6
“ป้าเพ็ญจ๋าช่วยแป๋งด้วย แป๋งกลัว”
ปัทมนต์หัวหนักอึ้ง พยายามให้พลังใจต่อสู้กับความเลอะเลือนของสติ แต่แล้วก็พ่ายแพ้ ทุกอย่างเริ่มวูบวาบเหมือนฟิล์มภาพยนตร์ขาด ภาพในสายตาหายไป สำนึกสุดท้ายที่รับรู้คือกางเกงโดนกระชากออก และเสียงริงโทนโทรศัพท์แว่วมา
ร่างบางพลิกตัวไปมา หัวยังหนักและมึน เธอฝัน! เป็นฝันร้ายเสียด้วย ฝันว่าณวัตรพยายามมอมเหล้าหลอกปล้ำ ไร้สาระสิ้นดี! ลืมตาตื่น สะบัดหัวด้วยความมึนงง
ห้องที่ไม่คุ้น กลิ่นอับที่ไม่เคยพบ หญิงสาวอ้าปากตกตะลึงเมื่อประมวลสภาพความเป็นจริงที่เห็นกับความฝัน ใครสักคนทำอะไรกุกกักในห้องน้ำ เสียงน้ำฝักบัวไหลกระทบพื้น เปิดผ้าห่มที่คลุมออกดู ร่างเธอเปลือยเปล่า! เสื้อผ้ารวมถึงชั้นในกระจัดกระจายบนพื้นห้อง นอกนั้นยังมีเสื้อผ้าผู้ชายตกอยู่ใกล้กันซึ่งเธอจำได้ดี
ณวัตร!
หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว ลนลานเก็บเสื้อผ้ามาสวมจนถอยหลังไปชนถังขยะใบเล็กล้มลง ขยะในนั้นกระจายออกมา มีถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วปนอยู่ด้วย
เสียงฝักบัวหยุดลง คนในห้องน้ำคงรู้ตัวว่าเธอตื่นแล้ว หญิงสาวรีบดันโต๊ะหัวเตียงไปขวางประตูไว้ เสียงคนที่อยู่ด้านในเปิดประตูออกมาไม่ได้ เลยร้องตะโกนออกมา
“แป๋งเปิดเดี๋ยวนี้นะ”
“นายเลวที่สุด!” เธอตะโกนน้ำตาคลอเบ้า กลัดกระดุมเสื้อด้วยมืออันสั่นเทา
“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก” เสียงห้าวที่เปล่งออกมานั้นช่างบาดลึกเข้าไปในความรู้สึก จนพูดอะไรไม่ออก ปิดหูไม่อยากฟัง พลันสายตาเหลือบไปเห็นหยดเลือดบนเตียงที่นอน
“เลว! เลวที่สุด! ไปตายซะ!” ปัทมนต์บริภาษได้แค่นั้นแล้วรีบวิ่งออกไปเรียกแท็กซี่กลับคอนโดอย่างรวดเร็ว
“แป๋งจะไปค้างบ้านเพื่อนก็ไม่บอกสักคำ เหลวไหลจริงนะเรา” ปรียาภัทรบ่นเมื่อน้องใช้โทรศัพท์หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์คอนโดโทรขึ้นมาให้เธอเอาเงินค่าแท็กซี่มาจ่ายให้ “แล้วไปเที่ยวกันยังไงเนี่ยให้กระเป๋าหาย ของเลยสูญหมด”
“พี่ปรี แป๋งขอโทษ” เธอร้องไห้โฮ โผเข้ากอด พี่สาวทำหน้างงแต่ไม่ได้ติดใจอะไร คิดว่าจอมงกเสียดายของในกระเป๋า
“จ้า ๆ พี่เข้าใจ มันเป็นอุบัติเหตุ เดี๋ยวโทรไปอายัตเอทีเอ็ม บัตรเครดิต แล้วออกใบใหม่ให้” เธอตบหลังน้องสาวเบา ๆ
อาทิตย์ต่อมา ปัทมนต์ไม่ออกไปไหน ปิดโทรศัพท์มือถือที่ปรียาภัทรซื้อให้ใหม่เงียบไปจนพี่ออกปาก
“เป็นอะไร ดูซึม ๆ”
“เปล่าค่ะ แค่เหนื่อย อยากพักก่อนหางานทำน่ะ แล้วสปาเป็นยังไงบ้าง”
“ไปเรื่อย ๆ ช่วงเศรษฐกิจทรง ๆ ทรุด ๆ ได้เท่านี้ก็ดีแล้ว แต่ทางคุณไพรัชน่ะสิ” ปลายเสียงกังวล ถอนหายใจยาวแสดงอาการเหนื่อยหน่าย
