บทที่ 2
“เป็นอะไรครับ ทำไมถึงนอนถอนหายใจเฮือกๆ แบบนั้น” ปราณเอ่ยถามภรรยา เพราะตั้งแต่เขากลับมาก็เห็นสีหน้าของฤทัยเต็มไปด้วยความครุ่นคิด ขนาดจะเข้านอนแล้วคิ้วก็ยังขมวดผูกกันเป็นโบ
“คิดเรื่องทรายอยู่นะคะ เพราะตอนนี้ดูเหมือนจะยังหางานใหม่ไม่ได้เลย” นั่นคือสิ่งที่ฤทัยกังวล
“อืม...พี่ว่าเราพอจะช่วยได้นะครับ”
“ยังไงคะ” ฤทัยเอ่ยถามขึ้น
“พอดีญาติห่างๆ ของพี่เขากำลังต้องการพี่เลี้ยงเด็ก”
“จริงหรือคะ งั้นเราแนะนำทรายไปได้ไหม”
“พี่ว่าได้นะ เพราะทรายก็ทำงานดีแล้วลูกของญาติพี่คนนี้ก็อายุไล่เลี่ยกับน้องอาย ค่าตอบแทนดีด้วย” ปราณยิ้มออกมา เพราะทันทีที่ได้ฟังเขาก็คิดถึงทรายแก้วเป็นคนแรก
“งั้นพรุ่งนี้ฤทัยจะบอกทรายค่ะ”
“ครับ...ยิ้มออกเสียทีเมียพี่”
“ก็ฤทัยเครียดนี่คะ อีกอย่างก็อยากช่วยทรายเท่าที่ช่วยได้เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาเจอกันอีก”
“พี่รู้ เอาเป็นว่าพี่ฝากเรื่องนี้ด้วยนะ ถ้าทรายตกลงทางนั้นก็ให้เริ่มงานได้เลย”
“ค่ะ” ฤทัยยิ้มรับก่อนจะเข้าไปนอนซุกอยู่ในอ้อมกอดของสามี เธอกับปราณแต่งงานใช้ชีวิตด้วยกันมาได้สองปีแล้ว ตั้งแต่คบกันเป็นแฟนจนถึงแต่งงานสร้างครอบครัว ชายหนุ่มไม่เคยทำอะไรให้เธอต้องผิดหวัง เขาเป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งแฟน สามีและพ่อของลูก
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากส่งสามีไปทำงานแล้ว ฤทัยก็เข้าไปคุยกับทรายแก้วที่วันนี้ยังคงมาทำงานก่อนเวลาเช่นเคย ทั้งๆ ที่ในบ้านมีห้องว่างที่ทรายแก้วสามารถนอนค้างได้แต่เธอกลับขอไปเช้าเย็นกลับแทน บางวันที่ลูกสาวเธองอแงก็กลับค่ำแถมยังไม่รับโอทีอีก
“เขาให้เงินเดือนสูงขนาดนั้นเชียวเหรอ” ทรายแก้วเอ่ยถามเพราะเงินเดือนที่ทางนั้นเสนอให้คือเกือบสามหมื่น ซึ่งหนึ่งในเงื่อนไขคือหากเธอตกลงก็ต้องย้ายไปพักที่บ้านนายจ้างด้วย เพราะทางนั้นอยากให้พี่เลี้ยงอยู่ดูแลใกล้ชิดกับลูกตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
“ใช่...ที่อยู่ที่กินก็มีให้พร้อม ถ้าไปต่างประเทศทรายก็จะได้ไปด้วยในฐานะพี่เลี้ยงนะ ทำงานครบปีมีโบนัสพิเศษให้ เราว่าโอเคมากนะ” ฤทัยเอ่ยบอกเพราะคิดว่าทรายแก้วเหมาะกับงานนี้มากจริงๆ อีกอย่างเงินเดือนสูงไม่ต้องเสียค่าเดินทางค่ากิน ทรายแก้วสามารถเก็บเงินได้มาก ฝันที่อยากซื้อคอนโดมิเนียมหรือบินไปหาแม่ที่ต่างประเทศก็จะง่ายขึ้น
“เราก็สนใจ แต่ที่กังวลคือนิสัยของเจ้านาย” ทรายแก้วเอ่ยบอกไปตรงๆ
“ทางนั้นเป็นญาติห่างๆ ของพี่เมฆ ฉะนั้นเราว่าไว้ใจได้หรือทรายจะเก็บไปคิดดูก่อน”
“ไม่เป็นไร เราตัดสินใจแล้วว่าจะรับงานนี้ ขอบใจมากนะฤทัย”
“ขอบใจเราอีกแล้ว ไม่เบื่อบ้างหรือไง” ฤทัยเอ่ยถามขึ้น เพราะตั้งแต่คบกันมาดูเหมือนปีนี้ทรายแก้วขอบใจเธอมากเป็นพิเศษ
“ไม่จ้ะ”
“งั้นวันนี้เราออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน ถือว่าเลี้ยงส่งเราทั้งคู่”
“เราขอเป็นเจ้ามือนะ” ทรายแก้วรีบบอกทำเอาฤทัยที่กำลังจะพูดเช่นเดียวกันส่ายหน้าไปมา
“ไม่ตกลงไม่ได้ใช่ไหม”
“ไม่ได้”
“งั้นจะกินให้พุงกาง ใช่ไหมคะน้องอาย วันนี้เราจะออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน หนูต้องเป็นเด็กดีไม่งอแงนะคะ” ฤทัยหันไปคุยกับลูกสาวตัวน้อยที่เวลานี้นอนเล่นอยู่บนใกล้ๆ
ก่อนที่ครอบครัวฤทัยจะเดินทาง ทรายแก้วอยู่ช่วยจัดกระเป๋าจนดึกดื่น เพราะอีกคนก็กลัวตกหล่นจึงมีอีกคนคอยตรวจสอบให้ วันเดินทางทรายแก้วก็ยังไปส่งที่สนามบิน เธออุ้มและบอกลาน้องอายด้วยรอยยิ้ม แม้ข้างในนั้นจะเศร้ากับการจากลาในครั้งนี้จนอยากร้องไห้ก็ตาม
ทรายแก้วโบกมือลาทั้งสามคน โดยเฉพาะเด็กหญิงตัวน้อยที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อแต่ทว่ากลับเอี้ยวตัวมองตรงมายังเธอ ทรายแก้วยืนส่งพวกเขาจนลับตาก่อนจะปาดน้ำตาที่กำลังไหลทันที เธอสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ แล้วเดินทางไปยังบ้านเจ้านายคนใหม่
เมื่อมาถึงทรายแก้วก็ได้รับการต้อนรับจากเจ้าบ้านเป็นอย่างดีและเธอก็ยังได้พบกับเด็กหญิงตัวน้อยที่ชื่อว่าไลลา ทรายแก้วรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้อย่างบอกไม่ถูก รวมไปถึงเด็กหญิงวัยเก้าเดือนก็เหมือนจะชอบพี่เลี้ยงคนใหม่ไม่น้อย เพราะเอามือจับนิ้วของทรายแก้วไม่ยอมปล่อย
“ท่าทางน้องไลลาจะชอบเธอเสียแล้วละ” เพียงนภาเอ่ยบอกเพราะเธอไม่เคยเห็นปฏิกิริยาแบบนี้ของลูกสาวมาก่อน แม้กระทั่งกับพี่เลี้ยงคนก่อนก็ตาม
“ค่ะ”
“ฉันไม่มีสัญญาจ้างงานให้เธอเซ็นจะมีก็แค่สัญญาใจเท่านั้น ถ้าเธออยากจะลาออกก็ขอแค่บอกให้ฉันรู้ล่วงหน้าสักหนึ่งเดือนเพื่อให้ฉันมีเวลาหาคนใหม่มาแทน อย่าไปโดยที่ไม่บอกกัน ฉันสงสารน้องไลลา”
“ค่ะคุณนภา”
“ตั้งแต่คลอดลูกฉันก็ไม่ค่อยแข็งแรง อารมณ์จึงสวิงขึ้นๆ ลงๆ ฉันไม่อยากให้มันกระทบกับลูกก็เลยอยากมีคนที่ไว้ใจได้คอยช่วยดูแลอีกแรง ฉันไว้ใจเธอนะทราย ไว้ใจเหมือนที่น้องฤทัยไว้ใจ” เพียงนภาสบตาทรายแก้ว เพราะคนตรงหน้าคือพี่เลี้ยงคนแรกของลูกสาวของเธอ
การรับพี่เลี้ยงไม่เคยอยู่ในความคิดของเพียงนภามาก่อน แต่เพราะสุขภาพไม่เอื้อจนส่งกระทบต่อสภาวะทางอารมณ์ บวกกับไม่อยากส่งลูกให้ไปอยู่กับปู่ย่าตายายเพราะคงอดคิดถึงไม่ไหว เธอจึงตัดสินใจที่จะลองรับพี่เลี้ยงและคนแรกที่เธอปรึกษาคือเมฆ เพราะเห็นว่ารับพี่เลี้ยงมาช่วยดูแลลูกเช่นกัน
“ขอบคุณค่ะคุณนภา” ทรายแก้วยกมือไหว้เพียงนภา แม้อีกฝ่ายจะอายุมากกว่าสามปีแต่เธอก็ต้องเว้นระยะห่าง เนื่องจากเพียงนภาคือเจ้านายส่วนเธอก็คือลูกน้อง ต่อให้จะมาทำงานเป็นพี่เลี้ยงที่อยู่ใกล้ชิดกับเด็กหญิงไลลา แต่ก็ต้องมีเส้นแบ่งไม่ตีสนิทมากจนเกินควร
