บทที่ 3 ตอนที่ 1
สุริเยนทร์หันมองไปยังสระน้ำเป็นบางครั้งเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าเธอยังปลอดภัยดี พยายามหลบเลี่ยงสายตาจากภาพยั่วเย้าอารมณ์กลัดมัน เขาเป็นผู้ชาย...ต่อให้เป็นสุภาพบุรุษขนาดไหนก็เป็นแค่คนธรรมดา ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ได้ยลโยมสรีระของอิสรีที่เต็มไปด้วยทรวดทรงสะโอดสะองสมบูรณ์แบบ มีหรือจะไม่หวั่นไหวบ้าง
เขาก็ได้แค่ภาวนา...ขอให้เธอเสร็จภารกิจโดยเร็ว จะได้แยกย้ายกันไปเสียที
“อ้าวเฮ้ย! หายไปไหนแล้ว!” นายทหารหนุ่มขมวดคิ้วจนหน้าผากยืนเกือบชนกัน เขาใช้ปลายด้ามปืนค้ำดินแล้วลุกขึ้นมองสระน้าเบื้องล่างที่บัดนี้มีแต่ความว่างเปล่า ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าไม่ถึงห้านาทีเขายังเห็นหญิงสาวปริศนาเล่นน้ำแหวกวนอย่างสบายใจ
เธอกลับไปแล้วหรือเกิดอะไรขึ้นกับเธอ...
หรือว่าเขากำลังเจอดีเข้าให้แล้ว...
สุริเยนทร์ครุ่นคิดแปลกใจ ขนลุกซู่โดยไม่ทราบสาเหตุ อาจเพราะอากาศเย็นในป่า หรือเพราะเขายังหาคำตอบเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้
“เราคงคิดมากไปเองมั้ง แต่คนอะไรหายตัวเร็วขนาดนั้น หรือรู้ว่าเราอยู่ตรงนี้” เขาเก็บปืนขึ้นจากพื้น ส่ายศีรษะแล้วถอนหายใจหนัก พยายามคิดในแง่ของวิทยาศาสตร์ และเมื่อทุกอย่างเป็นปกติแล้วเขาจึงเดินแหวกหญ้ารกสูงเดินกลับยังเส้นทางที่ใช้บุกเข้ามาสำรวจ
“...” เสียงอะไรบางอย่างทำให้สองเท้าของร้อยเอกหยุดชะงัก หูของเขารับรู้ถึงการเคลื่อนไหว สายตาคมกล้ากลอกเหลือบมองไปด้านหลังแล้วรีบยกปืนขึ้นหันกลับไป นิ้วมือเตรียมพร้อมจะลั่นไกทันที!
“นี่เธอ...” ภาพตรงหน้าทำให้เขาตะลึงยิ่งกว่าได้เห็นหญิงสาวปริศนาว่ายน้ำอยู่ในลำธารเสียอีก เพราะตอนนี้เธอมายืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมด้วยปืนสั้นขนาดพกพาในมือ เธอเล็งมาที่เขาด้วยสีหน้านิ่งสงบ แววตาดุดันเหมือนเสือร้าย
“ดุชิบ...” เขาเอ่ยพึมพำพร้อมรอยยิ้มตรงมุมปาก ชายหนุ่มค่อนข้างมั่นใจว่าเป็น ‘เธอ’ ผู้เป็นเจ้าของเรือนร่างดั่งประติมากรรมในตอนที่ว่ายเล่นอยู่ในน้ำ และเมื่อได้มองใกล้ๆ ก็ยิ่งสะกดให้เขาไม่อาจละวางสายตา
