้วยเลือด

ประตูถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย พร้อมกับร่างของชายชรา แต่อีกฝ่ายก็ต้องชะงักไป จากนั้นร่างกายก็เหมือนถูกดึงให้เข้ามาในห้อง

ปั้ง! ประตูปิดลงอย่างแรง ห้องทั้งห้องเต็มไปด้วยอักขระค่ายกล พลังชีวิตของเซียนชราถูกสูบออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องขอชีวิต หรือแม้แต่จะเอ่ยวาจา ตกตายอย่างไร้สุ้มไร้เสียง กระทั่งโครงกระดูกยังกลายเป็นผุยผง ไม่นาน ห้องพักของปิงปิงก็กลับมาเป็นปกติ คล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ความจริงพลังของเฉิงชิวในเวลานี้ หากให้สู้กันซึ่งๆ หน้า อย่าว่าแต่เซียนตรงหน้าเลย ต่อให้เป็นนายกองมิ่งฟา ก็สามารถฆ่าเจ้าตัวได้สบาย แต่เฉิงชิวคือใคร คือราชามารที่มีอายุมาหลายพันปี เรื่องดี เรื่องมีเกียรติอะไรเทือกนั้น ท่านจอมมารผู้นี้ทำไม่เป็นหรอก ขอเพียงแค่ฆ่าได้ จะใช้วิธีชั่วช้าแค่ไหนก็ไม่เกี่ยง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel