อ้อมกอดของสามี
“นางเป็นบุตรสาวของรองแม่ทัพลี่น่ะ”
“แล้วทำไมนางถึงกลับมาพร้อมท่านล่ะเจ้าคะ”
“ตอนนี้นางไร้ที่พึ่ง ครอบครัวของนางล้วนตายไปหมดแล้ว นับจากนี้ไปนางจะมาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย”
ร่างบางหันไปมองหน้าสตรีนางนั้นด้วยความเห็นใจที่ต้องสูญเสียครอบครัว
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้นางอยู่เรือนรับรองก็แล้วกัน”
“ลี่ถิง”
“เจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ”
“มาคารวะฮูหยินของข้าสิ”
“ลี่ถิง คารวะฮูหยิน” เอ่ยพร้อมโน้มตัวลงเคารพตามมารยาท แม้นางจะรู้สึกไม่พอใจที่ท่านแม่ทัพไม่ได้แนะนำนางให้ฮูหยินของเขารู้จักอย่างเป็นทางการว่านางมีฐานะใด
“ตามสบายเถิด อยู่ที่นี่กฎในจวนไม่ได้เข้มงวดเหมือนค่ายทหาร ขอเพียงเจ้าทำตามกฎของตระกูลเป็นพอ อย่างที่เจ้าเห็นสตรีที่กำลังร้องไห้อยู่คือมารดาเลี้ยงของท่านแม่ทัพ แม้นางจะไม่ใช่แม่แท้ ๆ แต่ถ้าหากอยู่ที่นี่เจ้าจะต้องเคารพนาง ไม่ต่างจากท่านแม่ทัพ”
“ลี่ถิง คารวะฮูหยิน” นางพูดขึ้นอีกครั้ง ทำให้เถียน ไฉ่หงลุกขึ้นยืนพร้อมวางท่าประหนึ่งเป็นเจ้าของจวน
“หน้าตาของเจ้าสะสวยใช้ได้ มิน่าเล่าหลิงเหยียนถึงได้พาเจ้าเข้าจวนมาด้วย เห็นทีคงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้วกระมัง”
“ฮูหยิน” แม่ทัพหนุ่มเรียกหญิงวัยชราเสียงเข้ม ก่อนหันไปมองหน้าฮูหยินของตัวเอง
“หากไม่มีอันใดแล้ว เจ้าไปพักผ่อนเถิด ข้าจะให้สาวใช้นำทางไปที่เรือนรับรอง”
“ขอบคุณฮูหยินที่มีน้ำใจ ถ้าเช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว”
คล้อยหลังลี่ถิง ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้น
“ศพของสามีข้าอยู่ที่ใด”
“ข้าฝังศพของท่านพ่อไว้ที่บ้านเดิมสกุลหลิงแล้วขอรับ”
“เหตุใดเจ้าถึงทำตามอำเภอใจ เจ้าควรถามความเห็นข้าก่อนมิใช่รึ”
“ทุกอย่างเป็นความต้องการของท่านพ่อ ว่าแต่ท่านเถิดตัดสินใจแล้วรึยังว่าจะอยู่ที่นี่ต่อไปหรือจะกลับบ้านเดิม”
“เจ้าถือดีอย่างไรถึงกล้ามาไล่ข้า!”
“ท่านไม่ใช่ทั้งมารดาผู้ให้กำเนิดข้า ทั้งยังไม่ใช่คนที่เลี้ยงดูข้ามาอีก มิหนำซ้ำยังไม่ใช่ฮูหยินเอกที่ตบแต่งเข้ามาอย่างถูกต้องตามประเพณี ท่านว่าข้าพูดถูกหรือไม่”
“เจ้านิสัยเหมือนมารดาของเจ้าไม่มีผิด! มิน่าเล่าท่านแม่ทัพถึงไม่เคยเห็นลูกในไส้อย่างเจ้าอยู่ในสายตา” ท้ายประโยคนางค่อนแคะลูกเลี้ยงด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
หลิงเหยียนกำหมัดแน่น ยามหวนคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่บิดาขอตัดขาดจากมารดาทำให้บ้านแตกสาแหรกขาด ต้นเหตุมาจากสตรีผู้นี้
“ท่านแม่ทัพเพิ่งเดินทางมาถึงคงเหนื่อยไม่น้อย ข้าว่าพวกเรารีบกลับเรือนกันเถิด” อวี้เหม่ยห้ามทัพ ถึงแม้ว่าจะไม่อยากทำก็ตามที ทว่ามีสายตานับสิบคู่จ้องมองมาทำให้ต้องทำแบบนี้
หญิงสาวเดินนำร่างสูงมาจนถึงเรือนเดิมที่อาศัยอยู่ก่อนที่จะไปออกรบที่ชายแดน
“ตั้งแต่ที่รู้ข่าวว่าท่านพี่จะกลับมาข้าได้ให้บ่าวรับใช้มาซ่อมแซมเรือนของเราแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้ายังคงเป็นคนรอบคอบไม่เปลี่ยน หลายปีมานี้ลำบากเจ้าแล้ว”
“ลำบากอะไรกัน เป็นท่านแม่ทัพต่างหากที่ตรากตรำอยู่ที่ชายแดน ข้าเพียงแค่รอท่านอยู่ที่นี่ก็เท่านั้น”
“ห้องด้านข้างเจ้าได้ให้คนมาทำความสะอาดรึไม่” เขาเปลี่ยนเรื่อง
“เจ้าค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ข้าจะไปนอนที่นั่น”
“ทำไมล่ะเจ้าคะ ห้องนี้ออกจะกว้างขวางพวกเราสามารถอาศัยอยู่ด้วยกันได้สบาย”
“ข้าแค่เหนื่อยน่ะ อีกทั้งพวกเราทั้งคู่ยังไม่เคยร่วมหอกันคงดีกว่าหากหาฤกษ์เข้าหอใหม่”
อวี้เหม่ยระบายยิ้มออกมา หลังจากได้ยินเขาอธิบาย เรื่องพวกนี้มีหรือที่นางจะไม่รู้เพียงแต่ไม่คิดว่าบุรุษอกสามศอกอย่างสามีนางจะให้ความสำคัญกับเรื่องจุกจิกพวกนี้
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้เพ่ยอิงไปตรวจดูความเรียบร้อยให้ก่อนนะเจ้าคะ”
หลิงเหยียนพยักหน้ารับรู้ เวลาผ่านไปไม่นานนักห้องนั้นก็พร้อมให้เขาได้พักอาศัยอยู่จนกว่าจะได้ฤกษ์เข้าหอใหม่จากพ่อบ้านไห่