เธอเป็นผู้หญิงผิวขาวแต่ไม่ขาวจัด ดวงหวานละมุนแต่คิ้วเข้ม ตาดุ ริมฝีปากบางเฉียบได้รูป จมูกโด่ง ผมยาวดำขลับล้อมอยู่รอบดวงหน้ารูปไข่
“แอบดูฉันเล่นน้ำแล้วคิดจะหนีไปง่ายๆ งั้นเหรอ”
“ใครแอบดูคุณ...ผมอยู่อารักขาต่างหาก คุณน่าจะขอบใจผมด้วยซ้ำ”
“อารักขาหัวตัวเองให้รอดเถอะ” เธอแสยะยิ้ม
“เมื่อกี้ยังเป็นมัจฉาน้อย ตอนนี้เป็นแม่เสือซะแล้ว” ชายหนุ่มบ่นพำพำ ยกมือยอมศิโรราบ แต่สายก็อดไม่ได้ที่จะมองสำรวจ ในหัวของเขาลบภาพเปลือยเปล่าในแอ่งน้ำนั้นออกไปไม่ได้เลย
“ทุเรศสิ้นดี...เป็นทหารดูแลประชาชน กลับทำตัวถ่อยสถุลมาแอบมองผู้หญิงอาบน้ำ” เธอกัดฟันกรอดด้วยความโกรธจัด แต่มือที่ถือปืนนั้นนิ่งไม่กระดิก บ่งบอกถึงความชำนาญไม่ใช่น้อย “นี่คุณ...ผมไม่ได้ตั้งใจจะดู แต่มันเห็นเอง ผมไปฉี่เข้าใจไหม แล้วนี่มันกลางป่ากลางเขาทำไมคุณไม่ระวังตัวบ้าง เกิดเป็นพวกกลุ่มค้ายา หรือพวกตัดไม้เถื่อน หรือใครก็ตามที่ไม่ใช่ผมผ่านมาเห็น คุณไม่ได้มายืนเอาปืนจ่อหัวเหมือนที่ทำกับผมแบบนี้แน่”
“ฉันอยู่ที่นี่มาหลายปี ไม่เคยมีใครทุเรศทุรังเหมือนนายเลย นิสัยไม่ดีแล้วยังปากเสียอีก”
“นี่เธอ...อย่าขยับนะ ข้างหลังมีงู”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องหน่อยเลย ฉันไม่ยอมปล่อยนายไปง่ายๆ แน่วันนี้”
“ไม่ได้เปลี่ยน...อย่าขยับ!” เขาตะโกนหน้าตื่นแต่หญิงสาวกลับไม่สนใจ เธอยังคงเล็งปืนมาที่เขาแล้วก้าวเท้าไปด้านข้างหวังดึงเถาวัลย์มามัดตัวชายหนุ่ม
สุริเยนทร์อาศัยจังหวะเพียงเสี้ยววิที่เธอละสายตาพุ่งตัวเข้าหาตบปืนในมือของเธอจนร่วงลงพื้นแล้วคว้าร่างเล็กมากอดพลิกตลบให้ตัวเองไปยืนอยู่นั้นแทน อันตรายไม่อาจหยุดยั้ง...แต่เขาคือผู้ปกป้องไม่เปลี่ยนแปลง
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า!!”
“อย่า...ขยับ” สีหน้าของนายทหารหนุ่มนิ่งงัน เขากะพริบตาถี่และหายใจแรงจนพอหวาเริ่มสังเกต เขายังกอดเธอเอาไว้แน่น แต่เหมือนเรี่ยวแรงจะเริ่มผ่อนลงทั้งที่มือยังรั้งรัดเอาไว้
“นี่...เกิดอะไรขึ้น!!”
