จะไม่ยอมอีก
เมื่อเรื่องนี้ดังเข้าหูเถียนไฉ่หงนางรีบรุดเดินมาที่นี่ด้วยสีหน้าไม่พอใจที่ลูกสะใภ้ได้ทีรีบไล่นางให้ไปอยู่ที่อื่น โดยที่นางไม่ได้เต็มใจ
“สามีเจ้ารู้เรื่องนี้หรือไม่ เจ้าถึงกับรีบย้ายของของท่านพี่ออกจากเรือนใหญ่กลัวผู้คนไม่รู้หรืออย่างไรว่าตัวเองคือนายหญิงสกุลหลิง”
“ท่านแม่กล่าวเกินไปแล้ว ข้าเพียงแค่ทำตามหน้าที่ ของใช้ส่วนตัวรวมถึงสิ่งของต่าง ๆ ของท่านแม่ข้ายังไม่ได้ให้คนย้ายออกไปก็ถือว่าให้เกียรติมากพอแล้ว”
“นี่เจ้า!”
“ท่านเลือกมาเถิดเจ้าค่ะ ว่าจะไปอยู่ที่เรือนใด หากท่านมัวแต่รีรอไม่รีบบอก ข้าจะคิดว่าท่านจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกก็แล้วกัน”
“หลิวอวี้เหม่ย!” เถียนไฉ่หงเรียกนางเสียงกึกก้องอย่างไม่ไว้หน้า
“ตอนนี้สามีข้ากลับมาแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องคอยปรนนิบัติท่านประหนึ่งทาสอีกต่อไปที่ผ่านมาหากไม่ใช่เพราะท่านพ่อสั่งเอาไว้ว่าให้คอยดูแลท่าน มีหรือที่ข้าจะยอมก้มหัวให้ท่านรังแก”
นางไม่จำเป็นต้องเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ในใจอีกต่อไป และยิ่งไม่ได้สนใจความสัมพันธ์ระหว่างมารดาสามีกับลูกสะใภ้ ตัวนางเองไม่ใช่สตรีสามัญทั่วไปที่จะมารังแกกันได้ง่าย ๆ เบื้องหลังของตระกูลหลิวยังมีเจิ้งกั๋วกงอยู่ ตราบใดที่ไม่ได้ทำเรื่องชั่วช้าผิดกฏหมายเพียงแค่นี้ตัวนางก็ไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดอีก
“ข้าจะรอดูว่าหลิงเหยียนจะจัดการเจ้าเช่นไร”
อวี้เหม่ยยืนดูบ่าวรับใช้ขนย้ายของออกจากเรือนเกือบครึ่งวันถึงเสร็จสิ้น จนเวลาบ่ายแก่สามีของนางได้กลับมาถึงจวน
“เจ้ามารอข้าอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกเจ้าค่ะ ข้าแค่มาตรวจดูความเรียบร้อยของเรือนใหญ่เท่านั้น”
“ที่นี่มีอะไรงั้นหรือ”
“ข้าให้บ่าวรับใช้ย้ายของของท่านพี่มาไว้ที่นี่จนหมดแล้ว”
“เจ้าว่ายังไงนะ!” เขาเผลอพูดเสียงดัง ทำให้หญิงสาวสะดุ้ง
“ข้าให้คนย้ายของมาที่เรือนใหญ่แล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าทำแบบนี้ทำไมกัน ไม่รู้หรือว่าท่านพ่อรักเรือนแห่งนี้ยิ่งเสียกว่าอะไร”
“นี่ท่านตำหนิข้าหรือเจ้าคะ ข้าเพียงแค่ทำตามธรรมเนียมปฎิบัติ ตอนนี้ท่านพ่อได้จากไปแล้วจะช้าหรือเร็วท่านก็ต้องย้ายมาอยู่ที่นี่อยู่ดีไม่ใช่หรือ”
“อวี้เหม่ย” เขาถอนหายใจราวกับรู้สึกเบื่อหน่าย แล้วเรียกชื่อนาง
“ข้าทำอันใดผิดไปงั้นหรือ”
“เจ้า...ไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแต่เจ้าจัดการเรื่องละเอียดอ่อนพวกนี้เร็วเกินไป ข้ายังทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียท่านพ่อแล้วมีหรือที่ข้าจะอยากย้ายมาอยู่ที่นี่แทนที่ท่าน”
“ข้าผิดเองที่ไม่ได้คิดให้รอบคอบจนทำให้ท่านรู้สึกไม่ดี” เอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ตั้งแต่พวกเขามีใจคิดตรงกันทั้งคู่ไม่เคยทะเลาะกันแม้สักครั้ง ไม่แปลกถ้านางจะรู้สึกเสียใจกับคำพูดเมื่อครู่ของคนรัก
“ข้าก็ผิดเช่นกันที่เผลอพูดเสียงดังใส่เจ้า” ว่าพลางจับมือของนางเอาไว้ ทำให้คนที่อารมณ์บูดบึ้งเริ่มรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“แล้วจะให้ทำอย่างไรดี ของก็ย้ายมาจนหมดแล้ว”
“ไม่ต้องย้ายกลับแล้ว”
“ข้าได้ยินบ่าวในจวนบอกว่าท่านเข้าวัง มีเรื่องใดเกิดขึ้นรึไม่”
หลิงเหยียนพยักหน้า เขาไม่คิดจะปิดบังเรื่องที่ถูกลดตำแหน่งกับถูกองค์ฮ่องเต้ลงโทษให้อยู่แต่ในจวนเป็นความลับ
“ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ข้าแค่ถูกลดตำแหน่งน่ะ”
“ลดตำแหน่งงั้นหรือ ทำไมฝ่าบาทถึงได้ทำแบบนี้ ท่านกับท่านพ่อไปออกรบจนได้ชัยชนะกลับมาแล้วทำไมถึง...”
“อันที่จริงก็มีสาเหตุ เป็นเพราะท่านพ่อหลงเชื่อคำลวงของพวกศัตรูทำให้พาทหารไปตายนับหมื่นคน ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าจะถูกลงโทษ”
“ท่านพ่อทำผิดเรื่องนี้ข้าเข้าใจ เพียงแต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่านที่ไหนกัน หรือจะบอกว่าเป็นเพราะท่านเป็นลูกชายของเขา ถึงได้ถูกลงโทษแทนบิดาที่ตายไปแล้วอย่างนั้นหรือ ถ้าเป็นเหมือนที่ข้าว่ามันไม่น่าขันไปหน่อยหรืออย่างไร”
แม่ทัพหนุ่มอมยิ้มประหนึ่งได้ฟังคำพูดขบขัน ทำให้ร่างบางมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง
“ถูกฝ่าบาทลงโทษก็ดี ข้าจะได้มีเวลาอยู่กับเจ้า”
“ถ้าท่านพี่พูดแบบนี้ แล้วข้าจะกล้าเอ่ยอันใดเล่า” ตอบด้วยน้ำเสียงเอียงอาย
