การกลับมาของเขา
“ฮูหยิน ท่านเข้าไปรอข้างในเรือนนอนก่อนเถิด ประเดี๋ยวบ่าวจะตามเข้าไป”
“ขอบใจเจ้ามาก” ม่านโหรวกล่าวขอบคุณสาวใช้เช่นนี้ประจำ เพราะรู้ดีว่าสาวใช้คนสนิทจะไปทำอันใด
“บ่าวจะประคบเย็นให้นะเจ้าคะ” เพ่ยอิงกลับมาพร้อมกับถังน้ำเย็นหนึ่งถังและผ้าชุบน้ำหมาด ๆ แล้วบรรจงประคบตรงมือให้คนเป็นเจ้านาย
“เรื่องนี้เจ้าอย่าได้บอกผู้ใดเป็นอันขาด โดยเฉพาะท่านแม่”
“บ่าวถามจริง ๆ เถิดเจ้าค่ะ เหตุใดท่านถึงยอมให้ ฮูหยินรังแกเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนท่านหาได้ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำฝ่ายเดียว”
“ถึงอย่างไรเสียนางก็ได้ชื่อว่าเป็นมารดาของสามีข้า แม้จะไม่ใช่มารดาแท้ ๆ ของท่านแม่ทัพก็ตามที” นางยังคงตอบคำถามด้วยถ้อยคำเดิมเหมือนสามปีก่อนไม่มีผิดเพี้ยน ฝ่ายเพ่ยอิงไม่ได้ซักไซ้อันใดต่อเพราะรู้เหตุผลที่แท้จริงอยู่แก่ใจ เพราะคำว่ารักคำเดียวทำให้คุณหนูของนางยอมทุกอย่าง
เวลาได้ผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า หลิวอวี้เหม่ยมองไปทั่วทั้งฝ่ามือของตัวเองที่บัดนี้รอยบอบช้ำจากการถูกน้ำร้อนลวกหายดีแล้ว
“ฮูหยิน!” เสียงเรียกของสาวใช้ดังขึ้นทำให้นางหลุดจากภวังค์
“มีอะไรงั้นหรือ”
“คือว่า แฮ่ก ๆ ท่านแม่ทัพกลับมาแล้วเจ้าค่ะ! บ่าวในจวนบอกว่าเห็นขบวนรถม้ากับทหารจำนวนมากผ่านด่านประตูใหญ่ของเมืองหลวงแล้ว”
“จริงรึ!” นางเอ่ยด้วยความดีใจ หลังจากได้ยินสิ่งที่ เพ่ยอิงบอก
“เจ้าค่ะ
เถียนไฉ่หงเห็นลูกสะใภ้มายืนรอตรงประตูใหญ่หน้าจวนอยู่ก่อนแล้ว หลังจากทราบข่าวว่าแม่ทัพหลิงเหยียนมาถึงแล้วเอ่ยถามขึ้น
“เจ้าก็มาด้วยรึ”
“ข้าต้องมาอยู่แล้วสิเจ้าคะ สามีข้ากลับมาทั้งที”
“อย่าได้ปากดีไปฟ้องหลิงเหยียนเชียว มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
นางหาได้มีกะจิตกะใจฟังคำขู่ของมารดาเลี้ยงของสามี แต่จดจ่อมองไปยังถนนหน้าจวนด้วยใจเต้นระทึกเต็มที เพราะในที่สุดจะได้เจอคนที่ตนรอมาเนิ่นนาน
“ฮูหยิน ท่านแม่ทัพมาถึงแล้วเจ้าค่ะ” เสียงสาวใช้ร้องบอกเจ้านายของตน
“ข้าเห็นแล้ว” นางเอ่ยตอบ ในขณะที่สายตาจดจ้องไปที่ชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังควบม้ามาที่จวนตระกูลหลิง โดยมิได้สังเกตว่ามีรถม้าตามหลังมาด้วย หลิวอวี้เหม่ยยังไม่ทันจะได้เอื้อนเอ่ยอันใด นางก็เห็นเขาเดินจับมือสตรีนางหนึ่งลงจากรถม้า ภาพตรงหน้าที่เห็นทั้งคู่ส่งยิ้มให้กันทำให้ใจของนางเจ็บปวดรวดร้าวขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามปราม
“หึ” เถียนไฉ่หงเหยียดยิ้ม ก่อนหันกลับไปมองลูกสะใภ้ด้วยท่าทียิ้มเยาะ ยามเห็นใบหน้าสตรีอ่อนวัยกำลังหน้าเสีย เมื่อเห็นสามีของตนเดินควงคู่มากับสตรีที่ไหนก็ไม่รู้
“ฮูหยิน” เขาเอ่ยเรียกแม่เลี้ยงของตนว่าฮูหยิน ด้วยไม่เคยคิดว่านางเป็นมารดาถึงได้เอ่ยอย่างเป็นทางการเช่นนี้
“ท่านแม่ทัพเล่า เหตุไฉนถึงมีเพียงเจ้ากับแม่นางผู้นี้”
“ท่านพ่อตายแล้วขอรับ”
“เจ้าว่าอะไรนะ!”
“ท่านพ่อถูกฝ่ายศัตรูลอบทำร้ายทำให้สิ้นชีพในสนามรบ”
“มะ...ไม่จริง ท่านพี่!” เถียนไฉ่หงทรุดตัวนั่งลงกับพื้นร้องไห้ปานจะขาดใจ
“ท่านแม่ทัพ” อวี้เหม่ยเรียกสามีพร้อมเข้าสวมกอด ทันทีที่เข้าสวมกอดแนบอกแกร่งของผู้เป็นสามี นางรู้ได้ทันทีว่าอ้อมกอดนี้ไม่ใช่อ้อมกอดที่ตนรอคอย อ้อมกอดแสนอบอุ่นที่คะนึงหามาเนิ่นนาน ทว่าตอนนี้กลับเย็นเฉียบประหนึ่งแผ่นน้ำแข็งก็มิปาน อีกทั้งสายตาของเขาที่มองมายังเรียบเฉยเสียจนหัวใจของนางเริ่มสั่นคลอน
“ไม่ได้เจอกันหลายปี เจ้าสบายดีใช่หรือไม่” เขาถามแล้วดันตัวของนางออกห่าง ทำให้อวี้เหม่ยหน้าเสียเล็กน้อย
“ข้า...สบายดีเจ้าค่ะ” นางใช้หางตามองไปที่มารดาสามีที่กำลังร้องห่มร้องไห้ หากไม่นับเรื่องนี้ชีวิตในจวนของนางสุขสบายดี
“ดีแล้ว”
“ว่าแต่สตรีผู้นั้นเป็นใครหรือเจ้าคะ” ในที่สุดนางก็ได้ถามสามีของตัวเองว่าสตรีแปลกหน้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาที่แท้เป็นใครกัน
