จากกันพันลี้
ท่ามกลางสงครามเขตชายแดนทางทิศใต้ งานแต่งงานระหว่างแม่ทัพหลิงเหยียนกับหลิวอวี้เหม่ยถูกจัดขึ้นด้วยความเรียบง่าย ดวงตะวันยังมิทันคล้อยลงดินและคู่บ่าวสาวยังมิทันได้เข้าห้องหอเสียด้วยซ้ำ แต่ทั้งคู่จำต้องแยกจากกันไกลนับพันลี้
“อวี้เหม่ย จงฟังให้ดีใบหย่านี้ข้ามอบให้เจ้าไว้เผื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด”
“ไม่ ข้าไม่ต้องการ” หญิงสาวบอกคนรัก
“ออกรบครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดอันใดขึ้นบ้าง หากข้าโชคร้ายจนมิอาจกลับมาหาเจ้าได้อย่างมีชีวิต อย่างน้อยใบหย่านี้คงช่วยให้เจ้ารอดพ้นจากวิกฤต”
“ฮึก” เสียงร่ำไห้ของนางดังขึ้นยามได้ยินคำกล่าวเมื่อครู่ของสามี
“อย่าร้องไห้ไปเลย ใช่ว่าข้าจะตายในสนามรบเสียเมื่อไร ข้าแค่พูดเผื่อไว้ก็เท่านั้น” เขาเอ่ยปลอบ พร้อมกับใช้มือขวาเช็ดน้ำตาให้นางด้วยความอ่อนโยน
“ท่านสัญญากับข้าได้รึไม่ ว่าท่านจะกลับมาอย่างปลอดภัย”
“ข้าสัญญา”
“ท่านแม่ทัพ ถึงเวลาออกเดินทางแล้วขอรับ” บ่าวคนสนิทร้องเรียก
“แล้วข้าจะรีบกลับมา” เขาบอกสตรีอันเป็นที่รัก ก่อนจะเดินตามหลังลูกน้องไป
กระทั่งเวลาล่วงเลยจวบจนสามปีแต่ยังคงไร้วี่แววของสามีที่ตนรอคอย
“ฮูหยิน ทำอะไรอยู่หรือเจ้าคะ”
“ข้านั่งอ่านจดหมายของท่านแม่ทัพอยู่น่ะ”
“จะว่าไปแล้วนี่ก็หลายเดือนแล้วนะเจ้าคะ ที่ท่านแม่ทัพไม่ได้ส่งจดหมายมา”
“ท่านแม่ทัพคงยุ่งวุ่นวายกับการออกรบถึงไม่ได้ส่งจดหมายมาให้ข้า”
“สามปีผ่านไปเร็วยิ่งนัก ท่านว่าไหมเจ้าคะ”
“สามปีสำหรับคนที่ไม่ต้องรอก็ถือว่าเร็วอย่างที่เจ้าว่า สำหรับข้าแต่ละวันกว่าจะผ่านไปช่างยาวนานนัก”
“ฮูหยิน” เพ่ยอิงที่รู้สึกผิดกับคำพูดเมื่อครู่ของตัวเองเอ่ยเรียกเจ้านายเสียงแผ่วเบาราวกับว่าจะปลอบใจ
“ข้าได้แต่หวังว่าท่านแม่ทัพจะสบายดี…” ไม่ทันที่สองนายบ่าวจะได้เอ่ยอันใด จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายจากด้านนอกเข้าเสียก่อน
“เรียกนางออกมา!”
“ท่านแม่ มาหาข้าถึงที่เรือนมีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ” นางเดินออกมาดูก็พบว่าเป็นแม่สามีที่ส่งเสียงเอะอะโวยวายอยู่ที่นี่
“เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปี แต่เจ้ากลับลืมหน้าที่ของตัวเองไปแล้วรึนี่ เหตุใดถึงไม่มาหาข้าที่เรือน” น้ำเสียงไม่พอใจดังขึ้นทันทียามเห็นหน้าลูกสะใภ้
“ขออภัยเจ้าค่ะ”
“ตามข้ามาได้แล้ว!”
“ฮูหยิน...” เพ่ยอิงเรียกนายหญิงของตนด้วยนัยน์ตาสั่นไหวเพราะรู้สึกสงสารจับใจ ตั้งแต่แต่งเข้าจวนตระกูลหลิงคุณหนูของนางไม่ได้รับการปฏิบัติเฉกเช่นฮูหยิน แต่กลับถูกแม่สามีโขกสับกลั่นแกล้งสารพัดราวกับว่านางเป็นเพียงทาสในเรือน
“เพ่ยอิง เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่” นางหันมาบอกสาวใช้ข้างกาย ก่อนก้าวเดินตามหลังสตรีย่างวัยชราไปยังเรือนใหญ่
เถียนไฉ่หงนั่งลงบนเตียงนอนพร้อมกับใช้หางตามองไปยังลูกสะใภ้ที่บัดนี้กำลังนั่งล้างเท้าให้ตนอยู่เบื้องล่างด้วยท่าทีพึงพอใจเป็นที่สุด นับตั้งแต่แม่ทัพใหญ่หลิงอี้ สามีของนางกับลูกเลี้ยงอย่างหลิงเหยียนไปออกรบ นางได้ถือเอาตัวเองเป็นใหญ่ที่สุด ทุกคนในจวนล้วนต้องฟังคำสั่งนาง ไม่เว้นแม้กระทั่งหลิวอวี้เหม่ยที่เพิ่งแต่งเข้าจวนมายังไม่ถึงค่อนวันดีด้วยซ้ำ
“ท่านแม่ ข้าล้างเท้าให้ท่านเสร็จแล้ว เช่นนั้นข้า...” ไม่รอให้สตรีอ่อนวัยเอ่ยจบ นางแกล้งเตะถังน้ำอุ่นที่ตนแช่เท้าอยู่จนน้ำกระเซ็นหกไปทั่ว
“โทษที ข้าตกใจเสียงร้องของตุ๊กแก ลำบากเจ้าแล้ว” เถียนไฉ่หงเหยียดยิ้มบอก
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” นางว่า พลางใช้ผ้าเช็ดเท้านำมาเช็ดทำความสะอาดพื้นบริเวณที่เปียกชื้นจนสะอาด
“กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” เป็นเพ่ยอิงที่ถามขึ้น ขณะกำลังยกถังน้ำผ่านหน้าเรือน อวี้เหม่ยเพียงพยักหน้าตอบ
“ฮูหยิน มือท่านไปโดนอะไรมาหรือเจ้าคะ!”
“ข้าทำน้ำหกน่ะ”
“มือท่านถูกน้ำร้อนลวกกลับมาอีกแล้วใช่หรือไม่”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเห็นเจ้านายของตัวเองเป็นเช่นนี้หลังกลับมาจากเรือนหลักคงอย่างน้อยสามในเจ็ดครั้งกระมังที่เห็นนายหญิงกลับมาในสภาพเช่นนี้