“เศรษฐกิจแบบนี้โครงการอสังหาริมทรัพย์ก็มีแต่แย่กับแย่ ราคาอุปกรณ์ก่อสร้างขึ้นเอา ๆ เพราะราคาน้ำมัน โครงการเลยชะลอการซื้อ ส่วนพวกมีกำลังก็กดราคาเสียต่ำ ตอนนี้คุณไพรัชกำลังวุ่นหาแหล่งเงินกู้เพิ่มอยู่ แต่ท่าทางหินเอาการ”
ปรียาภัทรบ่นเรื่องโน้นเรื่องนี้ต่อ แต่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเธออยู่ดี
“มือถือเป็นอะไร โทรหาหลายครั้งก็ปิดเครื่องตลอด ถ้าไม่ใช่เธอพี่คิดว่าปิดเครื่องหนีเจ้าหนี้เลยนะ”
ปัทมนต์สะดุ้ง แต่คนพูดเดินเข้าห้องไปจึงถอนหายใจโล่งอก พี่ไม่ระแคะระคายเรื่องความผิดปกติซึ่งเกิดกับตัวเธอเลย
พอเปิดมือถือมีข้อความแจ้งสายไม่ได้รับยาวส่งมาเป็นหางว่าว ทั้งจากเชอรี่และแก้ม ทว่าไม่มีจากคนที่เธอกลัว หนึ่งในนั้นเป็นดนัยวุธ เพิ่งโทรมาล่าสุดเมื่อเช้า ตัดสินใจอยู่นานจึงกดโทรหาเพื่อน ดนัยวุธไม่ผิด คนผิดคือณวัตร เจ้าคิดเจ้าแค้นไม่เลิก
[“ไงแป๋งเป็นอะไรวะแก โทรหาตั้งหลายครั้งปิดโทรศัพท์ตลอดเลย”] คนรับสายต่อว่าเสียงร่าเริง
“ขอโทษ ฉัน...ไม่ค่อยสบายนิดหน่อย” หญิงสาวตอบอ้อมแอ้ม “แล้วแกโทรมามีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
[“ฉันคิดถึงแกว่ะ วันงานเลี้ยงได้คุยกันนิดเดียวเอง”]
มือที่จับโทรศัพท์เย็นเฉียบ เหงื่อซึมตามไรผม เมื่อเพื่อนเริ่มพาดพิงถึงงานนำไปสู่ต้นเหตุคืนนั้น
[“เมามากไปหน่อย โชคดีที่นะ...”]
“ทำไม! นะบอกอะไร”
เธอกลั้นใจถามเสียงเกือบเป็นตะคอก ปลายสายเงียบ ปัทมนต์คิดว่าเนิ่นนานราวกับนิรันดร์ หรือว่าชีวิตจะพังทลายลงในวันนี้
[“มันไปส่งแกไง ตอนนั้นฉันเมา นี่มันหายหัวไปเหมือนกัน เห็นว่ามีเรื่องยุ่ง ๆ ทางบ้าน”] ดนัยวุธเป็นคนไม่คิดอะไรมาก จนไม่ทันจับสังเกตความผิดปกติในน้ำเสียง
“เหรอ” อาการเกร็งมือค่อยคลายลง
[“ทุกคนยุ่งกันหมดจนฉันเหงาเลยว่ะ เหมือนมีแค่ตัวเองเท่านั้นที่ยังเป็นนักศึกษา จบจากนี่ก็ไปต่อโน่น”]
กับปัทมนต์ เขามักไม่เก็บอารมณ์ เพราะถือว่าสนิทรู้ใจกันดี เธอใจชื้นขึ้นที่การสนทนาราบรื่นเบี่ยงเบนไปสู่ประเด็นอื่น หากดนัยวุธพูดจ้อย ๆ อย่างนี้แสดงว่าณวัตรยังไม่ได้บอกเรื่องเธอ
[“โอ๊ะ! มัวแต่รำพึงรำพันเลยลืมบอกเรื่องสำคัญ ฉันจะบินแล้วนะคืนนี้ ตอนนี้อยู่สนามบิน โชคดีแกโทรมาพอดี”]
“เหรอ เร็วจัง ยินดีด้วยนะ แต่ฉันไม่ได้ไปส่งหรอกนะ”
[“เออ เข้าใจ ตอนนี้ทุกคนยังวุ่นเรื่องงานกันอยู่ ฉันไปเซอร์เวย์เผื่อเพื่อน เห็นว่านะจะตามไปทีหลัง”]
เธอแปลบในใจเมื่อได้ยิน ปากสั่น และมือกลับมาเย็นเฉียบ
[“รักษาสุขภาพด้วยล่ะแป๋ง อยากเที่ยวอเมริกาเมื่อไรก็ติดต่อมาล่ะกัน เดี๋ยวฉันออกให้”]
“ขอบใจ”
ปัทมนต์เอ่ยออกมาได้แค่นั้น น้ำตาก็รื้นขอบตากับความห่วงใยเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเพื่อน ซึ่งมีให้ในวันทุกข์หนัก