สุริเยนทร์ทรุดฮวบลงจนหญิงสาวต้องประคองเอาไว้ เมื่อไม่มีร่างใหญ่บดบังวิสัยทัศน์ เธอจึงเห็นงูตัวใหญ่ที่เลื้อยหนีเข้าพงหญ้าอยู่ไวๆ และได้รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง
เขาถูกงูกัดและเป็นงูที่มีพิษอันตรายมากเสียด้วย
“....” ชายหนุ่มหายใจแรง สีหน้าซีดลงถนัดตา เขาเหลือบมองบาดแผลที่แขนซึ่งเริ่มมีเลือดซึมติดแขนเสื้อ พอวารีบพยุงให้เขานั่งพิงต้นไม้ใกล้ๆ แล้วแกะแขนเสื้อลายพรางสำรวจอาการบาดเจ็บ
“ไหวไหม...” เธอถาม ซึ่งเขาก็พยักหน้า หญิงสาว บีบตรงปากบาดแผลให้เลือดไหลออกมามากที่สุด แล้วดึงมีดพกออกจากฝักตรงสะเอวของเขาแล้วตัดแขนเสื้อจนขาด จากนั้นตัดอีกตามความยาวเพื่อใช้มัดเหนือรอยกัดเพื่อไม่ให้พิษดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
“เราต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ไม่งั้นคุณไม่รอดแน่” สีหน้าและแววตาของเธอไม่มีแววตื่นตระหนกแม้แต่น้อย จัดการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยความคล่องแคล่วแต่เบามือ จากนั้นรีบสอดมือพยุงเขาจากด้านหลังให้ลุกขึ้น สุริเยนทร์ทำตามแต่โดยดี เพราะตอนนี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่เขาพึ่งพาได้
“คุณชื่ออะไร...” หญิงสาวเริ่มพูดดีด้วย อย่างน้อยๆ เขาก็ช่วยเธอเอาไว้ หากชายหนุ่มในชุดทหารพรานคนนี้ไม่เข้าไปขวาง คนที่ถูกงูกัดก็คงเป็นเธอ และมันคงเลวร้ายเสียยิ่งกว่า เพราะตำแหน่งมือของเขาที่ถูกกัดอยู่ตรงด้านหลังของเธอ หมายความว่าหากไม่มีมือขวางอยู่ งูก็จะกัดเธอตรงแผ่นหลัง ซึ่งควบคุมการกระจายของพิษได้ยากกว่า พิษก็กระจายเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ง่ายกว่าอีกด้วย
“สุ...สุริเยนทร์” น้ำเสียงของเขากระท่อนกระแท่น แต่ขาก็ยังเดินได้เร็ว มือข้างหนึ่งกำประคองมือข้างที่บาดเจ็บไม่ให้สะเทือนมากนักขณะเคลื่อนไหว
“ฉันชื่อพอวา...ฉันเป็นหมอ” น้ำเสียงของเธอปนหอบ ประคองร่างใหญ่ทุลักทุเลออกจากป่าจนมาถึงทางเดิน เธอก็พาเขาไปนั่งบนโขดหินข้างลำธารที่ลงอาบเมื่อครู่
“คุณต้องรอฉันอยู่ที่นี่ ฉันไม่มีเซรุ่มติดตัว ถ้าเดินมากพิษจะแพร่กระจายเร็วขึ้น ฉันจะรีบไปเอาเซรุ่มแล้วให้คนมาช่วยพาเข้าหมู่บ้าน” พอวากล่าวรวบรัด คลายผ้าตรงแขนเหนือบาดแผลชั่วครู่แล้วรีบมัดไว้ดังเดิม สายตาของเธอจับจ้องอยู่กับสีหน้าของเขาตลอดเวลา
“แผลไม่ลึกเพราะแขนเสื้อคุณหนา ไม่ต้องตกใจคุณจะไม่เป็นไร...” เธอพยายามปลอบ ชายหนุ่มก็พยักหน้า สภาพร่างกายที่แข็งแรง บวกกับทักษะในการใช้ชีวิตในป่าทำให้พอวาเชื่อมั่นว่านายทหารหนุ่มผู้นี้รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรเพื่อให้พิษแพร่กระจายเข้าสู่ร่างกายน้อยที่สุดในระหว่างที่รอเธอกลับมา
พอวาคว้ากระเป๋าปฐมพยาบาลแล้ววิ่งไปตามทางที่ทอดยาวเข้าสู่หมู่บ้านที่เธอพักอยู่โดยไม่เหลียวหลังกลับมามองให้เสียเวลา สุริเยนทร์ก็นั่งจับแขนข้างที่บาดเจ็บเอนพิงหินก้อนใหญ่ด้านหลังแล้วหลับตาลง พร้อมถอนหายใจยาว ผ่อนคลาย...
